บทที่3-1

1304 Words
“พ่อได้ข่าวมาว่าโรงสีมีทรัพย์อนันต์เพิ่งจะได้เงินก้อนใหญ่จากการสีข้าวให้บริษัทเอซี คอร์ปนี่ มันน่าเจ็บใจจริงๆ ถ้าเอซี คอร์ปเลือกเรา ป่านนี้เราคงได้เงินก้อนนั้นไปแล้ว เจ็บใจชะมัด” กุศลว่าอย่างหงุดหงิดกับผู้เป็นลูกชายอย่างกุลิสร์ ตอนนี้ทั้งคู่อยู่ในห้องทำงานที่อยู่ในคฤหาสน์หลังใหญ่ สองพ่อลูกเป็นเจ้าของกุศลการสีข้าว ซึ่งเป็นโรงสีที่ก่อตั้งมานานพอๆ กับโรงสีมีทรัพย์อนันต์ และแน่นอนว่าทั้งสองครอบครัวรู้จักกันเป็นอย่างดีในฐานะคู่แข่งที่ทำธุรกิจในแบบเดียวกัน และที่สำคัญระหว่างกุศลและนฤดลยังมีความแค้นส่วนตัวต่อกันอีกด้วย จะพูดว่ามีความแค้นส่วนตัวต่อกันก็ไม่ถูกนัก เพราะกุศลต่างหากที่มีใจแค้นต่อนฤดล สาเหตุนั่นก็เพราะทั้งคู่เคยชอบผู้หญิงคนเดียวกันนั่นก็คือกิ่งดาว มารดาของนฤบดินทร์ แต่เป็นนฤดลที่เอาชนะใจกิ่งดาวไปได้ แต่กุศลยังคงผูกใจเจ็บคิดว่านฤดลเป็นฝ่ายแย่งคนที่ตัวเองหมายปองไป ทั้งที่จริงแล้วกิ่งดาวไม่เคยมีใจให้กุศลเลย พอมาถึงรุ่นลูก กุลิสร์โดนบิดากรอกหูมากๆ เข้าเลยพานไม่ชอบครอบครัวมีทรัพย์อนันต์ไปด้วย ซ้ำดูเหมือนว่าประวัติศาสตร์จะซ้ำรอย เมื่อทั้งคู่หมายปองผู้หญิงคนเดียวกันนั่นก็คือช่อทิพย์ และแน่นอนว่าช่อทิพย์เลือกนฤบดินทร์ที่มีรูปร่างหน้าตาดีกว่ากุลิสร์ ทำให้เจ้าตัวผูกใจเจ็บไม่ต่างจากคนเป็นบิดา แต่เจ้าตัวไม่ได้คิดยอมแพ้ในเรื่องนี้ง่ายๆ ในเมื่อนฤบดินทร์กับช่อทิพย์เป็นเพียงแค่คนรักกัน ยังไม่ได้แต่งงานเป็นสามี-ภรรยา เพราะฉะนั้นเขาก็ยังมีสิทธิ์ และตอนนี้ก็ดูเหมือนว่าความสัมพันธ์ระหว่างเขากับช่อทิพย์จะก้าวไปไกลพอสมควร ก็แน่ละ ผู้หญิงที่ไหนจะชอบผู้ชายที่ทุ่มเทเวลาให้กับงานมากกว่าคนรักแบบนั้น ไม่ค่อยมีเวลาดูแล แรกๆ ร้อยทั้งร้อยผู้หญิงน่ะต่างก็บอกว่าเข้าอกเข้าใจ แต่พอเอาเข้าจริงๆ ไม่มีผู้หญิงที่ไหนทนได้หรอก โดยเฉพาะผู้หญิงที่ชอบให้คนอื่นเอาอกเอาใจอย่างช่อทิพย์ แต่นั่นน่ะถือว่าเป็นเรื่องดีสำหรับเขาเลยล่ะ กุลิสร์กระตุกยิ้มมุมปากก่อนจะพูดกับบิดา “ใจเย็นครับพ่อ ตอนนี้กิจการของเราก็ดีอยู่นี่ครับ ถึงจะไม่ได้ดีเท่าโรงสีมีทรัพย์อนันต์ แต่รายได้ของเราในปีที่ผ่านมาก็ไม่ได้น่าเกลียดเลยนะครับพ่อ” “ไม่รู้ละ ยังไงพ่อก็อยากให้ลูกทำยังไงก็ได้ให้เอซี คอร์ปเปลี่ยนใจมาสีข้าวกับโรงสีของเรา ลูกก็รู้นี่ว่าธุรกิจของเอซี คอร์ปเติบโตขึ้นทุกปี และก็แน่นอนว่าทางนั้นต้องใช้ข้าวหอมมะลิในปริมาณที่เพิ่มขึ้นเช่นกัน เพราะฉะนั้นถ้าเอซี คอร์ป เลือกเรา รายได้ของเราก็จะยิ่งเพิ่มพูน พ่อต้องการแบบนั้น” เอซี คอร์ปเป็นบริษัทที่ประกอบธุรกิจเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์เสริมอาหารและเครื่องสำอางที่ใช้ข้าวจ้าวซึ่งก็คือข้าวหอมมะลิเป็นหลัก และสองพ่อลูกก็ทราบในเรื่องนี้ดี โดยเฉพาะกุศลที่อยากร่วมธุรกิจกับเอซี คอร์ปแทนโรงสีมีทรัพย์อนันต์ เพราะเห็นรายได้เป็นกอบกำจะมากองอยู่ตรงหน้าอย่างแน่นอนถ้าได้ร่วมงานกับเอซี คอร์ปขึ้นมาจริงๆ “ก็ได้ครับ ผมจะทำทุกวิถีทางเพื่อให้เอซี คอร์ปเลือกเรา” เมื่อกุลิสร์รับปากอย่างเป็นมั่นเป็นเหมาะ กุศลจึงยิ้มออกมาได้ ดวงตาคู่นั่นฉายแววมาดร้ายเมื่อคิดไปถึงคู่แค้นอย่างนฤดล ก่อนจะเปลี่ยนเป็นกระตุกยิ้มมุมปากเมื่อวาดฝันว่าตัวเองกำลังจะได้รับชัยชนะในครั้งนี้ นิฏฐานอนคิดมาหลายคืนแล้วว่าถ้าขืนมัวแต่ปล่อยผ่านเวลาไปวันๆ แบบนี้ เธอคงไม่มีทางได้แต่งงานกับนฤบดินทร์แน่ ใบหน้าเรียวสวยครุ่นคิดอีกครั้งก่อนจะดีดนิ้วดังเป๊าะ “เอาอย่างนี้ก็แล้วกัน” หญิงสาวเดินผ่านประตูเล็กก้าวเข้าสู่อาณาเขตคฤหาสน์หลังใหญ่ ก่อนจะตรงดิ่งไปหาอาม่ากันทรา ซึ่งเดาว่าในช่วงบ่ายแบบนี้ท่านคงจะกำลังจิบน้ำชาอยู่ในห้องโถง “อ้าว อาโซ่ มาๆ มานั่งกับอั๊วก่อน” อาม่ากันทราตบที่นั่งข้างๆ ตัว นิฏฐาไม่รีรอที่จะพาตัวเองไปตรงนั้น โดยมีนุ่มคนสนิทของอาม่า ขยับตัวเปิดทางให้หญิงสาวเข้าไปนั่งได้อย่างสะดวก “ลื้อมีอะไร หน้าตาของลื้อเหมือนมีข่าวดีมาบอกอั๊วอย่างนั้นแหละ” อาม่ากันทราว่ายิ้มๆ เมื่อเห็นนิฏฐากำลังยิ้มหน้าบานเป็นจานเชิง “โซ่มีเรื่องจะบอกค่ะอาม่า” นิฏฐาว่า แต่สายตาของเธอมองไปที่นุ่มเป็นเชิงบอกว่าเรื่องนี้เป็นความลับและต้องการความเป็นส่วนตัว อาม่ากันทราจึงเอ่ยปากกับคนสนิท “อานุ่ม ลื้อออกไปก่อน มีอะไรเดี๋ยวอั๊วเรียกเอง” “ค่ะ” นุ่มรับคำแล้วถอยออกไปทันที เมื่อลับร่างของนุ่มแล้ว นิฏฐาจึงเปิดบทสนทนา “คืออย่างนี้ค่ะอาม่า เรื่องพี่ดินทร์อาม่าต้องทำแบบนี้ค่ะ” นิฏฐาใช้มือป้องปากยามที่บอกแผนการกับอาม่ากันทราอย่างเป็นขั้นเป็นตอน ถึงแม้ว่าจะไม่ใครอยู่บริเวณนั้นนอกเหนือจากตัวเธอและอาม่ากันทรา แต่นี่เป็นความลับขั้นสุดยอด เธอจะไม่ยอมให้ความลับนี้รั่วไหลเด็ดขาด ส่วนอาม่ากันทราก็ตั้งใจฟัง พร้อมพยักหน้าหงึกๆ เป็นการตอบรับในสิ่งที่นิฏฐาเอ่ยมาทั้งหมด “ตกลงตามนี้นะคะอาม่า เดี๋ยวโซ่จะกลับบ้านก่อน จะได้ไม่มีใครสงสัย” “ลื้อแน่ใจนะอาโซ่ว่าคราวนี้มันจะสำเร็จ” “ล้านเปอร์เซ็นต์เลยล่ะค่ะอาม่า โซ่ฟันธง” นิฏฐาบอกเสียงใส ก่อนจะขยับตัวลุกจากโซฟาบุหนังอย่างดี “โซ่ไปก่อนนะคะอาม่า แล้วจะรอฟังข่าวดีค่ะ” หญิงสาวฉีกยิ้มกว้าง ก่อนจะเดินออกจากคฤหาสน์หลังใหญ่ด้วยหัวใจลิงโลด หญิงสาวเชื่อมั่นเกินล้านเปอร์เซ็นต์เลยว่าแผนการครั้งนี้ต้องประสบความสำเร็จอย่างแน่นอน “เดี๋ยวช็อปปิ้งเสร็จแล้วเราไปดูหนังกันต่อสักเรื่องนะคะ ตอนนี้มีหนังเข้าใหม่น่าดูทั้งนั้นเลยค่ะ เราไม่ได้ดูหนังด้วยกันมานานมากแล้วนะคะ” ช่อทิพย์ควงแขนนฤบดินทร์ ใบหน้าสวยเฉี่ยวซบที่ตรงต้นแขนของชายหนุ่มอย่างออดอ้อน ทั้งคู่กำลังเดินในห้างสรรพสินค้าขนาดใหญ่ใจกลางเมือง ดวงตาคู่คมก้มลงมองคนรักที่กอดแขนเอาไว้ ใบหน้าหล่อเหลาเผยรอยยิ้มบางๆ “เอาสิครับ ช่ออยากดูเรื่องอะไร ผมตามใจช่อเลย” “จริงนะคะ” ช่อทิพย์ร้องอย่างดีใจ เธอยิ้มหวานหยดยามที่แหงนเงยใบหน้าขึ้นมองคนที่สูงกว่า ถึงแม้ว่านฤบดินทร์จะไม่ค่อยมีเวลาให้เธอ แต่พอเจอกัน เขาก็มักจะตามใจเธอไปเสียทุกอย่าง ซึ่งก็แน่นอนว่าเธอชอบแบบนี้ มันก็พอทดแทนเรื่องที่เขาไม่ค่อยมีเวลาให้เธอไปได้บ้าง แต่ก็ไม่ใช่ทั้งหมด เพราะสุดท้ายแล้วเธอก็ต้องการให้เขาให้เวลากับเธอมากกว่านี้ ในเมื่อเขาไม่มีเวลาให้เธอเต็มร้อย เธอก็ต้องหาเวลาทดแทนจากคนที่สามารถให้มันกับเธอได้ ซึ่งเธอถือว่าเรื่องนั้นไม่ใช่ความผิดของเธอ
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD