8. ปัจจุบัน
ชีวิตฉันก็เป็นแบบนั้นมาจนถึงตอนนี้ ผ่านมา 3 ปี ฉันไม่ได้กลับไปอยู่ห้องอีกเลย เราอยู่ด้วยกันตลอดยกเว้นไปมหาลัย แต่เราก็ยังไม่มีสถานะใด ๆ แล้วความโลกกลมแม่งก็มีอยู่จริง เมื่อได้ซัมเมอร์ดันไปเจอผู้ในงานดนตรีเมื่อวานถึงได้รู้ว่าตินเป็นเพื่อนสกายวงวานสินะ
"ลงมา"
"ยังไม่ได้…เดี๋ยวก่อนเดินไปหาจะบอก"
ข้อความจากคุณชายตัวร้ายของฉัน ทำไมต้องหลบ ๆ ซ่อน ๆ ด้วยก็ไม่รู้ฉัน ฉันเลยแอบย่องออกไปตามทางเดินชั้นล่างของเรือ ประตูเปิดออกภาพคือเขามีแค่ผ้าขนหนูผืนเดียวพันเอวไว้ แม่เจ้า…ผ่านไปนานแค่ไหนฉันก็ยังไม่ชินสักที
"วันนี้พี่จะตามใจเรา 1 วัน อยากทำอะไรพี่ก็ได้"
"พี่ไม่สบายหรอ"
ฉันเดินเอาหลังมือไปอังหน้าผากเขาว่าตัวร้อนไหม เขาส่ายหน้าแล้วรวมมือฉันลง ตอนนี้เขานั่งอยู่ปลายเตียงเอามืออีกข้างรวบเอวฉันไว้เอาหน้าซบลงมาที่หน้าอกฉัน
"แค่อยากลองอะไร ๆ ธรรมดาบ้างไม่ดีหรอ" ตาย ๆ ๆ ๆ เสียงออดอ้อนขนาดนี้
"อืมมมมมมม…เดี๋ยวมีคนได้ยินหรอก" เสียงเขากระซิบอยู่ข้างหูขณะที่เราคร่อมกันอยู่ในห้อง ห้องข้าง ๆ มีทั้งแก็งฉันกับเขา ไม่ครบก็เกือบครบ
"ก็มันเสียวอ่ะพี่ไม่ทำได้ไหม" ฉันกำลังขอร้องให้เขาเอามือเรียวออกจากน้องสาวฉัน ปากที่กำลังกัดกินหน้าอกทั้ง 2 อย่างคนกระหายของหวานทั้งดูด ทั้งเลีย จนหัวนมฉันแข็งไปหมด
"นิ้วพี่เปียกขนาดนี้…เราไหวหรอถ้าค้าง" นั่นไงเจ้าเล่ห์ไม่มีใครเกิน
"งั้นใส่เลยหายไปนานเดี๋ยวพวกมันรู้" ฉันเร่ง
"ฮึ กลัวคนรู้ หรือ อยากเอาพี่มากกว่าคะ" เป็นการทำเวลาอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน
"กูนึกว่าตายคาห้องน้ำอิวิ้งค์นานมากกกกก" มินนี่บ่นใส่หน้าฉันเพราะขาดคนถ่ายรูปให้มัน
"เอบี กับ เมอร์ ก็อยู่ทำไมไม่ใช้มันถ่ายเล่า" ฉันเถียงพร้อมชี้นิ้วไปท้ายเรือ ที่เอบีกำลังไลน์สดอยู่
"มึงคะ...แหกตาดูบ้างอิกุ้งแห้งหายไปกับผัว อิเอบีไลน์อ่อยผู้ชายกูนี่โดดเดี่ยวเหลือเกิน" มินนี่พ่นลมหายใจเสียงดัง
"เออ ๆ มา ๆ กูถ่ายให้เชิญมึงไปโพสต์เผลอ ๆ เลยเจ้าค่ะ" ฉันก็ดันตัวอิมินนี่ออกไปจากที่นั่ง ให้ไปยืนสวย ๆ ท้าแดด มือของคนนิสัยเสียก็ไม่อยู่สุขแอบตีก้นฉันฉันตอนเดินผ่านอีก อดทนหน่อยจะตายไงก็ไม่รู้ พอกลับมาที่กรุงเทพฯ เพราะเมอร์เริ่มคบกับตินเป็นข่าวทั่วมหาลัย ไหนจะเรื่องไอ้แดนเฟรนโซนอีก ฉันเลยเจอสกายบ่อยมาก โรงอาหารเอย คลับเอย ทุกที่ ๆ เมอร์ไปทำให้ฉันรู้ว่าเขาเนื้อหอมแค่ไหนมีแต่ผู้หญิงตามอ่อยตลอด ทีฉันเขามาทำเป็นหึงหวง ที่ตัวเองไม่เคยบอกสักคำเรื่องผู้หญิง
"งอลอะไร" ผมถามยายบื้อที่ดูจะหงุดหงิดไม่ยอมพูดจากับผมมา 2 วัน
"……"
"ถ้าเราเงียบ พี่จะรู้ไหม" ผมยืนมองเธอ ที่พยายามเก็บโน่นนี่ในครัว เฮ้อ… ง้อเมียต้องเอาเมีย คติผมในเมื่อเงียบนัก ผมอุ้มยายบื้อวางที่เคาน์เตอร์ครัว ล็อกตัวไว้โดยมีผมอยู่ตรงกลาง
"ปล่อยไม่อยากทำไม่มีอารมณ์...พี่ถอยไป" เสียงงอนขึ้นสุดมือเล็ก ๆ พยายามดันไหล่ผม
"แต่พี่มีอารมณ์แล้วก็จะเอาจนกว่าเธอจะพูด" อีกแล้วอิวิ้งค์ ปากบอกไม่แต่ร่างกายนนี่ใส่พานถวายเขาตลอด รอบนี้ไม่มีอุปกรณ์แต่มีน้ำแข็งที่มือเรียวเอื้อมมือไปเปิดตู้เย็นหยิบมา เย็นจนขนลุกหมดไปไม่รู้กี่ก้อนต่อกี่ก้อนจบรอบ 2 ที่เตียงเหมือนเดิม เฮ้อ
"เบื่อวิ้งค์ไหม ที่ไม่ยอมบอกคนอื่นเรื่องเราเบื่อความงี่เง่านี้ไหม เบื่อคนขี้แยไหม พี่เบื่อวิ้งค์ใช่ไหม" อึก ฮื้ออออออออออออ ฉันสุดจะกลั้นก็วันก่อนฉันเห็นเขายิ้มให้กับผู้หญิงรุ่นน้องน่ารักคนนึง เธอใส่ช็อปด้วยปกติเขาไม่เคยยิ้มให้ใครเลย ฉันหวงฉันหึงและไม่ชอบ แต่เพราะฉันเลือกที่จะไม่ลงสถานะ ฉันก็ยิ่งโมโหตัวเอง
"ถ้าพี่รักคนอื่น…อึก พี่ อึก บอกได้นะ อึก วิ้งค์จะไปเอง"
ผมนี่งงไปหมดแล้วอะไรว่ะเนี้ย ไม่รู้จะตกใจอะไรก่อนร้องไห้ทำไม แล้วอะไรคือมีคนอื่น ได้แต่กอดยายบื้อไว้ลูบหัวเบาๆ รอเธอใจเย็นลงไม่งั้นพูดไปร้องไห้ไป ผมยิ่งฟังไม่เข้าใจ
"โอเคยั...ไหนบอกมาสิเกิดอะไรขึ้นถึงพูดออกมาแบบนี้" ผมถามยายบื้อที่ยังสะอึกสะอื้น เอามือปาดหน้าปาดตาจนแดงไปหมด
"ก็พี่ยิ้มให้ผู้หญิงสวย ๆ คนนั้น พี่ดูมีความสุขมากเลยหนูไม่ชอบ แต่เพราะหนูไม่ได้เป็นอะไรกับพี่หนูเลยยิ่งรู้สึกแย่"
"เธอไม่ได้เป็นอะไรกับพี่ แล้วมาอยู่กับพี่ทำไมตั้ง 3-4 ปี หื้อ" เอ็นดูยายบื้อจังหึงสินะผมมีความสุขจังไหน ๆ เธอก็ยอมเปิดปากเรื่องนี้ ผมคงต้องเคลียร์สักที
"ก็…………ไม่รู้เหมือนกัน" เสียงเบาจาง ๆ ตอบมา
"งั้นพี่ถามเราตอบ"
"......"
"ตั้งแต่วันที่เราจูบพี่ริมสระน้ำที่บ้านจนถึงวันนี้เคยเห็นพี่มีคนอื่นไหม"
"……"
"ตั้งแต่วันที่พี่พาเรามาที่นี่จนถึงวันนี้พี่เคยไม่โทรหาไหม"
"……"
"ตั้งแต่พี่เข้ามหาลัยที่เดียวกับเธอพี่เคยไปนอนค้างที่อื่นไหม...นอกจากออกค่าย"
"……"
"แล้วทำไมเธอถึงไม่ยอมรับพี่สักที"
"……"
"พี่คงดีไม่พออยู่กับพี่มันน่าอายคนอื่น...พี่ไม่เหมาะสมที่จะเป็นแฟนเราสินะ"
กลายเป็นเขาพลิกเกมมางอนฉัน อะไรว่ะ…ดึงดราม่าใส่ฉันเฉยเลย แล้วสรุปฉันต้องง้อเขาแทนที่เขาต้องง้อฉันไม่ใช่หรอ