ไม่รู้ทำไมปาลินกลับคิดว่าประชาสัมพันธ์สาวคนนั้นโกหกเธอ หญิงสาวเลยคิดว่าตนเองจะปักหลักรออยู่ที่นี่ เธอขอบคุณอีกฝ่ายอีกครั้ง จากนั้นจึงเปลี่ยนไปอีกทาง ตรงไปยังห้องน้ำซึ่งเดินไปไม่ไกลนัก
เมื่อมาถึงห้องน้ำ มีคนอยู่ข้างในอยู่แล้วสองสามคน แต่ก็ถือว่าโล่งมากอาจจะเป็นเพราะช่วงนี้ยังเป็นเวลาทำงานอยู่ก็เป็นได้
ปาลินเลือกห้องข้างในสุด แล้วดึงฝาชักโครกลง ก่อนจะทรุดลงนั่งตรงนั้น แล้วคิดหาวิธีที่จะเข้าพบเคลเมนต์ให้ได้สักครั้ง เธอกะว่าจะรอไปอีกสักพัก หากไม่เจอเขาที่นี่จริงๆ และผู้หญิงคนนั้นไม่ได้โกหก เธออาจจะเปลี่ยนไปดักรอเขาที่เพนต์เฮาส์ซึ่งเธอเคยอยู่ที่นั่นแทน
ปาลินคิด ขณะที่ยกมือขึ้นปิดปาก เพราะอาการคลื่นไส้เล่นงานเธออีกครั้ง หลังจากรู้ตัวแล้วว่าท้อง ปาลินก็มีอาการแพ้ท้องหนักมาก เธอแทบกินอะไรไม่ได้ และบางครั้งก็อยากอาเจียนอยู่ตลอด มันทำให้เธอไม่สบายตัวเอาเสียเลย ยิ่งประกอบกับที่เธอกำลังเครียดอยู่ช่วงนี้ หญิงสาวก็ยิ่งรู้สึกว่าทุกอย่างรอบตัวมันแย่ไปหมด
ปาลินถอนหายใจอีกครั้ง เมื่ออาการคลื่นไส้ดีขึ้น แล้วคิดว่าเธอจะกลับไปรอที่ร้านคาเฟ่เดิมดีกว่า อย่างนั้นที่นั่นก็สบายกว่ามานั่งซ่อนตัวในห้องน้ำอย่างนี้ หญิงสาวลุกขึ้นยืน เอื้อมมือไปหมายจะปลดล็อกกลอนประตู แต่ก็ต้องชะงักอย่างนั้นเพราะว่าเสียงของเหล่าผู้หญิงที่กำลังพูดคุยกันอยู่ข้างนอก และชื่อเคลเมนต์ก็สะดุดหูทำให้เธอหยุดนิ่งฟังต่อไป
“นี่ มีผู้หญิงมาขอพบท่านประธานด้วยนะ”
เสียงนั้นปาลินจำได้ว่าเป็นประชาสัมพันธ์สาวที่เธอไปติดต่อนั่นเอง ขณะที่อีกคนนั้นเธอไม่รู้จัก
“ผู้หญิงที่ไหนมาขอพบเคลเมนต์ ไวแอตตอนนี้ล่ะ”
“บอกตามตรง ฉันคุ้นหน้าเธอมากนะ แล้วก็คิดได้ว่า อ้อ...ฉันเคยเห็นผู้หญิงคนนี้มาก่อน มีครั้งหนึ่งตอนช่วงเย็นๆ เธอเคยตามท่านประธานมาที่นี่”
“เป็นคนที่โดนเขี่ยแล้วอยากกลับมาสินะ”
“แน่นอน ไม่อย่างนั้นก็คงไม่ทำตัวเซ่อซ่ามาถามที่นี่หรอก”
เธอหัวเราะคิกคักกัน ขณะที่คนเซ่อซ่าได้แต่หน้าชาด้วยความรู้สึกอับอาย
ปาลินกำมือแน่น ขณะที่ดวงหน้าร้อนผ่าวไปหมด ทั้งโกรธทั้งอายที่ได้ยินคนนินทาตนเองกับหูอย่างนั้น
ทว่าก่อนที่เธอจะได้ทำอะไร ผู้หญิงพวกนั้นก็พูดกันต่อไปว่า
“แต่ก็แปลกนะ ทำไมผู้หญิงคนนี้มาตามหาเขาที่นี่”
“ใช่ไหม ฉันน่ะแปลกใจจริงๆ ใครๆ ก็รู้กันทั้งนั้นแหละวันนี้ควรไปตามเขาที่อื่นไม่ใช่ที่บริษัท”
“จริงๆ ใครเขาจะเข้ามาทำงานในวันหมั้นของตนเองล่ะถูกไหม”
“ช่าย... แล้วต่อให้เขาอยู่ ยังไงแม่นี่ก็บุกขึ้นไปพบเขาไม่ได้อยู่ดีนั่นแหละ คนที่ถูกเขี่ยทิ้งแล้วไม่เห็นมีใครหวนกลับมาได้สักคน”
“ยิ่งตอนนี้เขามีคู่หมั้นแล้ว อีกไม่นานก็แต่งงาน ใครจะไปยอมให้อดีตอย่างนั้นมาตามรังควานจริงไหม”
“จริงจ้า ถ้าฉันเป็นคุณนายไวแอต แม่นี่ไม่มีวันได้มาเอ่ยชื่อเขาให้ได้ยินหรอกบอกเลย”
“คิกๆ ใช่ไหมล่ะ ถ้าฉลาดก็ควรจะรู้ว่าอย่ายุ่งกับผู้ชายที่มีเจ้าของแล้ว อีกอย่างไวแอตก็ไม่ขี้เหนียวอยู่แล้ว เขาเปย์ไม่อั้นขนาดนั้น คนที่แล้วได้บ้านกับเบอร์กินไปเป็นโกดังเลยมั้ง แม่นี่ก็คงไม่ต่างกันเพราะอยู่กับเขามาตั้งสองปี ฉันโคตรอิจฉาเลย!”
สองสาวข้างนอกหัวเราะคิกคักและนินทาเธออีกสองสามประโยค ก่อนจะเปลี่ยนเรื่องแล้วพากันเดินออกไป ส่งผลให้ภายในห้องน้ำเงียบสงบอีกครั้ง ขณะที่ปาลินได้แต่ค่อยๆ ทรุดตัวลงนั่งบนฝาชักโครกอีกหนด้วยความรู้สึกไร้เรี่ยวแรง ใบหน้าซีดเซียวของเธอยิ่งซีดเผือดเข้าไปกันใหญ่เมื่อความจริงบางอย่างได้กระแทกใจเธอเสียจนเจ็บหนึบไปหมด
สองเดือน...แค่สองเดือนเท่านั้นเคลเมนต์ก็คว้าเอาคนในหัวใจของเขามาไว้ในกำมือได้สำเร็จ
ก็ในเมื่อเขารอคอยมานาน...โอกาสมาถึงแล้วทำไมเคลเมนต์จะไม่เอื้อมมือไปคว้าละจริงไหม ในเมื่อเขารอมิล่า...พี่สาวของเธอมานานกว่าสามปีนี่นา
เงาอย่างเธอ...ก็สมควรแล้วที่จะต้องจากไป
เธอเหยียดยิ้มสมเพชตนเองออกมา ยังจะหวังอะไรอีก ยังคิดจะทำอะไรอีก...
ปาลินยกมือขึ้นแตะหน้าท้องแบนราบของตนเองแผ่วเบา ขณะที่ตัดสินใจได้อย่างเด็ดขาดในวินาทีนั้น
“ดีแล้วที่ยังไม่ได้บอกออกไปเนอะ...”
หญิงสาวพึมพำกับตนเองแผ่วเบา ดวงตาแสบร้อนและเริ่มมองภาพตรงหน้าไม่ชัดเพราะม่านน้ำตาที่เอ่อกลบดวงตา ก่อนที่จะค่อยไหลรินลงมาเงียบๆ ไร้เสียงสะอื้นใดๆ
ดีแล้ว...ที่ไม่ได้เข้าไปเป็นมือที่สามของใคร...
“ไม่มีพ่อก็ไม่เป็นไร...แม่จะดูแลหนูให้ดีที่สุดเองนะคะ”
“...”
“แม่สัญญา...”
ปาลินยกมือขึ้นเช็ดน้ำตาแรงๆ ราวกับว่าทำอย่างนั้นจะสามารถช่วยเช็ดเอาเศษของความรักและความหวังที่แตกสลายในหัวใจของเธอออกไปได้
ทว่ามีแต่เธอที่รู้ว่ายากเหลือเกินที่จัดการกับเศษซากความรู้สึกเหล่านั้นได้
...โดยเฉพาะหัวใจที่แหลกสลายของเธอเอง
----------