เพื่อนสนิท 3

1708 Words
ท่าอากาศยานนานาชาติภูเก็ตทีมงานทุกคนต่างมาพร้อมกันเพื่อเดินทางกลับกรุงเทพ แต่ยังไร้เงาของนางแบบสาวและช่างภาพหนุ่มที่เมื่อคืนก็หายจากผับไปด้วยกัน “ทุกคนมาครบแล้วครับพี่กุ้ง เหลือแต่เอ่อ…” ทีมงานชายคนหนึ่งในกลุ่มมีทีท่าลำบากใจที่จะพูดพอดีกับที่โทรศัพท์ของกุ้งนางดังขึ้นพอดี “ค่ะ คุณวิน ค่ะ ได้ค่ะ” กุ้งนางวางสายโทรศัพท์และหันมาบอกทีมงานทุกคนที่อยู่บริเวณหน้าเคาน์เตอร์เช็กอิน “ทุกคน เดี๋ยวพวกเรากลับกันเลยนะ คุณวินกับโรซี่จะตามไปทีหลัง” แค่นั้นทุกคนก็เลิกให้ความสนใจและต่อแถวเตรียมเช็กอินเดินทางกลับกรุงเทพ “สงสัยเมื่อคืนจะหนักไปหน่อยจนตื่นไม่ไหว” เสียงทีมงานสาวซุบซิบกันด้านหลัง แต่มินตราได้ยินเต็มสองหู หญิงสาวยิ้มเศร้ากับตัวเองแล้วสูดหายใจเข้าลึกเพื่อเรียกความรู้สึกเข้มแข็งของตัวเองกลับมา มินตรามองที่นั่งข้างเคียงที่ว่างเปล่าเพราะขามาเจ้าของที่นั้นคืออนาวิน แต่ขากลับมีเพียงเธอที่นั่งอยู่ลำพังในขณะที่คนอื่นนั่งเป็นคู่ๆ หญิงสาวมอง ออกไปดูวิวนอกหน้าต่างที่เห็นท้องทะเลกว้างไกลสุดลูกหูลูกตา ไกลแบบไม่มีที่สิ้นสุดเหมือนความรักที่เธอมีให้เขาที่มันไม่มีวันเดินทางไปถึง เธอได้แต่เก็บมันไว้ในส่วนลึกของหัวใจไม่กล้าแม้แต่จะพูดออกไปให้เขาได้รู้ เพราะเธอคงทนไม่ได้ถ้าต้องสูญเสียเขาไปตลอดกาล เมื่อมาถึงกรุงเทพมินตราก็เรียกรถแท็กซี่ไปยังคอนโดมิเนียมที่เธอซื้อมาด้วยน้ำพักน้ำแรงของตัวเอง คอนโดมิเนียมขนาดสองห้องนอนที่กว้างขวางสะดวกสบายสำหรับสาวโสด แถมยังอยู่ในทำเลที่การคมนาคมสะดวกสบาย ในวันที่ต้องทำงานเธอจะพักอยู่ที่คอนโดแห่งนี้ แต่หากมีวันหยุดหลายวันหญิงสาวจะเดินทางไปค้างกับคุณยายที่บ้านสวนริมน้ำที่นนทบุรี เธอชอบบรรยากาศที่นั่นมากนอกจากจะมีต้นไม้ให้ความร่มรื่นได้สูดอากาศบริสุทธิ์ยามเช้ายังได้ใส่บาตรที่ท่าน้ำอีกด้วย ตอนกลับจากอเมริกาใหม่ๆ เธอตั้งใจว่าจะอาศัยอยู่กับคุณยายเพราะอยากอยู่เป็นเพื่อนท่าน แต่เมื่อเริ่มทำงานบางครั้งต้องกลับดึก เธอรู้สึกสงสารผู้เป็นยายที่จะรอจนกว่าเธอจะกลับทุกวัน บางครั้งการเดินทางก็ไม่สะดวกเท่าไหร่นัก หลังจากชั่งน้ำหนักอยู่นานเธอจึงตัดสินใจซื้อคอนโดแห่งนี้ไว้เป็นที่พักอาศัยและเดินทางไปค้างกับคุณยายช่วงที่มีวันหยุดแทน ท่านเองก็ไม่ขัดข้องเพราะไม่อยากให้เธอต้องเดินทางดึกดื่นเพียงคนเดียว การมีคอนโดอยู่กลางใจเมืองนั้นสะดวกมากว่า เพราะงานของเธอส่วนมากจะอยู่ละแวกนี้อยู่แล้ว เธอเคยพาผู้เป็นยายมาพักด้วยกันที่คอนโด แต่อยู่ได้เพียงคืนเดียวท่านก็ร่ำร้องขอกลับบ้านสวนเพราะอึดอัดหายใจไม่สะดวก ท่านคิดถึงอากาศดีๆ ของบ้านริมน้ำมากกว่า แม้ท่านจะอายุหกสิบกว่าแล้วแต่ก็ยังแข็งแรงกระฉับกระเฉงและยังยืนยันที่จะทำขนมไทยขายในตลาดต่อไป เพราะชอบพูดคุยกับลูกค้าและเป็นการออกกำลังกายไปในตัว มารดากับเธอเคยขอให้ท่านหยุดพักเพราะสามารถดูแลท่านได้ แต่ท่านก็ยังยืนกรานที่จะทำต่อไปโดยให้เหตุผลว่าหากต้องอยู่เฉยๆ คงรำคาญตัวเองแย่ เมื่อท่านยืนกรานอย่างนั้นเธอกับมารดาจึงไม่ขัดใจ เธอเองหากมีเวลาก็จะไปช่วยผู้เป็นยายทำขนมและไปขายที่ตลาดด้วยเช่นกัน ตอนนี้มีลูกจ้างเก่าแก่ที่อยู่ด้วยกันมานานและไม่มีลูกไม่มีสามีมาอยู่ด้วยเธอจึงเบาใจไม่ต้องเป็นห่วงท่านมากนัก มินตราลุกขึ้นแต่งตัวเมื่อใกล้ถึงเวลานัดที่โรงแรมหรูแห่งหนึ่ง ซึ่งเธอสามารถนั่งรถไฟฟ้าจากหน้าคอนโดไปได้เลย งานนี้เป็นงานต้อนรับลูกหลานไฮโซตระกูลดังที่เพิ่งเรียนจบจากต่างประเทศ ทางครอบครัวเลยจัดงานเลี้ยงต้อนรับและเป็นการแนะนำให้คนในสังคมได้รู้จักไปในตัวเพื่อคอนเนกชั่นต่างๆ ในอนาคต เธอในฐานะช่างแต่งหน้ามือทองที่ผ่านการแต่งหน้าให้ดารานักแสดงและเซเลปดังทั่วฟ้าเมืองไทยจึงได้รับเลือกให้มาทำหน้าที่ในวันนี้ “สวัสดีค่ะ คุณมินนี่ มาคนเดียวเหรอคะ” เจ้าหน้าที่ที่มารอรับเข้ามาทักทายและพาไปยังห้องที่จองไว้สำหรับแต่งหน้าให้เจ้าของงานในวันนี้ “ค่ะ” “เชิญทางนี้เลยค่ะ” มินตราเดินตามเจ้าหน้าที่ไปพร้อมกระเป๋าสัมภาระ เธอชอบทำงานคนเดียวเพราะมากคนก็มากความ อนาวินเคยบอกว่าเธอควรหาเลขาสักคนไว้คอยทำตารางงานหรือช่วยหอบหิ้วสัมภาระ โดยเขาอาสาจะหาคนขยันไว้ใจได้มาให้ แต่เธอยังทำเองไหวจึงปฏิเสธไป มินตราเดินตามเจ้าหน้าที่มายังห้องสวีทสุดหรูแล้วได้พบกับเจ้าของงานที่เธอยอมรับว่าสวยมากจริงๆ หน้าตาผิวพรรณดูดีทุกกระเบียดนิ้วสมกับเป็นลูกเศรษฐีผู้มีอันจะกิน “สวัสดีค่ะ คุณเจสซี่” มินตรากล่าวทักทายพร้อมส่งยิ้มให้ “สวัสดีค่ะ คุณมินนี่ ขอบคุณมากนะคะที่มาแต่งหน้าให้เจสซี่วันนี้ คุณมินนี่รู้ไหมคะว่าเจสติดตามผลงานคุณ มินนี่มาตั้งแต่อยู่อเมริกาเลยนะคะ พอรู้ว่าคุณแม่จะจัดงานต้อนรับให้เจสก็บอกกับคุณแม่ทันทีว่าขอช่างแต่งหน้าเป็นคุณมินนี่เท่านั้น” “ขอบคุณนะคะที่ให้เกียรติมินนี่ได้มาแต่งหน้าให้ เรามาเริ่มกันเลยดีไหมคะ” “โอเคค่ะ” มินตราจัดการเปิดกระเป๋าสัมภาระและเริ่มลงมือทำงานโดยทันที เธอตั้งใจกับการทำงานทุกครั้งไม่ว่าลูกค้าจะเป็นเซเลปคนดังหรือคนธรรมดา เพราะทุกงานล้วนมีค่ามีความหมายต่อลูกค้าทั้งสิ้น เธอตั้งใจเนรมิตให้ลูกค้าทุกคนออกมาสวยที่สุดเท่าที่จะทำได้ในวันสำคัญของเขาเหล่านั้น นอกจากฝีมือแล้วการใส่ใจและความเป็นมืออาชีพนี่เองที่ทำให้เธอก้าวมาไกลได้ขนาดนี้ “เสร็จแล้วค่ะ” เวลาผ่านไปราวชั่วโมงกว่าๆ มินตราก็จัดการเนรมิตลูกค้าสาวให้สวยได้ดังใจ “โอ้โห สวยมากเลยค่ะ ไม่อยากจะเชื่อเลยว่านี่คือเจสจริงๆ” เจติยาหันไปส่องกระจกแล้วอุทานออกมาอย่างถูกใจ “เสร็จกันหรือยังจ๊ะสาวๆ” คุณหญิงจรุงจิตมารดาของเจติยาเข้ามาดูความเรียบร้อยเพราะต้องการให้ลูกสาวของตัวเองออกมาสวยที่สุดในงานคืนนี้ “แต่งหน้าเสร็จแล้วค่ะคุณแม่ คุณมินนี่แต่งหน้าสวยมากๆ เลยค่ะ” “สวยจริงๆ ด้วย ลูกแม่สวยมาก รับรองคืนนี้หนุ่มๆ ในงานต้องมองลูกสาวแม่เป็นตาเดียวแน่ โดยเฉพาะพี่วิน” ประโยคสุดท้ายคุณหญิงจรุงจิตก้มลงไปกระซิบกับลูกสาว แต่มินตราได้ยินมันอย่างชัดเจน “พี่วินที่คุณแม่เคยพูดถึงน่ะเหรอคะ” เจติยามีน้ำเสียงตื่นเต้นอย่างปิดไม่มิด “ใช่แล้วจ้ะ พี่วิน อนาวิน อัศวกุล ผู้ชายที่แม่คิดว่าเหมาะสมกับลูกสาวของแม่ที่สุด แม่ลงทุนไปเชิญคุณแม่ของพี่ วินเองถึงบ้านเลยนะจ๊ะ” “แต่คุณพ่อกับพี่เจเคยพูดถึงเขาว่าเจ้าชู้มากนี่คะ” “โอ๊ย นั่นมันเรื่องธรรมดาตามประสาชายโสด แม่เชื่อว่าถ้าพี่เขาได้รู้จักลูก พี่เขาจะต้องหลงเสน่ห์และถูกใจลูกสาวของแม่แน่ๆ” “คุณแม่ พูดอะไรก็ไม่รู้ พี่วินเขาอาจจะมีคนที่ชอบอยู่แล้วก็ได้ ทั้งหล่อทั้งรวยขนาดนั้น” “ไม่มีแน่นอนจ้ะ แม่ให้คนสืบมาแล้วว่าโสดจริง ทีนี้ก็ขึ้นอยู่กับลูกแล้วว่าจะทำให้พี่เขาสนใจได้หรือเปล่า คิดดูสิจ๊ะลูกถ้าตระกูลเราได้ดองกับตระกูลอัศวกุลจะเป็นยังไง เรือล่มในหนองทองจะไปไหนจริงไหมจ๊ะ” มินตราเลี่ยงออกมาตั้งแต่ได้ยินชื่อของอนาวิน เธอไม่อยากเสียมารยาทแอบฟังแต่เพราะอยู่ภายในห้องเดียวกันยังไงก็ได้ยินอยู่ดี หญิงสาวถอนหายใจพร้อมกับความรู้สึกหน่วงๆ ในอก จริงอย่างที่คุณหญิงจรุงจิตว่าเรือล่มในหนองทองจะไปไหน แล้วถ้าพูดกันตามตรงเจติยาก็สวยเพียบพร้อมเหมาะกับอนาวินอย่างไร้ข้อกังขา คนรวยกับคนรวยที่จะสนับสนุนเกื้อกูลกันในอนาคตได้เป็นอย่างดี “ไปจ้ะลูก ออกไปรับแขกกับแม่ คุณมินนี่เรียนเชิญด้วยนะคะ” คุณหญิงจรุงจิตหันมาเชิญเธอให้อยู่ร่วมงานแต่เธอรีบปฏิเสธทันทีแบบไม่ต้องคิด “ขอบคุณคุณหญิงมากนะคะที่ให้เกียรติมินนี่ แต่มินนี่มีงานต่อน่ะค่ะ” “เหรอคะ เสียดายจัง งั้นเอาไว้โอกาสหน้าเจสจะใช้บริการคุณมินนี่อีกนะคะ คุณมินนี่แต่งหน้าได้สวยถูกใจ เจสมากเลยค่ะ” “ขอบคุณค่ะ” “ไปกันเถอะลูก เดี๋ยวคุณป้าอรกับพี่วินมา” สองแม่ลูกเดินออกจากห้องไป มินตราจึงลงมือเก็บอุปกรณ์ของตัวเองลงกระเป๋าแล้งลงลิฟต์มายังด้านล่างเพื่อนั่งรถไฟฟ้ากลับคอนโด เธอไม่ได้มีงานต่อแต่อย่างใดแต่เพราะไม่อยากอยู่ร่วมงานที่เธอไม่รู้จักใครและอีกเหตุผลคือไม่อยากอยู่เห็นภาพที่อาจทำร้ายจิตใจตนเองด้วย ลำพังแค่ที่ภูเก็ตก็เพียงพอแล้ว บางครั้งเธอก็อยากเลิกรักเขาแล้วเปิดใจให้ผู้ชายคนอื่นบ้าง แต่เธอไม่สามารถทำได้เลยสักครั้ง ดังนั้นเธอจึงเลือกที่จะมีความสุขด้วยการแอบรักเขาเงียบๆ และได้อยู่ใกล้ชิดเขาในฐานะเพื่อนสนิทก็พอ
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD