เคลเมนต์ไม่ได้อยากได้ยินอะไรไร้สาระอย่างนั้นสักนิด เขาจ้องมองเธอที่กำลังจะร่ายยาวเกี่ยวกับความเดือดร้อนของพวกเลวิสนิ่ง จ้องเสียจนเธอรู้ตัวและหยุดพูด
ผู้หญิงคนนี้เป็นบ้าอะไรหรือถึงจะเอาตัวเองเข้าแลกกับคนที่ไม่ได้เป็นอะไรกัน ถ้าเลวิสจ้างเธอเข้าหาเขา เธอควรรู้ว่าให้เธอเดินเข้ามาหาเขา ยื่นข้อเสนอกันตรงไปตรงมาจะเป็นผลดีกับเธอมากกว่า
เขาสามารถเอาส่วนที่ต้องไปลงทุนกับพวกเลวิสให้เธอก็ยังได้ สิบกว่าล้านเหรียญก็แค่เศษเงิน ทำไมเธอต้องเอาเงินที่ควรได้ให้คนอื่น...นี่หมายถึงกรณีที่เขาตอบรับน่ะนะ
“คุณเป็นอะไรกับพวกเลวิส”
เคลเมนต์ถามออกไปจนได้ เพราะไม่อาจเก็บความสงสัยได้อยู่ แต่คำตอบของเธอกลับทำให้เขาประหลาดใจจนปิดไม่มิด
“ฉันเป็นลูกสาวของแดเนียล เลวิส”
“อย่าโกหก”
เธอไม่ได้ดูมีตรงไหนเหมือนพวกเลวิสสักนิด ดูเป็นสาวเอเชีย น่าจะคนจีนหรือคนญี่ปุ่น ไต้หวันอะไรทำนองนี้ แต่ไม่ใช่คนที่มีสายเลือดเดียวกับแดเนียล เลวิสแน่ๆ
หญิงสาวเม้มปากแน่น ท่าทางเหมือนไม่ยินยอมจะตอบ แต่สุดท้ายก็ตอบออกมาจนได้
“ลูกเลี้ยงค่ะ แต่ยังไงเขาก็เป็นพ่อของฉัน”
คำตอบนี้ก็พอให้เขาเดาอะไรออกได้แล้วละ บางครั้งสิ่งที่ทำให้ผู้หญิงคนนี้ยอมมาหาเขา ยื่นข้อเสนออะไรแบบนี้ก็เห็นจะเป็นเพราะความสัมพันธ์อะไรพวกนั้นสินะ
เขาเหยียดยิ้ม บางทีก็นึกอยากรู้ว่าเธอจะยอมทำเพื่อ ‘คนอื่น’ ได้อย่างที่พูดจริงๆ หรือเปล่า เคลเมนต์ทอดตัวพิงพนักโซฟา จ้องมองร่างเล็กของเธอนิ่ง จงใจใช้สายตาแฝงความหมาย มองเธอไปทั่วร่างขณะเอ่ยว่า
“งั้น...เข้ามานี่สิสวีตฮาร์ต”
“ขะ เข้าอะไรคะ”
ปาลินตัวแข็ง หลุดปากถามออกไปอย่างเงอะงะ สายตาร้อนแรงนั้นทำให้เธอรู้สึกเหมือนเขากำลังเปลื้องผ้าตนเอง
เคลเมนต์ยิ้มหยัน ใช้มืออีกข้างตบลงบนหน้าขาตนเองขณะบอกออกไปอย่างชัดเจน
“มานั่งตรงนี้”
“...”
“แล้วทำให้ผมพอใจ”
ปาลินลอบกลืนน้ำลาย เธอทรุดนั่งลงบนตักของชายหนุ่มตามที่เขาบอก ท่าทีเงอะงะนั้นทำให้เคลเมนต์ทั้งเหยียดหยามแต่ก็ประหลาดใจ
เธอทำเหมือนไม่เคยแตะต้องผู้ชายคนไหน แต่การรับข้อเสนอของเธอ...เสนอตัวเองแลกกับเงินจะทำให้เขาเชื่อได้อย่างไรว่าเธอไม่เคยผ่านใครมาก่อน
เธอก้มหน้า ไม่มองสบตาเขา ขณะที่เคลเมนต์แทบไม่รู้สึกถึงน้ำหนักอะไรบนร่างตัวเองด้วยซ้ำ เธอตัวเบามาก เบาเสียจนเหมือนเขาอุ้มแมวขึ้นมาบนตักตัวเอง
ชายหนุ่มจับร่างนั้นให้หันมาหาเขา แยกขาเล็กออกให้คร่อมบนร่างตนเอง แล้วใช้ฝ่ามือรั้งใบหน้าเล็กให้ก้มลงมา เขาไม่พูดอะไรหลักจากนั้นในยามที่แนบริมฝีปากลงบนกลีบปากนุ่มสีสดของเธอ ขบเม้มดึงดูดอย่างเอาแต่ใจ ไม่ทะนุถนอมอะไรสักนิดเดียว
ต้องถนอมอะไรในเมื่อนี่คือสิ่งที่เขาซื้อมาด้วยเงิน
เขาหยามหยันในใจ ขณะแทรกเรียวลิ้นเข้าสู่ริมฝีปากหวาน รุกล้ำอย่างถือสิทธิ์เต็มที่ ฝ่ามืออีกข้างที่ว่างแทรกเข้าไปภายในกระโปรงที่ร่นขึ้นมาอยู่บนต้นขาเล็กนั้น นวดคลึงปลายนิ้วแข็งของตนเองกับผิวอ่อนนุ่มในส่วนนั้น รุกล้ำเข้าไปลึกมากขึ้น...
“อ๊ะ”
หญิงสาวครางประท้วงในตอนที่เขาสัมผัสในจุดที่ไม่เคยมีใครแตะต้องมาก่อน ทำท่าจะหลบหนีแต่ถูกเขาล็อกเอาไว้แน่น เธอมองเขาตาโตราวกับจะประท้วงในตอนที่เขาคลายริมฝีปากออก
แต่เคลเมนต์ยิ้ม ไม่ตอบอะไรขณะที่รุกคืบปลายนิ้วเข้าไปสำรวจด้วยความอยากรู้เต็มที่ ขณะที่หญิงสาวเหมือนจะดิ้นรนขอร้องให้เขาหยุด แต่เขาไม่ยอมปล่อยไป
ร่างกายนี้เป็นของเขาตั้งแต่เธอพูดคำว่าตกลงแล้ว เธอไม่มีสิทธิ์ปฏิเสธอีกต่อไป เขาแลกเธอมาด้วยผลประโยชน์มหาศาล แต่กลับไม่มีทางรู้เลยว่าสิ่งที่ได้ตอบแทนมาจะคุ้มค่าหรือไม่
แต่ไม่ว่าจะคุ้มหรือไม่ เคลเมนต์เชื่อว่าตนเองจะรีดเร้นผลประโยชน์ที่จะได้จนคุ้มค่าที่สุดแน่นอน!
ไฟปรารถนาถูกจุดขึ้นมาแล้ว ถ้าเธอจะเปลี่ยนใจหรือหยุดยั้งละก็ ขอบอกเลยว่าเขาจะไม่มีวันยอม...ไม่มีวันยอมอย่างแน่นอน!
๐๐๐
สามวันต่อมา
รถคาดิลแลคคันหรูจอดอยู่หน้าบ้านหลังเล็กสไตล์วินเทจสีขาวหลังหนึ่ง รถหรูคันนี้ไม่ได้ดูเข้ากับสถานที่เลยแม้แต่น้อย พอๆ กับที่ชายหนุ่มร่างสูงใหญ่ที่ก้าวลงมาจากรถคันนั้น
ถึงวันนี้เคลเมนต์ ไวแอตจะไม่ได้อยู่ในชุดสูท ทว่าชุดลำลองซึ่งเป็นเสื้อเชิ้ตและกางเกงยีนทั้งที่สวม ทั้งเนื้อทั้งตัวยังคงบ่งบอกถึงความหรูหราและไม่เข้ากับสถานที่ออกมาได้อย่างชัดเจน
เขาหยุดยืนอยู่ตรงหน้าบ้าน ขณะที่ผู้ช่วยของเขาเดินเข้ามายืนอยู่ข้างๆ พร้อมกับเอ่ยว่า
“บ้านหลังนี้แหละครับ”
เคลเมนต์พยักหน้ารับน้อยๆ จ้องมองบ้านหลังเล็กตรงหน้านิ่ง จากนั้นจึงหันไปบอกกับฌอนว่า
“นายรออยู่ที่นี่ เดี๋ยวฉันเข้าไปเองคนเดียว”
“ได้ครับ”
ฌอนตอบรับ ขณะที่เขามองเคลเมนต์ตรงเข้าไปในบ้านหลังนั้นด้วยสายตาเป็นห่วง
เขาหวังว่าเคลเมนต์จะไม่เลือกทางผิดอีกครั้ง... ก็ได้แต่หวังว่าอีกฝ่ายจะเลือกทางที่ตนเองไม่เสียใจทีหลังอีกแล้ว
๐๐๐
ปาลินในเวลานี้กำลังเล่นซ่อนแอบอยู่กับลูกชายของตนเอง หลังจากที่กลับมาจากสมัครงานในช่วงเช้า วันนี้เธอให้พี่เลี้ยงที่จ้างมาดูแลอีกฝ่ายเป็นครั้งคราวกลับไปก่อนเวลา แล้วตนเองใช้เวลาช่วงบ่ายดูแลลูกเอง
“เอเดนครับ เอเดนอยู่ไหนน้า”
หญิงสาวร้องออกมา แกล้งทำเป็นมองไม่เห็นว่าลูกชายตัวแสบนั้นกำลังใช้ผ้าขนหนูคลุมตัวเองไปทั้งตัว ราวกับว่าพอมองไม่เห็นเธอก็ถือว่าซ่อนตัวเองได้มิดชิดแล้ว แถมยังไปหลบเธออยู่ด้านหลังโซฟา ทั้งๆ ที่เจ้าเบบี๋ซึ่งวนเวียนอยู่แถวที่อีกฝ่ายอยู่นั้นได้เฉลยให้เธอได้รู้แล้ว
“เอเดนอยู่นี่ค้าบ”
เอเดนหัวเราะคิกคัก ส่งเสียงร้องออกมา ขณะที่ปาลินก็ยังแกล้งร้องเรียก ตามหาไม่เจอต่อไป
“อยู่ตรงไหนน้า”
“อยู่ตรงนี้ค้าบ ฮ่าๆ”
“มองไม่เห็นเลย อยู่ตรงไหนน้า พี่บี๋จ๊ะ เห็นน้องเอเดนหรือเปล่าลูก”
ปาลินแกล้งถามเจ้าเหมียวที่เดินมาวนเวียนคลอเคลียขาตนเอง หญิงสาวอุ้มเจ้าเหมียวขึ้นมาแล้วทำท่าเดินหาที่อื่น ทั้งๆ ที่เหลือบมองเอเดนออกมาจากผ้าคลุมแล้วตะโกนเรียกตนเอง
“มัมมี้ๆ ผมอยู่นี่ๆ”
ปาลินหันหลัง ขณะที่ลูกชายร้องกรี๊ดแล้วรีบซ่อนตัวเองทันที
“อยู่จริงเหรอ”
“คิกๆ ไม่อยู่ มัมมี้ไปผิดทางแล้ว!”
“อยู่ไหนน้า”
“อยู่ตรงนี้ฮะ กรี๊ด! ฮ่าๆ มัมมี้จับหนูไม่ได้หรอก!”
เด็กชายร้องกรี๊ดแล้วหัวเราะ ขณะที่ปาลินแกล้งทำเป็นเดินอีกทางแล้วค่อยๆ ย่องไปด้านหลังเด็กชาย จากนั้นเอเดนก็เลยรีบวิ่งหนีไม่ยอมให้เธอจับตัว แล้วหัวเราะคิกคัก ทำให้ปาลินรีบวิ่งตามไป
“อ๊ะ จับได้!...”
เสียงกริ่งหน้าบ้าน ขัดจังหวะสนุกสนานของเธอกับลูก ปาลินดึงลูกชายเข้ามาหาตัวเองไม่ทัน เมื่อเด็กชายเอเดนหัวเราะแล้ววิ่งเข้าบ้านไป ขณะที่ปาลินสนใจแขกผู้มาเยือนมากกว่า
“นี่ใครคะ”
หญิงสาวตะโกนถามออกไปก่อนจะตรงไปยังประตู เนื่องจากว่าส่วนใหญ่แล้วคนที่แวะมาหาเธอ ถ้าไม่ส่งของก็คนรู้จักกัน หญิงสาวจึงไม่ได้ดูก่อนว่าใครเป็นคนมา
ทว่าทันทีที่ปลดล็อกกลอน ยังไม่เห็นแม้แต่คนข้างนอก เสียงคุ้นหูที่ไม่ได้ยินมานานหลายปีแล้วก็ดังมาจากอีกฟากหนึ่ง
“สวีตฮาร์ต...”
“...”
“คุณจำผมไม่ได้เหรอ”
หญิงสาวตกใจเสียจนตัวแข็งทื่อ ขณะที่ประตูถูกผลักออกจากฝีมือคนภายนอก และร่างสูงของคนเพียงคนเดียวที่เรียกเธออย่างนั้นก็ปรากฎขึ้นมาตรงหน้า
“เคล...เมนต์...”
เธอเรียกเขาออกมาแผ่วเบาด้วยความตกใจ เพราะไม่คิดว่าชีวิตนี้จะได้เจอเขาอีกครั้ง
เคลเมนต์ ไวแอต...มาอยู่ตรงหน้าบ้านของเธอได้ยังไงกัน!
มหาเศรษฐีหนุ่มยิ้มมุมปาก จ้องมองคนที่แม้จะกลายเป็นแม่ลูกหนึ่งไปแล้ว แต่เธอกลับไม่ดูเปลี่ยนไปเลยสักนิด ยังคงเหมือนเดิมทุกอย่าง
ไม่สิ เธอดูผอมลง...ผอมลงมากกว่าในความทรงจำของเขา แต่ใบหน้าหวานนั้นกลับยังดูอ่อนเยาว์ราวกับเธอหยุดอายุตัวเองไว้เท่าเดิม
เคลเมนต์จ้องมองคนที่มีท่าทีตกใจในยามที่เห็นเขานิ่ง จากนั้นจึงเอ่ยทักทายเธอด้วยน้ำเสียงเรียบเฉย
“สวัสดี...ปาลิน”
“...”
เธอเงียบ ไม่ตอบอะไรและไม่ขยับเขยื้อนสักนิด แต่ด้านหลังของเธอ กลับมีร่างเล็กๆ โผล่หัวออกมาจากด้านหลังของเธอ เขาเหลือบตาต่ำลง มองใบหน้าของเด็กชายคนนั้น จากนั้นจึงเลิกคิ้วสูงแล้วถามออกมาเสียงราบเรียบขัดกับภายในใจที่ยุ่งเหยิงร้อนรน
“แล้วนั่น ลูกใครเหรอ”