เมื่อถึงเวลาถ่ายจริงอนาวินก็ทำหน้าที่ได้อย่างดี มินตรานั่งดูการทำงานอย่างมืออาชีพและคอยลุกไปเช็กความเรียบร้อยบนใบหน้าของนายแบบ ระหว่างนั้นเธอก็รู้สึกได้ว่าอาการวิงเวียนกลับมาเล่นงานเธออีกครั้ง มินตราค่อยๆ เดินโดยอาศัยจับพนักเก้าอี้เอาไว้เมื่อการถ่ายแฟชั่นเซ็ทสุดท้ายเสร็จสิ้นลง เธอตั้งใจจะเดินไปเก็บของและกลับไปพักที่คอนโด แต่ยังไม่ทันถึงเธอก็รู้สึกราวกับว่าพื้นที่เหยียบอยู่มันยุบตัวลงไป ภาพรอบตัวหมุนติ้วราวกับลูกข่างก่อนที่ทุกอย่างจะดับวูบไป
“มินนี่” สำนึกสุดท้ายเธอคลับคล้ายคลับคลาว่าได้ยินเสียงของอนาวินตะโกนเรียกเธออย่างตกใจ แต่ทุกอย่างก็ดับวูบไปก่อนที่เธอจะได้ตอบรับใดๆ
“คุณมินนี่เป็นลม ใครก็ได้ขอยาดมที” ทีมงานสาวที่อยู่ใกล้ๆ ตะโดนขอยาดมและจะเข้ามาพยุง แต่ก็ยังช้ากว่า อนาวินที่พุ่งเข้ามาช้อนเอาร่างบางที่กองอยู่กับพื้นขึ้นมากอดไว้แนบอกและตบแก้มเนียนเบาๆ
“มินนี่ ได้ยินผมไหม มินนี่ครับ”
“หน้าซีดมากเลย พามินนี่ไปโรงพยาบาลดีกว่า” อนาวินไม่รอช้า เขาช้อนอุ้มร่างอ่อนปวกเปียกของมินตราขึ้นแล้วเดินจ้ำอ้าวออกไปทัน โดยมีทีมงานสาวเก็บของและกระเป๋าของหญิงสาวตามไป
“ให้ผมขับรถให้ไหม” มิกซ์อาสา อนาวินละสายตาจากคนในอ้อมแขนชั่วคราวและนิ่งไปเสี้ยววินาทีก่อนจะพยักหน้า ชายหนุ่มวางร่างที่ไม่สติของมินตราไว้ที่เบาะหลังแล้วล้วงเอากุญแจรถที่กระเป๋ากงเกงโยนให้นายแบบหนุ่ม หลังจากนั้นเขาก็ก้าวเท้าขึ้นไปนั่งข้างคนที่นอนไม่สติแล้วตวัดร่างเธอขึ้นมานอนบนตัก
“มินนี่ มินนี่ครับ ได้ยินผมไหม” ชายหนุ่มตบแก้มนุ่มเบาๆ อย่างต้องการเรียกสติ แต่คนบนตักก็ไม่ตอบสนองใดๆ
“เหยียบไปเลย ผมต้องการให้มินนี่ถึงมือหมอโดยเร็วที่สุด” นายแบบหนุ่มจัดให้ตามคำขอโชคดีที่รถไม่ติดทั้งคู่จึงมาถึงโรงพยาบาลได้อย่างรวดเร็ว สองหนุ่มนั่งรอที่เก้าอี้หน้าห้องฉุกเฉิน นั่งไปสักพักอนาวินก็ลุกขึ้นเดินไปมาราวกับอดทนนั่งอยู่เฉยๆ ไม่ได้ ระหว่างนั้นเสียงโทรศัพท์ของเขาดังขึ้นพอดี ชายหนุ่มกดรับยังไม่ทันที่ปลายสายจะได้พูดอะไรเขาก็เป็นฝ่ายพูดขึ้นก่อน
“ตอนนี่พี่ยุ่งอยู่เจสซี่ เดี๋ยวพี่โทรกลับ” อนาวินตอบเพียงเท่านั้นกดวางสายทันที ตอนนี้จิตใจเขาจดจ่ออยู่กับคนในห้องฉุกเฉินมากกว่าจะสนใจใครแม้แต่เจติยาก็ตาม
“ถ้าคุณมีธุระกลับก่อนก็ได้นะ เดี๋ยวผมดูแลมินนี่เอง” มิกซ์พูดขึ้นขณะยกขาขึ้นไขว่ห้างและวางแขนไปตามความยาวของพนักเก้าอี้ อนาวินตวัดสายตามองทันที
“มินนี่เป็นเพื่อนผม คงไม่ต้องรบกวนคุณหรอก”
“ผมก็เป็นคนพิเศษของมินนี่ เราเพิ่งตกลงกันเมื่อกี้”
“หมายความว่าไง” น้ำเสียงอนาวินห้วนจัดและพร้อมมีเรื่องทันที นายแบบหนุ่มคิดว่าหากที่นี่ไม่ใช่โรงพยาบาลเขาอาจได้รับประทานบาทาจากช่างภาพไฮโซคนนี้ไปแล้วก็ได้
“ก็หมายความตามที่พูด เมื่อก่อนมินนี่มีคุณ แต่ตอนนี้คุณมีคนอื่นแล้ว ผมจะดูแลมินนี่เอง”
“ไม่ใช่เรื่องของคุณ ต่อให้ผมจะมีใครแต่มินนี่เป็นเพื่อนรักของผม ผมไม่เคยคิดจะทิ้งเขา”
“อันนี้ต้องถามมินนี่เองแล้วล่ะครับ ว่าระหว่างคนโสดสนิทอย่างผมกับคนที่กำลังเดทกับสาวสวยตระกูลดังอย่างคุณ มินนี่จะอยากให้ใครดูแลมากกว่า ผมคิดว่ามินนี่คงไม่อยากใกล้ชิดกับคนมีเจ้าของให้เสี่ยงต่อคำครหาหรอกมั้งครับ หรือต่อให้มินนี่ไม่ว่าอะไร แต่คนของคุณจะเข้าใจหรือเปล่าอันนี้ก็น่าคิดนะครับ” อนาวินกำลังจะเถียงแต่นายแพทย์ผู้ทำการรักษาเปิดประตูออกมาพอดี สองหนุ่มรีบกรูเข้าไปถามอาการด้วยความเป็นห่วง
“คนป่วยเป็นยังไงบ้างครับคุณหมอ”
“จากการตรวจคนไข้มีอาการพักผ่อนไม่เพียงพอ มีความเครียดสะสมและทานอาหารไม่ตรงเวลา หมอจะจ่ายยาให้และกลับไปพักที่บ้านได้ครับ จากนี้ก็ต้องดูแลตัวเองให้ดีพักผ่อนให้เพียงพอ ทานอาหารที่มีประโยชน์แค่นี้ก็ไม่มีอะไรน่าห่วงแล้วครับ”
“ขอบคุณครับ” อนาวินกล่าวขอบคุณก่อนที่นายแพทย์จะขอตัวไปดูคนไข้คนอื่นต่อ บุรุษพยาบาลเข็นรถเข็นออกมาโดยมีมินตราที่ใบหน้ายังซีดเซียวนั่งอยู่
“เดี๋ยวญาติคนไข้ติดต่อรับยาและชำระเงินได้เลยนะครับ” เจ้าหน้าที่เข้ามาแจ้งอนาวินจึงรีบไปจัดการทันที โดยมีบุรุษพยาบาลเข็นรถเข็นตามไป
“เป็นยังไงบ้างมินนี่ ทุกคนตกใจมากเลยที่จู่ๆ คุณก็ล้มลงไปแบบนั้น”
“ดีขึ้นแล้วล่ะมิกซ์ จริงๆ มันมีอาการตั้งแต่เมื่อเช้าแล้วล่ะ แต่ว่ามีงานมินนี่เลยต้องฝืนเพราะไม่อยากทิ้งงาน”
“แล้วพรุ่งนี้มีงานหรือเปล่า”
“มีค่ะ”
“แล้วมินนี่จะทำยังไง สภาพนี้คุณไม่ไหวหรอกนะมินนี่”
“ต้องไหวสิคะ มินนี่ไม่เคยผิดนัดเรื่องงานยังไงก็ต้องไป เดี๋ยวพักผ่อนกินยาก็คงดีขึ้น”
“ไม่ต้องไป งานที่รับไว้เดี๋ยวผมจะหาช่างแต่งหน้าคนอื่นไปแทนเอง ผมรู้จักช่างในวงการเยอะแยะ คุณควรห่วงตัวเองก่อนนะมินนี่”
“แต่ว่า…”
“ไม่มีแต่มินนี่ อย่าดื้อ นี่เป็นคำสั่ง ผมไม่ยอมให้คุณไปทำงานแน่ๆ” มินตราเงียบเพราะเธอรู้จักเขาดีว่ายามปกติเห็นเขาใจดีแบบนี้ แต่เวลาโกรธขึ้นมาเขาน่ากลัวอย่าบอกใครเชียว ดังนั้นเธอจึงไม่กล้าดื้อกับเขาอีก
“แล้วเรื่องผู้ช่วยผมจะจัดการหาให้เอง หวังว่าครั้งนี้คุณคงไม่ปฏิเสธอีกนะ” สีหน้าจริงจังและแววตาคมดุที่มองมาทำเอามินตราต้องก้มหน้างุดและอุบอิบตอบตกลง คิดดูอีกทีมีคนคอยช่วยทำตารางงานและแบกสัมภาระเวลาออกไปทำงานก็ดีเหมือนกัน
“เรียบร้อยแล้ว เรากลับกันเถอะ” อนาวินถือวิสาสะเข็นรถเข็นให้เธอเสียเองและกำลังจะเข็นเธอออกไปที่หน้าประตูหากเธอไม่ท้วงขึ้นเสียก่อน
“เดี๋ยวค่ะ แล้วมิกซ์ล่ะคะ”
“หมอนี่โตแล้วไม่ใช่เด็ก คงหาทางกลับบ้านเองได้หรอกมั้ง” มินตราหันไปมองนายแบบหนุ่มที่ยักไหล่และส่งยิ้มให้เธอ
“ผมกลับเองได้มินนี่ คุณกลับไปพักผ่อนเถอะ เดี๋ยวผม ‘ไลน์’ ไปหานะ” มิกซ์จงใจเน้นคำว่าไลน์อย่างต้องการจะยั่วโมโหคนบางคน
“ขอบคุณนะคะ” มินตราส่งยิ้มให้เพื่อนใหม่ในขณะที่อนาวินเข็นรถออกไปโดยไม่หันมามองคนที่โดยสารมาด้วยกันสักนิด
“เฮ้อ คุณช่างภาพเอ๊ย หัวใจของคุณก็อยู่ใกล้ๆ แท้ๆ ยังจะเสียเวลาไปหาที่ไหนก็ไม่รู้” มิกซ์กล่าวตามหลังและเดินออกไปเรียกแท็กซี่เพื่อกลับที่พักเช่นกัน