ตอนที่ 5 อินทุ

1871 Words
อินทุ ผมยังรู้สึกใจเสียกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อกี้ไม่หาย ผมคิดว่าตัวเองฝันไปด้วยซ้ำที่จู่ๆก็มีผู้ชายคราวพ่อมาจูบปากผมแบบนั้นและมันคงไม่ผิดใช่ไหมที่ผมจะป้องกันตัวโดยการฟาดหมัดกลับไปเพื่อเป็นการแสดงออกว่าผมไม่พอใจ ผมไม่เข้าใจจริงๆทำไมเขาถึงกล้าทำกิริยาเยี่ยงนั้นกับคนที่เพิ่งรู้จักกันไม่นาน มันช่างเป็นการกระทำที่ป่าเถื่อนเอามากๆ มันดูแย่และเลวทรามสำหรับผมที่สุด ผมตั้งใจภาวนากับตัวเองเลยว่าอย่าผมได้เจอกับผู้ชายคนนี้อีกหรือหากได้เจออีก ก็ขออย่าให้เขาได้เข้าใกล้ผมเกิน 5 เมตร เพราะผมกลัวว่าเขาจะกระทำกริยาต่ำๆต่อผมอีก ยิ่งคิดยิ่งขยะแขยงกับฝันร้ายนั้น ตั้งแต่ผมเกิดมากระทั่งสู่ชีวิตวัยรุ่นผู้ชายธรรมดาๆคนหนึ่ง ผมใช้ชีวิตที่ผ่านมาโดยไม่เคยมีความสัมพันธ์ลึกซึ้งกับสตรีเพศหรือแม้แต่เพศเดียวกันเลยสักครั้งจนอายุได้ 19 ปีเต็ม มันอาจฟังดูไม่น่าเชื่อถือเท่าที่ควรหากเปรียบกับน้องชายลูกพี่ลูกน้องของผม ผมอิฐหรืออินทุ นฤบดินทร์ อายุ 19 ปี อาศัยอยู่กับน้องชายหนึ่งคนในบ้านหลังใหญ่หลังนี้ ซึ่งจะมีแม่บ้าน พ่อบ้าน คนขับรถ ผมและน้องชาย รวมแล้วได้ 5 คนพอดี เรามีกันแค่ 2 พี่น้องส่วนผู้ใหญ่ที่เหลือไปบริหารธุรกิจที่ต่างประเทศกันหมดตั้งแต่ผมอายุ 16 ปีตอนนั้นผมเรียนอยู่ชั้นม. 4 ของโรงเรียนสหศึกษาแห่งหนึ่ง ทำให้ผมมีหน้าที่เพิ่มขึ้นหลายอย่าง ทั้งต้องฝึกฝนเรียนรู้งานธุรกิจของครอบครัวในประเทศไทยและต้องปรับตัวให้มีวุฒิภาวะเพียงพอที่จะสามารถดูแลน้องชายอีกคนหนึ่งได้ โดยที่ผู้ใหญ่ของตระกูลได้ทิ้งมรดกมหาศาลไว้ให้เรารวมถึงธุรกิจอีกมากมายหลายแห่งให้ผมเป็นเจ้าของในการบริหารงานทั้งหมด ซึ่งมีผมเพียงคนเดียวที่พอจะมีวุฒิภาวะในการดูแลบริหารธุรกิจที่มีอยู่ในเมืองไทย เนื่องด้วยงานธุรกิจที่ผมต้องรับผิดชอบดูแลมากเกินกว่าที่ผมจะเรียนไปด้วย ทำงานไปด้วยได้ ผมจึงจำเป็นต้องลาออกจากโรงเรียนกลางคันเพื่อหันมาศึกษาต่อในระบบนอกโรงเรียนเรียนจนจบม. 6 จากนั้นผมได้ศึกษาต่อที่มหาวิทยาลัยปิดแห่งหนึ่งในสาขาการบริหารธุรกิจเพื่อไม่ให้กระทบกับเวลางาน ช่วงแรกๆคณะทำงาน กรรมการฝ่ายต่างๆของบริษัทรวมถึงโรงงานต่างๆที่ผมบริหารอยู่ ส่วนมากพวกเขาไม่ให้การยอมรับผมเลยซักคนเพราะสาเหตุที่ผมยังอ่อนประสบการณ์โดยยังมีวุฒิภาวะในการตัดสินใจที่ไม่เด็ดขาดพอ หลังจากที่ผมรู้ถึงข้อบกพร่องของตนเอง ผมก็เริ่มปรับปรุงแก้ไขการทำงานและการบริหารงานในส่วนต่างๆกระทั่งทุกวันนี้ทุกคนต่างให้การยอมรับทั้งยังสนับสนุนให้ผมดำรงตำแหน่งประธานในเครือบริษัท โรงงานและกิจการอื่นๆของผมต่อไป จากที่ผมเคยมีเพื่อน มีสังคมวัยรุ่น มีคนรักแต่ภาระหน้าที่ทั้งหมดทำให้ผมต้องเสียสละทุกอย่างเพื่อมารับในหน้าที่กับบทบาทใหม่ในแบบตัวคนเดียว ทุกวันนี้ผมแทบไม่มีเพื่อน ไม่มีสังคมอะไรนอกจากสังคมทางธุรกิจที่ผมต้องรับผิดชอบนานๆครั้งที่จะมีประชุมหรือสัมมนาเพื่อไปพบปะสังสรรค์กันเท่านั้น เวลาเกือบทั้งหมดผมทุ่มเทให้กับการบริหารงานเพียงสิ่งเดียว ทางด้านน้องชายที่มีศักดิ์เป็นลูกพี่ลูกน้องกับผม เขาก็มีหน้าที่ที่ต้องเรียนและต้องเรียนให้สูงที่สุดเท่าทีความสามารถของเขาจะทำได้ ถึงเขาจะมีอะไรหลายๆอย่างที่แตกต่างจากผมไปบ้างเขาก็คือน้องชายของผม ผมจะทำทุกอย่างเพื่อให้เขาได้มีชีวิตที่สุขสบายไม่ลำบากตามคำสั่งของพ่อแม่ของน้องเขาที่ฝากให้ผมดูแล แม้ว่าเรา 2 คนพี่น้องจะมีทรัพย์สินมากมายที่กองอยู่ตรงหน้ามหาศาล ถึงอย่างนั้นผมก็จำเป็นต้องคอยพร่ำสอนเขาให้รู้คุณค่าของเงินทุกบาทที่มีให้เกิดประโยชน์สูงสุดทุกครั้งต่อการใช้เงิน   ณ เวลานี้ผมอยากรู้เหลือเกินว่าเจ้าน้องชายตัวดีของผมมันไปรู้จักกับผู้ชายคราวพ่อคนนั้นได้ยังไง ไปรู้จักกันที่ไหน เขาทำอาชีพอะไร ทำไมน้องชายผมดูรักผู้ชายคนนั้นแล้วเหมือนจะเป็นห่วงเป็นใยมันเหลือเกิน วันนี้ผมต้องรู้ให้ได้ว่าผู้ชายหื่นกามคนนั้นเป็นใคร ทำไมมันช่างหน้าด้านกล้าทำกับผมอย่างกับคนเป็นโรคขาดเซ็กส์ไม่ได้เสียอย่างนั้น น่าขยะแขยงที่สุดเท่าที่ผมเคยเจอมา อย่าให้ผมได้เจอหน้ามันอีกนะ ผมจะต่อยให้หน้าหงายอีกสักรอบสองรอบเลยจะได้ไม่กล้าหื่นกับใครอีก คอยดูนะ! "เสียงริงโทนโทรศัพท์ของผมดังขึ้น... ว่ายังไงตัวดี อยู่ที่ไหนเนี่ย" ผมหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมาดูก็รู้ว่าเป็นสายน้องชายโทรเข้าจึงรีบกดรับแล้วกรอกไปตามสายอย่างรวดเร็ว  "พี่อิฐ พี่รู้ตัวไหมว่าพี่ทำอะไรลงไป พี่ทำเกินไปนะ พี่เตกระพุ้งแก้มฉีกต้องเข้ารักษาตัวที่โรงพยาบาล ตอนนี้เลือดยังไหลไม่หยุดเลย" สิ่งที่น้องชายผมตอบกลับมาไม่ทำให้ผมรู้สึกอะไรเลยแม้แต่น้อยก่อนที่ผมจะออกคำสั่งกลับไปอย่างหน้าตาเฉย "กลับมาได้แล้วพี่มีเรื่องจะคุยด้วย" "แต่..." ไม่ทันที่น้องชายผมจะได้คัดค้านผมก็สวนกลับทันควัน "ไม่ต้องมาแต่อะไรทั้งนั้น เขาทำตัวของเขาเอง พี่บอกให้กลับมาก็กลับมาตามนี้นะ อย่าให้พี่รอนาน" "พี่...ตู๊ดๆๆๆ" ผมกดตัดสายโทรศัพท์แล้วเดินเข้าห้องน้ำตามปกติเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น หลังจากที่ผมอาบน้ำแต่งตัวเสร็จจึงลงมือทำอาหารกลางวันทาน เวลาผ่านไปเกือบสองชั่วโมงหลังจากที่ผมได้สั่งน้องชายตัวดีให้กลับบ้านแต่ก็ยังไร้วี่แวว ผมนั่งทานข้าวฝีมือตัวเองพลางนึกถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นอีกครั้งบวกกับเรื่องราวที่น้องชายได้บอกผมว่า ผู้ชายคนนั้นถึงขั้นกระพุ้งแก้มฉีกจากการถูกผมต่อยเมื่อช่วงเช้าหรือว่าผมจะทำรุนแรงกับเขาเกินไปจริงๆ นั่นมันก็ช่วยไม่ได้ อยู่ดีไม่ว่าดี เขาทำสิ่งไม่ถูกต้องและเป็นสิ่งที่ผมรังเกียจที่สุดด้วย อันที่จริงผมไม่ได้รังเกียจคนประเภทนี้หรอกนะแต่เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นมันสุดจะทนจริงๆ อาจบวกกับผมตกใจสุดขีดจึงพลั้งมือฟาดหมัดใส่เขาไม่ยั้งไปแบบนั้น ขณะที่ผมกำลังจะเก็บจานข้าวไปล้างในครัว ผมต้องรีบหันไปที่ประตูหน้าบ้านทันเนื่องจากกำลังมีใครบางคนบิดลูกบิดประตูบ้านเข้ามา  "นี่คุณเข้ามาได้ยังไงอ่ะ ผมบอกคุณไปแล้วไม่ใช่เหรอว่าผมไม่ต้องการเจอหน้าคุณอีก" ผมวางจานลงไปที่เดิมบนโต๊ะทานข้าวแล้วเดินเข้าไปหาผู้ชายคนนั้นเพื่อที่จะถามหาสาเหตุที่เขาเข้ามาภายในบ้านผมโดยพละการและนั่นก็ไม่ใช่ใคร ไอ้เต ไอ้แก่หื่นกามเจ้าเก่า "อิฐ ฉันจะมาขอโทษนายกับสิ่งที่ฉันทำกับนายเมื่อเช้านี้ ฉันขอโทษ" คำพูดของเขาฟังแทบไม่ค่อยรู้เรื่องเนื่องจากคงยังเจ็บแผลที่กระพุ้งแก้มอยู่จึงทำให้เขาพูดไม่ชัดเท่าที่ควรแต่ผมก็พอจับใจความได้  "ช่างมันเถอะ ผมว่าคุณออกไปจากบ้านหลังนี้ดีกว่านะก่อนที่กระพุงแก้มของคุณจะฉีกอีกข้าง เชิญครับ" ผมกำลังยกมือขึ้นผายเพื่อที่จะเชิญให้มันออกไปจากบ้านแต่กลับถูกมือเรียวจับที่ฝ่ามือของผมไว้แน่นแล้วดึงเข้าไปสัมผัสที่หน้าอกด้านซ้ายของมัน ทำให้ผมรู้สึกตกใจจนทำอะไรไม่ถูกไปพักหนึ่ง ฝ่ามือใหญ่ของผมสัมผัสได้ถึงการเต้นของหัวใจที่มีความรุนแรงขึ้นเรื่อยๆของมันก่อนที่ผมจะค่อยๆเหลือบตาขึ้นมองที่ดวงตาของมันคู่นั้น ที่ผมได้เห็นเมื่อเช้าบัดนี้มันได้แสดงออกถึงความเสียใจและรู้สึกผิดเสียเต็มประดา ผมอดที่จะเคลิ้มตามไม่ได้  "นายลองสัมผัสแล้วฟังดูสิ นี่คือเสียงหัวใจของฉันที่มันเต้นเป็นจังหวะ มันพยายามพร่ำหาแต่นายเพียงคนเดียว ตั้งแต่ฉันเกิดมาไม่เคยมีผู้ชายคนไหนทำให้ฉันรู้สึกแบบนี้มาก่อน มันเป็นความรู้รู้สึกที่แปลกมากไม่เหมือนคนอื่นๆที่เคยผ่านเข้ามาในชีวิตของฉัน เพียงแค่ฉันได้เห็นหน้านายหัวใจของฉันก็เต็มไปนั้นด้วยความสุข" ความรู้สึกของผมมันเหมือนว่ากำลังตกอยู่ในภวังค์แห่งความเห็นใจ ผู้ชายที่เพิ่งขโมยจูบไปจากผมแต่แล้วสติของผมก็กลับมาอย่างทันท่วงที มันยังสั่งให้ผมดึงมือตัวเองกลับด้วยการสะบัดอย่างแรง ส่งผลให้มันเซล้มลงไปนอนกับพื้นอย่างไม่เป็นท่า "หยุดพูดเถอะผมจะอ้วก ออกไปจากบ้านของผมเดี๋ยวนี้ก่อนที่ผมจะเรียกตำรวจมาลากคอคุณในข้อหาบุกรุก" ทันทีที่ผมพูดจบก็ได้ยินเสียงมันร้องโอยด้วยความเจ็บปวดก่อนจะค่อยๆหันหน้ามาทางผมจึงทำให้ผมรู้ว่าหน้าผากของเขาไปกระแทกเข้ากับกระถางต้นไม้ที่ถูกจัดวางอยู่ด้านข้างหน้าประตูบ้านอย่างจังส่งผลให้คิ้วของมันแตก เลือดสดๆไหลอาบหน้าเป็นจำนวนมาก ผมเองก็ตกใจรีบเข้าไปประคองเขามานั่งที่โซฟาตรงห้องรับแขกของบ้านแล้ววิ่งไปเอากล่องเครื่องมือพยาบาลที่เก็บไว้ในห้องครัวมาทำแผลให้มันโดยเร็วที่สุด ผมพยายามควบคุมความตื่นเต้น ความตกใจให้อยู่ในสภาวะที่เป็นปกติ จากนั้นผมจึงเปิดกล่องเครื่องมือพยาบาลและหยิบอุปกรณ์ทำแผล ค่อยๆบรรจงเช็ดเลือดสดๆที่ยังไหลไม่หยุดบนผิวหน้าที่เนียนขาวสะอาดราวกับผู้หญิง ผมพยายามทำแผลให้เขาจนเสร็จเรียบร้อยแต่ตอนนี้เขาได้สลบไปบนตักของผมเรียบร้อยแล้วเช่นกัน ผมนั่งมองใบหน้านั้นอยู่นานพยายามคิดทบทวนถึงเรื่องราวเหตุการณ์ทั้งหมด จนเกิดคำถามขึ้นในใจหลายข้อว่าทำไมเขาถึงชอบผม ทำไมเขาถึงต้องการผมและรักผมมากมายขนาดนี้ เขาเป็นใครกันแน่ ถึงยังไงความรู้สึกลึกๆภายในใจของผมก็ตอบปฏิเสธเขาแต่โดยดี ไม่ว่าเขาจะเป็นใครก็ตาม
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD