เช้าวันต่อมา เท้าของเหยาเหยาไม่ได้ดีขึ้น กลับบวมแดงมากกว่าเดิม จนนางไม่อาจลุกขึ้นเดินออกไปจากบ้านดินได้
เสี่ยวผิงก็ยังคงไปช่วยทำอาหาร เพื่อนำบางส่วนกลับมาให้เจ้านายทุกคนได้กิน
“เหยาเหยา เจ้าเป็นเช่นใดบ้าง”
หนิงเฉิงร้องถามน้องสาวอยู่ที่หน้าบ้านดินด้านนอก
“ข้าไม่เป็นอันใดเจ้าค่ะ” นางสวมถุงเท้า เพื่อไม่อยากให้พี่ชายนึกเป็นห่วง
“เช่นนั้น เจ้าไปดูท่านแม่เสียหน่อย นางเหมือนจะมีไข้”
เหยาเหยารีบลุกขึ้นเดินไปบ้านดินของมารดา แม้การเดินของนางจะยากลำบาก แต่ก็ต้องแข็งใจเดินไปดูปกติที่สุด
“ท่านแม่ ท่านเป็นอย่างไรบ้างเจ้าคะ”
เมื่อวานตอนที่มาถึงนางจับชีพจรไปแล้วก็เห็นว่าเพียงอ่อนเพลียเท่านั้น แต่ไม่คิดว่าเช้าวันนี้มารดาของนางจะมีไข้สูงไปได้
“ข้าจะลองไปถามว่าพอมียาหรือไม่เจ้าค่ะ” เหยาเหยานางลุกขึ้นออกไปด้านนอก
เสี่ยวผิงช่วยประคองคุณหนูของตนไปที่ด้านหน้า เพื่อถามทหารว่ามียาลกไข้หรือไม่ แต่เดินอยู่นานก็ไม่เห็นว่าจะมีทหารให้ถามสักคน
เหยาเหยาเหงื่อไหลซึมเพราะความเจ็บปวดฝ่าเท้า จนไม่อาจเดินต่อได้ นางจึงถามชาวบ้านที่อยู่ใกล้ที่สุด
“ท่านป้า ท่านพอจะทราบไหมเจ้าคะว่าข้าจะไปหายาได้จากที่ใด”
“เจ้าต้องไปถามที่ค่ายทหารแล้วนังหนู เมื่อเช้ามีหมอมาตรวจดู แต่ไม่นานก็รีบร้อนกลับไป แคว้นเว่ยเริ่มบุกอีกแล้ว” นางส่ายหน้าอย่างปวดใจ
“ขอบคุณเจ้าค่ะ” เหยาเหยากล่าวขอบคุณก่อนจะเดินออกมา
“เสี่ยวผิงเจ้าไปตามท่านพี่มาให้ข้า ข้าจะไปค่ายทหารกับท่านพี่ ส่วนเจ้ากลับไปอยู่ดูแลมารดาข้ากับแม่นมเถิด” เสี่ยวผิงพยักหน้ารับก่อนจะทิ้งคุณหนูไว้เพียงผู้เดียว
เหยาเหยานางนั่งรอใต้ต้นไม้ เพื่อพักเอาแรง หากให้ผู้อื่นไปหายาแทนนางก็กลัวว่าจะบอกหลายละเอียดยาไม่ครบ ทำให้ยาที่ได้ไม่ได้ผล แต่จะเขียนรายการยาไปให้ กระดาษหรือหมึกก็ไม่รู้จะหาจากที่ใด
อีกอย่างนางอยากจะได้ยามาทาที่ฝ่าเท้าของนางด้วย นางคิดว่าไม่ใช่เพียงนางผู้เดียวที่ได้รับบาดเจ็บที่เท้า พี่ชายกับบิดาก็คงไม่ต่างจากนาง
“เหยาเหยา เจ้าจะไปที่ค่ายทหารรึ” หนิงเฉิงรีบเดินเข้ามาหาน้องสาว
เมื่อรู้ว่าต้องไปขอยาจากหมอในค่ายทหาร สองพี่น้องก็รีบออกเดินทันที
“เท้าเจ้าเป็นอันใด” หนิงเฉิงหยุดหันมามองน้องสาวที่เดินช้าลงเรื่อย ๆ เมื่อเห็นนางเดินโขยกเขยกก็อดที่จะเอ่ยถามไม่ได้
“ข้าเจ็บเท้าเจ้าค่ะ แต่ยังทนไว้” นางรีบบอกทันที เพราะกลัวพี่ชายจะให้นางขึ้นหลัง
แต่หนิงเฉิงก็ไม่อาจทนมองน้องสาวของตนเจ็บปวดได้ เขาย่อตัวลงเพื่อให้นางขึ้นมาอยู่บนแผ่นหลัง
เพียงไม่นานสองพี่น้องก็มาถึงที่ค่ายทหาร เมื่อทหารรู้ว่าทั้งคู่มาขอพบหมอก็บอกทางให้เดินไปที่กระโจมรักษา
ภายในค่ายทหารเหลือค่ายอยู่ไม่มากนัก อาจจะเป็นอย่างที่ท่านป้าที่นางถามทางบอกก้ได้ ว่ายามนี้คงออกไปทำศึกอยู่ด้านนอก
เหยาเหยาเมื่อเข้ามาพบหมอในกระโจมนางก็บอกอาการของมารดาทั้งขอยาทาแผลที่เท้าของนางด้วย ท่านหมอได้รับคำสั่งมาจากท่านแม่ทัพแล้วว่าให้จัดการเรื่องยาให้ชาวบ้านเต็มที่
เขาจึงไม่ได้หวงยาเมื่อสองพี่น้องบอกว่าต้องการสิ่งใดบ้าง เหยาเหยายิ้มขอบคุณ ก่อนจะเดินออกจากกระโจมเพื่อจะกลับไปที่ค่ายอพยพ
แต่เสียงโห่ร้องของทหารที่กำลังกลับเข้ามาในค่าย ทำให้สองพี่น้องชะงักนิ่งอยู่กับที่อย่างตกตะลึง
เพราะไม่รู้ว่าเสียงร้องเช่นนี้เป็นเสียงร้องดีใจที่ชนะหรือว่าเป็นเสียงของทหารแคว้นเว่ยที่กำลังบุกเข้ามา
ทหารบนหลังม้าที่ควบเข้ามาในค่ายด้านหน้าสองคน ทำให้สองพี่น้องเผยแววตาแห่งความกังวลออกมา
ใบหน้าที่เรียบเฉยของฝูเหิงกับตงหยาง ไม่แสดงความยินดีเช่นทหารที่อยู่รอบตัวเขา ทั้งยังมีแผ่กลิ่นอายสังหารออกมาจนนางที่ยืนอยู่ห่างยังอดจะสั่นสะท้านด้วยความหวาดกลัวไม่ได้
คำขู่ของเขายังก้องอยู่ในหูของนาง หากเขาพบนางกับพี่ชายในตอนนี้ไม่รู้ว่าจะเกิดเรื่องร้ายใดขึ้นอีก
เหยาเหยา ดึงแขนพี่ชายให้เขาไปหลบตรงหัวมุมก่อนที่ม้าของทั้งคู่จะควบผ่านตัวทั้งสองไป
“ตงหยางกับฝูเหิงใช่หรือไม่” หนิงเฉิงเอ่ยถามออกมาด้วยเสียงสั่นเทา
เขายังไม่ลืมเรื่องที่ฝูเหิงปล่อยข่าวเรื่องบิดาของเขาที่เมืองหลวง หนิงเฉิงมีความคิดไม่ต่างจากน้องสาวนักเรื่องที่กลัวว่าฝูเหิงจะเห็นเขากับเหยาเหยา
“แม่นางเจ้ายังไม่ไปอีกหรือ” หมอกัวเดินออกมาเห็นเหยาเหยากับพี่ชายยืนแอบอยู่ในมุมของกระโจม
เขาชื่นชมแม่นางน้อยที่อายุเพิ่งพ้นวัยปักปิ่น เพราะนางตอบโต้เรื่องสมุนไพร และอาการพร้อมทั้งพูดตัวยาที่จะใช้ได้อย่างไม่ติดขัด
“กำลังจะไปเจ้าค่ะ” นางเอ่ยตอบเสียงแผ่วเบา เพราะกลัวบุรุษที่เพิ่งขี่ม้าผ่านไปจะได้ยินเข้า
ฝูเหิงชะงักอยู่กับที่ แววตาของเขาสั่นไหวออกมาวูบหนึ่ง เขาต้องหูฝาดไปแล้วแน่ที่คิดว่าตนได้ยินเสียงของเหยาเหยา นางจะมาอยู่ในค่ายทหารได้อย่างไร
“มีอันใด” ตงหยางเห็นน้องชายหยุดอยู่กับที่ก็เอ่ยถามอย่างแปลกใจ
“เปล่าขอรับ” ฝูเหิงกลับมามีสีหน้าถมึงทึงเหมือนเดิม และเหมือนจะยิ่งมีโทสะมากกว่าเดิมที่ตนเผลอนึกไปถึงสตรีผู้นั้นได้
เหยาเหยารีบร้อนเดินออกจากค่ายทหารพร้อมกับพี่ชาย นางลืมความเจ็บปวดที่ฝ่าเท้าไปชั่วคราว
ฝูเหิงหรี่ตามองแผ่นหลังของสตรีกับบุรุษที่รีบร้อนเดินออกไป ก่อนจะดึงสายตากลับมา แล้วลงจากหลังม้าเข้าไปในกระโจม
เหยาเหยาเมื่อมาถึงค่ายอพยพนางก็ส่งยาให้เสี่ยวผิงไปต้มให้มารดาทันที ทั้งยังถอดถุงเท้าตรวจดูบาดแผลของนางด้วย
นางค่อยๆ ทายาที่แผลอย่างเบามือ เหมือนจะยิ่งแย่กว่าเมื่อวานเสียอีก ความแสบร้อนของฝ่าเท้าทำให้เหยาเหยานางสูดปากอย่างเจ็บปวด
“เจ้าเห็นแม่นางน้อยที่เข้ามาในค่ายทหารหรือไม่”
“เป็นเช่นไร”
“ข้าไม่เคยพบเจอสตรีนางใดงดงามเช่นนี้มาก่อน แม้จะอยู่ในอาภรณ์เปรอะเปื้อนเช่นนั้น แต่ก็ยังทำให้ข้ามองจนตาค้างได้”
“จริงหรือ ข้าอยากจะเห็นยิ่งนัก”
“คงต้องไปเที่ยวแถวค่ายผู้อพยพเสียแล้ว”