ตอนที่ 2 เตโช (2)

1888 Words
เตโช หลังจากที่ผมวิ่งออกมาหน้าร้านเพื่อหวังจะคืนเช็คให้แก่เด็กหนุ่มวัยละอ่อนของผมที่เพิ่งขึ้นรถเบนซ์จากไปจนผมต้องกลับเข้าไปในร้านเพื่อปฏิบัติหน้าที่ตามเดิมกลับทำให้ผมรู้สึกไม่ค่อยสบายใจสักเท่าไหร่จึงตัดสินใจหยิบโทรศัพท์ในกระเป๋ากางเกงขึ้นมากดเบอร์โทรหาน้องเขาทันทีกลับได้ยินเสียงตอบรับอัตโนมัติซึ่งเป็นเสียงของน้องเขาเอง  "พี่ไม่ต้องกังวลและไม่ต้องคิดมากถึงเรื่องเช็ค 1 ล้านบาทที่ผมให้ ผมให้พี่ด้วยความบริสุทธิ์ใจยังไงผมก็จะกลับมาหาพี่อีกแน่นอนครับ" หลังจากสิ้นเสียงตอบรับผมก็ยิ่งรู้สึกแปลกใจหนักขึ้นกว่าเดิม มันคืออะไรทำไมน้องเขาต้องให้เช็คผมตั้งล้านหนึ่งด้วย คืนนั้นผมไม่มีกะจิตกะใจทำงานต่อเพราะไม่สบายใจกับเช็คใบนี้ มันดูแปลกๆยังชอบกล ผมจึงตัดสินใจหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาอีกครั้งเพื่อจับสัญญาณ GPSโทรศัพท์น้องเขาเพื่อจะนำเช็คไปคืนน้องเขาให้ได้ แม้ว่าผมสามารถทำทุกอย่างเพื่อให้ได้เงินหรือในสิ่งที่ผมต้องการได้ก็จริงแต่นี่มันผิดธรรมชาติจริงๆ ผมไม่อาจทำใจยอมรับเงิน 1 ล้านบาทได้โดยไม่ทราบสาเหตุ ถึงผมจะได้ยินจากปากน้องเขาเองว่าให้ผมเฉยๆไม่หวังสิ่งตอบแทนใดๆผมก็อดคิดไม่ได้อยู่ดีครับ ทันทีที่มือถือของผมจับสัญญาณ GPSของเด็กหนุ่มวัยละอ่อนได้ผมจึงไม่รอช้ารีบโทรหาเจ้าของร้านเพื่อขออนุญาตลาไปทำธุระส่วนตัว ทางเจ้าของร้านก็ไม่ได้ปฏิเสธอะไรผมจึงเดินเข้าห้องเก็บของพนักงานและคว้ากระเป๋าสะพายออกจากร้านขึ้นรถเก๋งส่วนตัวตามสัญญาณ GPSไป ผมขับรถตามสัญญาณเกือบครึ่งชั่วโมงได้มาหยุด ณ สถานที่แห่งหนึ่งนั่นก็หมายความว่าน้องเขาคงถึงบ้านเขาเรียบร้อยแล้วนับเป็นการง่ายที่ผมจะเข้าไปหาน้องเพื่อคืนเช็คใบนี้ เมื่อมาถึงที่หมายรถเก๋งผมได้จอดสนิทอยู่หน้าบ้านหลังใหญ่หลังหนึ่งซึ่งมีไฟส่องสว่างไปทั่วบริเวณแต่ภายในตัวบ้านกลับมืดสนิท ผมกวาดสายตามองเข้าไปในตัวบ้านก็พบว่ามีอยู่ห้องหนึ่งยังคงเปิดไฟสว่างอยู่ ผมหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาโทรหาน้องเขาอีกรอบแต่ก็ไร้การตอบรับจากเลขหมายที่ผมโทรหาอีกเช่นเคย ผมมองเวลาในโทรศัพท์ก็เป็นเวลาเกือบจะตี 2 แล้ว ผมยืนชะเง้อพยายามมองหาใครสักคนเพื่อที่จะให้เขาเข้าไปบอกเด็กหนุ่มวัยละอ่อนว่าผมมาหาแต่กลับไม่มีใครสักคนอยู่แถวนั้น ผมทำอะไรไม่ได้นอกจากยืนมองเข้าไปในตัวบ้านเฉยๆ แล้วความคิดหนึ่งของผมก็เกิดขึ้นเมื่อนึกขึ้นได้ว่าเมื่อประมาณ 20 ปีก่อน ผมเคยเป็นนักกีฬากระโดดสูงของโรงเรียนประถมประจำหมู่บ้านในจังหวัดบ้านเกิดของผมนี่หน่า เมื่อผมคิดได้แบบนั้นจึงมองไปรอบๆตัวเพื่อมองหาอุปกรณ์ในการกระโดดสูง ไม่นานสายตาผมก็ไปพบกับลำไม้ไผ่ขนาดเหมาะมือและมีความยาวพอประมาณซึ่งผมสามารถจะใช้กระโดดข้ามรั้วบ้านหลังใหญ่นี้ได้สบายๆ ขณะที่ผมกำลังคิดหาวิธีที่จะกระโดดข้ามรั้วสูงให้เป็นผลสำเร็จ ผมกลับคิดได้ว่ากีฬาชนิดนี้ผมไม่ได้เล่นมาเป็นเวลานานแล้ว ผมจะยังสามารถที่กระโดดสูงแบบเดิมได้อยู่หรือเปล่า ก็ไม่รู้ละเพราะผมมาถึงขั้นนี้แล้วผมต้องหาวิธีที่จะนำเช็คไปคืนเด็กหนุ่มวัยละอ่อนคนนั้นให้ได้ไม่ว่าจะยากเย็นเพียงใดก็ตาม นี่แหล่ะครับคอนเซ็ปท์ของผมที่ไม่ล้มเลิกความตั้งใจโดยไม่มีเหตุผลอย่างเด็ดขาด ผมพยายามตั้งท่าวิ่งอย่างเก้ๆกังๆกับวิธีกระโดดสูงของผมอยู่หลายรอบคล้ายกับคนบ้าอยู่หน้าบ้านของคนอื่นกลางค่ำกลางคืน เมื่อทุกอย่างได้ที่ผมก็เตรียมกระโดดข้ามรั้วบ้านหลังใหญ่โดยถือลำไม้ไผ่อยู่ในมือเตรียมท่าวิ่งจะกระโดดจนมาถึงรั้วบ้านแต่ต้องหยุดชะงักลงด้วยความตกใจเมื่อมีเสียงหนึ่งดังขึ้นอยู่ด้านในรั้วบ้านหลังนั้นจนผมรู้สึกหน้าชา  "คุณจะทำอะไรครับ นี่มันหน้าบ้านผมนะครับ" ผมลงทรุดนั่งอ้าปากค้างตะลึงกับคนที่ยืนร้องถามผมตรงหน้า ภาพที่ผมเห็นเป็นภาพชายหนุ่มรูปร่างกำยำสูงใหญ่ผิวขาวหน้าตาถือว่าหล่อเลยทีเดียว ผมรู้สึกร้อนๆหนาวๆอย่างบอกไม่ถูกโดยที่ไม่เคยรู้สึกแบบนี้กับใครมาก่อน มันคืออะไร ทำไมผมต้องรู้สึกแบบนี้ด้วย ตั้งแต่เกิดมาจนถึงอายุ 30 ปีนี้ ผมผ่านผู้ชายมาก็เยอะเรื่องเซ็กส์ก็นับไม่ถ้วนผมไม่เคยมีความรู้สึกแบบนี้เกิดขึ้นเลย มันเป็นความรู้สึกที่ผมเพิ่งเคยสัมผัสเลยก็ว่าได้ คนๆนี้อาจจะเป็นคนที่ผมกำลังตามหามาทั้งชีวิตก็เป็นได้ สายตาผมสังเกตเรือนร่างของชายหนุ่มทุกซอกทุกมุมอย่างละเอียดทั้งที่เขาอยู่ในชุดเสื้อกล้ามและกางเกงบอลสีขาวก็ตามแต่สายตาของผมกลับมองทะลุเสื้อผ้าเหล่านั้นจนผมสามารถมองเรือนร่างนั้นได้ทุกสัดอย่างไม่ตั้งใจหรือเป็นเพราะผมคิดไปเองกันแน่ก็ไม่รู้เหมือนกัน ยิ่งสายตาผมได้พินิจพิเคราะห์เรือนร่างใต้ร่มผ้านั้นนานเท่าไหร่ ความรู้สึกแปลกๆก็ยิ่งถาโถมจิตใจผมเกือบจะไม่สามารถควบคุมตัวเองได้ อารมณ์ความต้องการและแรงความปรารถนามันเริ่มลุกโชนขึ้นในใจผมเหมือนดั่งเปลวไฟร้อนแรงจากขุมนรกที่มันกำลังแผดเผาใจผมอยู่ทุกขณะ แม้นกระทั่งสายตาของผมเหลือบเห็นริมฝีปากหนาอวบอิ่มสีน้ำตาลคล้ำพยายามขยับเขยื้อนเหมือนกำลังพูดอะไรบางอย่างกับผมอยู่แต่โสตประสาทการรับเสียงของผมมันได้ดับลงทันใดไม่ได้ยินแม้แต่เสียงลมหายใจของตัวเอง อาการของผมมันเหมือนคล้ายคนกำลังตกอยู่ในห้วงภวังค์ที่ลึกสุดแสนจนไม่สามารถจะมีสิ่งใดดำดิ่งลงไปดึงความรู้สึกของผมให้ขึ้นมาจากภวังค์นั้นได้แต่แล้วผมต้องหลุดและสะดุ้งออกจากภวังค์ที่ลึกแสนลึกนั้นเมื่อมีเสียงหนึ่งร้องเรียกผมให้ตื่นจากภวังค์ที่กำลังครอบงำจิตใจ จนมารู้สึกตัวอีกทีว่าตัวเองกำลังนอนอยู่บนเตียงใหญ่ ในห้องสีขาว ผมค่อยๆลืมตาขึ้นอย่างยกลำบากกับแสงจ้าของหลอดไฟนีออนภายในห้อง เมื่อผมเริ่มได้สติเสียงเรียกจากคนข้างๆก็เริ่มฟังได้ชัดขึ้น "คุณครับ...คุณ เป็นยังไรบ้างครับ" เมื่อสายตาผมปรับได้กับแสงจ้าภายในห้องก็ทำให้ผมพบกับชายหนุ่มรูปงามคนเดิม บัดนี้เขาได้อยู่ในชุดกางเกงบอลตัวเดียวโดยไม่ได้ใส่เสื้อกล้ามเหมือนเมื่อสักครู่นี้ สายตาผมสามารถจับภาพรูปหน้าชายหนุ่มในฝันของผมได้ถนัดและชัดเจนที่สุด ต่อมความทรงจำเริ่มทำหน้าที่ขอมันกับการเก็บรายละเอียดใบหน้า เรือนร่าง ผิวพรรณรวมถึงความหล่อเหลาของเขาอย่างละเอียดโดยไม่ขาดตกบกพร่องแม้แต่ตารางมิลเดียว ยิ่งผมได้เห็นได้มองความรู้สึกเดิมๆก็กลับมาอีกครั้ง ผมต้องควบคุมมันให้ได้เพื่อไม่ให้เขารู้ว่าผมกำลังรู้สึกยังไงกับเขากระทั่งได้หมดสติไป ภายในห้องสีขาวแห่งนี้มีเพียงผมและชายหนุ่มรูปงามสองคนเท่านั้น แววตาของเขาดูมีเมตตา มีความรักและดูเป็นห่วงเป็นใยในตัวผมพอสมควร ผมยังคงลุ่มหลงในความงามของเรือนร่างคนตรงหน้าอย่างไม่ละสายตา ที่สำคัญผมไม่ได้ตอบคำถามเขาแม้แต่คำเดียวเลยด้วยซ้ำ เขาใช้ฝ่ามือใหญ่ยกขึ้นมาแตะที่หน้าผากผมเหมือนเป็นการวัดอุณหภูมิภายในร่างกาย ตรงจุดนี้เขาคงต้องตกใจแน่เพราะตอนนี้ตัวผมมันคงร้อนวูบวาบตลอด ต้นตอที่ทำให้ผมร้อนระอุคล้ายกับก้อนไฟครั้งนี้ก็คือเขาเพียงคนเดียว ชายหนุ่มรูปงามในฝันของผม  "คุณครับตกลงคุณเป็นยังไงบ้างบอกผมหน่อยได้ไหม" ยิ่งผมได้ฟังเสียงของเขายิ่งทำให้ผมรู้สึกป่วนปั่นใจเอามากๆ ความกระวนกระวาย แรงปรารถนาพยายามผลักดันจิตใจด้านมืดให้ผมทำในสิ่งที่ต้องการทุกขณะกับความไพเราะนุ่มนวลของน้ำเสียงนั้น แต่ต้องแกล้งทำเป็นเก็บความรู้รู้สึกเหล่านั้นไว้ข้างในที่ร้อนเร้า "ฉันไม่เป็นอะไรแล้วล่ะขอบใจมากนะที่ช่วยฉันไว้แล้วที่นี่ที่ไหนล่ะ ฉันจำได้ว่าฉันมาหาน้องผู้ชายคนหนึ่งที่บ้านหลังนี้ แต่ฉันไม่เห็นใครเลยถือวิสาสะกระโดดข้ามรั้วบ้านมา ฉันคงตกใจที่คุณมาเห็นเลยหมดสติไป" ผมพยายามพูดถึงความรู้สึกเท่าที่จำได้แต่ไม่ขอเอ่ยถึงความต้องการให้เขารู้ "ที่นี่บ้านของผมครับ ผมอยู่กับน้องชายที่เป็นลูกพี่ลูกน้องอีกคนหนึ่งครับ อาจเป็นคนที่คุณตามหาอยู่หรือเปล่าผมไม่แน่ใจ ผมอินทุ นฤบดินทร์หรือจะเรียกผมสั้นๆว่าอิฐก็ได้ครับ" ชายหนุ่มคนนี้มีดีหลายอย่างเท่าที่ผมสัมผัสได้ หนึ่งในนั้นคือความจริงใจ ตัวผมเองก็รู้สึกแปลกใจที่ผมกับเขาเพิ่งรู้จักกันไม่ถึงชั่วโมงแต่เขากล้าแนะนำตัวเองกับผมโดยไม่รู้เลยว่าผมเป็นใครมาจากไหนจะมาดีหรือร้ายยัง เขากลับแสดงความจริงใจต่อผม แบบนี้ผมกลับรู้สึกดีใจอย่างมีความสุข ทำให้ผมอยากทำความรู้จักเขาให้มากขึ้น "ถ้าอย่างนั้นคงจะเป็นคนเดียวกันกับที่ฉันตามหา ฉันชื่อเตหรือเตโช ยินดีที่ได้รู้จักนะ อีกอย่างฉันต้องขอขอบคุณคุณอิฐมากที่ช่วยฉันไว้" ผมกล่าวขอบคุณอย่างเป็นมิตรก่อนจะคุยกันถึงเรื่องที่มาตามหาเด็กหนุ่มวัยละอ่อนของผม โดยสรุปแล้วนายอิฐมีลูกพี่ลูกน้องซึ่งมีศักดิ์เป็นน้องของเขาอยู่คนหนึ่ง อาศัยอยู่ร่วมกันในบ้านหลังนี้เพียง 2 คนหลังจากที่พ่อแม่ของเขาทั้งคู่ต้องไปบริหารกิจการที่ต่างประเทศเป็นการถาวร โดยให้เขาสองคนอยู่ที่บ้านหลังใหญ่แบบนี้มาสักระยะหนึ่งแล้ว ยิ่งผมได้ฟังเรื่องราวทำให้ผมอยากรู้จักกับนายอิฐคนนี้มากขึ้นเรื่อยๆจนห้ามใจไม่ได้ นี่มันคือความรู้สึกรัก หลงหรือแค่ความต้องการทางเพศกันแน่ มันคืออะไร ใครก็ได้ช่วยบอกผมที 
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD