ฉันเดินออกไปที่ห้องรับแขกก็ไม่เห็นใครแล้ว สงสัยว่าน้าเรไรจะออกไปกับผู้ชายคนนั้นแหง ๆ จะว่าไปคนที่ฉันเห็นหน้าก็เป็นหนุ่มใหญ่ หน้าตาสะอาดสะอ้าน เทียบกับพ่อทับ พ่อมหาจำเริญของแม่แม้ว่าจะอยู่เหมือนพวกถือศีลแต่อาทับหน้าตาดุดันกว่ามาก ฉันเห็นว่ามันเปเรื่องที่ไม่น่าใส่ใจอะไรมากนักก็เดินกลับเข้าครัว
พอถึงเวลาหัวค่ำฉันก็อาบน้ำสวมชุดนอนเตรียมจะเข้านอนอยู่แล้วเชียว แต่ก็เมียงมองหน้าบ้านยังไม่เห็นแม่กลับมา ยังนึกอยู่ว่าแม่จะกลับมาตอนไหน อุตส่าห์ทำขนมแต่แม่ดันกลับดึกซะได้ ขณะกำลังคิดอะไรเพลิน ๆ ก็ได้ยินเสียงโทรศัพท์ดังขึ้น พอฉันรับสายก็ได้ยินเสียงดังมาว่า
“น้ำ...น้ำเหรอลูก นี่แม่นะ”
“อ้าว...แม่...แม่อยู่ไหนเนี่ย ทำอะไรอยู่ทำไมไม่กลับบ้านอ่ะ นี่มันดึกละนะ”
“คืนนี้สงสัยแม่จะต้องกลับดึกนะน้ำ เลยรีบโทรมาบอกก่อน”
“ทำไมล่ะ แม่มีอะไรหรือเปล่า”
“ไม่มีอะไรหรอก แต่แม่ออกมากับเพื่อนอยู่อีกอำเภอ แล้วรถของเพื่อนดันมีปัญหายางแตก เนี่ยรอให้ช่างซ่อมรถอีก สงสัยต้องกลับดึกแล้วล่ะ พ่อเขานอนหรือยัง”
“นอนแล้วมั้ง...นี่น้ำก็กำลังจะเข้านอนอ่ะแม่ ยึงนึกอยู่เลยว่าแม่ยังไม่กลับ เป็นห่วงแม่อยู่เนี่ย”
“ไม่ต้องเป็นห่วง แม่อยู่กับเพื่อน ที่โทรมาเพราะกลัวว่าน้ำจะเป็นห่วง ถ้ายังไงน้ำช่วยไปบอกพ่อให้แม่ด้วยนะ”
“จ้ะ...แล้วรีบกลับล่ะแม่”
“เออๆ...รู้แล้ว”
จากนั้นแม่ก็วางสาย ส่วนฉันก็ถอนหายใจเพราะรู้ว่าแม่เป็นแบบนี้ประจำ ยังสงสัยว่าที่กลับดึกเพราะรถยางแตกนี่เป็นข้ออ้างหรือเปล่า แต่ช่างเถอะ ตอนนี้ต้องไปบอกอาทับซะก่อนบทที่ 3
ฉันเงยหน้ามองนาฬิกาบนผนังห้องบอกเวลาจวนสองทุ่ม อย่าว่าแต่แม่ยังไม่กลับเลย แม้แต่น้าเรไรก็ยังไม่กลับบ้าน ไม่รู้ว่าไปเที่ยวกับเพื่อนผู้ชายคนนั้นถึงไหน ฉันเองต้องอยู่แบบนี้มานานแล้ว และก็เห็นว่าเป็นเรื่องปกติ ซึ่งอาทับก็คงเห็นว่าเป็นเรื่องปกติด้วยกระมัง
ก็อย่างที่น้าเรไรว่าใส่หน้าฉันเรื่องแม่นั่นล่ะ แม่เป็นอย่างที่น้องสาวว่าจริง ๆ แม่ฉันสวย เป็นสาวบ้านนอกแต่เรื่องสังคมรำพัดไม่เป็นสองรองใคร ฉันไม่ได้รับส่วนนี้ของแม่มาหรอก แต่กลับกลายเป็นว่ามันเป็นปมในใจเพราะเปิดทางให้น้องสาวตัวเองพูดดูถูกได้สารพัด ซึ่งฉันก็ไม่รู้ว่าทำไมน้าเรไรถึงได้ใส่อารมณ์กับพฤติกรรมของแม่ถึงขนาดนั้น ฉันได้แต่ถอนหายใจและเดินไปที่ห้องแม่ แต่ก็เห็นประตูแง้มอยู่ และพอเปิดเข้าไปก็ไม่เห็นใครในห้อง
“พ่อ...พ่ออยู่หรือเปล่าจ๊ะ?”
ฉันร้องเรียกเบา ๆ เพราะมันค่ำแล้ว กลัวเรียกเสียงดังเดี๋ยวอาทับจะตกใจ และเมื่อไม่เห็นใครฉันจึงยืนเกาหัวแกรก ๆ
“พ่อไปไหนเนี่ย นี่มันก็ค่ำละ”
ฉันต้องถอนหายใจอีกรอบที่ไม่เห็นอาทับอยู่ในห้องก่อนออกจากห้องของแม่และเมื่อกำลังจะกลับไปที่ห้องของฉันก็ต้องหยุดชะงักเพราะได้ยินเสียงรถแล่นเข้ามาจอดหน้าบ้าน ฉันชะโงกหน้าออกไปทางหน้าต่างเห็นน้าเรไรก้าวลงมาจากรถคั้นนั้น สักครู่ผู้ชายคนที่มาหาน้าเรไรก็ลงจากรถตามมา ฉันแอบดูที่หน้าต่างจากชั้นสองเห็นชัดว่าผู้ชายคนนั้นจับมือถือแขนน้องสาวแม่และกอดกันอย่างสนิทสนม ไม่ยักรู้ว่าน้าสาวของฉันที่เป็นสาวเรียบร้อย หวานฉ่ำและยังไม่มีผัวจะยอมให้ผู้ชายกอดรัดแน่นขนาดนั้น
ฉันยังไม่ยอมละสายตาไปไหน ยืนแอบดูหลังม่านจากหน้าต่างชั้นบน เห็นผู้ชายคนนั้นกอด หอมน้าสาวของฉันก่อนทั้งสองผละจากกัน ผู้ชายคนนั้นขับรถออกไป ฉันยืนเบ้ปากและบ่นกับตัวเอง
“แหม...น้าเร...ไหนว่าเป็นสาวหวานเรียบร้อย เวลาแม่ออกไปรำพัดน่ะว่าแม่สารพัด แต่พอทีตัวเองมีผู้ชายพาไปเที่ยวแถมยังกอดหอมกันน่ะไม่เป็นไร ว่าแต่คนอื่นไม่ยอมมองตัวเองนะเนี่ย...แต่...เอ๊ะ!...นั่นอาทับนี่นา”
ฉันรู้สึกแปลกใจเมื่อเห็นอาทับเดินออกไปและหยุดที่น้าเรไร ทั้งสองยืนพูดคุยเหมือนกำลังถกเถียงกัน มันทำให้ฉันชักสงสัยและเดาไปต่าง ๆ นานา เอ...หรือว่าอาทับจะต่อว่าน้าสาวของฉัน แต่สิ่งที่ทำให้ฉันต้องประหลาดใจมากกว่านั้นคืออาทับดึงมือน้าเรไร ทั้งสองยื้อยึดกันไปมาก่อนอาทับดึงมือน้องสาวแม่ไปข้างบ้าน
“เฮ้ย...นั่นอาทับจะพาน้าเรไปไหนกัน”
ชักจะมีอะไรไม่ค่อยดีซะแล้ว และด้วยความอยากรู้ทำให้ฉันต้องรีบย่องเบาลงไปชั้นล่าง ตามไปดูว่าทั้งสองไปไหนกันแน่ ฉันเดินไปข้างบ้านซึ่งก็มีแสงไฟส่องสว่าง บ้านของฉันเป็นบ้านในชนบท ปลุกอย่างห่าง ๆ กันและโอบล้อมด้วยต้นไม้ ฉันเดินตามไปกระทั่งได้ยินเสียงดังขึ้นไม่ห่างออกไป
“พี่ทับจะมาวุ่นวายกับเรทำไม”
“จะไม่ให้พี่ยุ่งได้ไง เรทำเรื่องไม่เหมาะสมอยู่นะ”
เสียงของน้าเรไรกับอาทับที่ถกเถียงกันนั้นดังได้ยินชัดเจน และเมื่อฉันเดินไปหยุดใต้พุ่มไม้ก็เห็นพ่อเลี้ยงกับน้องสาวแม่ยืนคุยกันที่ด้านหลังของบ้าน ฉันหยุดยืนฟังทั้งสองโต้เถียงกันอย่างเผ็ดร้อน โดยเฉพาะน้าเรไรที่ขั้นเสียงกับอาทับชนิดไม่กลัวเลยว่าใครจะมาได้ยิน
“พี่ทับจะมายุ่งกับเรทำไม เรแค่ออกไปข้างนอกกับเพื่อน”
“เพื่อนเหรอ...เพื่อนอะไรกันทำไมกอดกันกลมอย่างนั้น”