อัครพลเปิดประตูเข้ามาคอนโดก่อนจะเดินลิ่วไปที่ห้องนอนเพราะอยากจะหอมแก้มเนียนๆให้ชื่นใจ นับวันเขาก็ยิ่งติดใจและหลงใหลผิวกายเนียนละเอียดของอารดา แค่ไม่เจอไม่กี่ชั่วโมงเขายังคิดถึงเพราะสาเหตุนี้เขาจึงไม่เคยปล่อยให้เธอไปไหนไกลสายตา เพราะการต้องอยู่ห่างหญิงสาวมันทรมานกายและใจของเขาเกินไป ร่างสูงชะงักเมื่อเปิดประตูห้องนอนเข้ามาแล้วไม่เห็นร่างบางนอนอยู่บนเตียงอย่างที่คาด ผ้าปูที่นอนเรียบตึงบ่งบอกให้รู้ว่ามันยังไม่ได้ผ่านการใช้งานในวันนี้ ‘อารดาไปไหน’ นั่นคือสิ่งแรกที่อัครพลคิด ชายหนุ่มร้องเรียกและเดินหาไปทั่วทั้งห้องก็ไม่เจอ อัครพลเริ่มใจคอไม่ดีด้วยความเป็นห่วงดึกดื่นป่านนี้อารดาไปไหนถึงยังไม่กลับบ้าน โดยไม่รอช้าเขารีบหยิบโทรศัพท์เพื่อโทรหาเธอทันที แต่พบว่ามีข้อความจากหญิงสาวฝากเอาไว้ ‘คืนนี้อายค้างที่คอนโดนะคะ’
“บ้าจริง” อัครพลสบถอย่างไม่ชอบใจที่จู่ๆอารดาก็หนีเขาไปค้างที่คอนโดโดยไม่บอกไม่กล่าว เมื่อตอนกลางวันไม่เห็นบอกว่าจะไปแล้วทำไมจู่ๆถึงได้อยากไปค้างที่นั่นกะทันหัน อัครพลครุ่นคิดอย่างไม่รู้ตัวว่าเขาได้ทำให้อารดาทั้งงอนและน้อยใจมากแค่ไหน ร่างสูงรีบผลุนผันออกจากห้องไปทันทีจุดมุ่งหมายคือคอนโดของอารดาที่เขาได้จ่ายเงินซื้อขาดหลังจากเธอตกลงมาเป็นผู้หญิงของเขา
ฝ่ายคนที่หนีมานอนห้องของตัวเองนั้นก็ร้องไห้จนหลับไปโดยไม่รู้เลยว่าคนที่เธอคิดว่าจะหนีหน้านั้นกำลังไขประตูคอนโดเข้ามา อัครพลก้าวเข้ามาในห้องพลางมองหาคนตัวเล็กที่บังอาจหนีมานอนที่อื่นโดยไม่บอกกล่าว นึกแล้วก็โมโหที่คิดจะทิ้งให้เขานอนคนเดียว ร่างสูงเปิดประตูเข้ามาในห้องนอนก็เห็นร่างบางนอนหลับสนิทอยู่บนเตียง คำพูดที่เตรียมจะต่อว่าพลันกลืนหายไปในลำคอเมื่อเห็นร่างบอบบางนอนคุดคู้อยู่บนเตียงเพราะเปิดเครื่องปรับอากาศไว้เย็นฉ่ำ
“เปิดแอร์เย็นขนาดนี้แล้วไม่ห่มผ้าเดี๋ยวก็ปอดบวมกันพอดี” อัครพลหยิบผ้าห่มมาคลุมให้ร่างบางที่หลับสนิทโดยไม่รู้เลยว่ามีผู้บุกรุกเข้ามาถึงในห้องนอนของตัวเอง ชายหนุ่มก้มลงจูบแก้มเนียนอย่างอดใจไม่ไหวแต่ต้องชะงักเมื่อสัมผัสได้ถึงหยาดน้ำตาที่เปรอะเปื้อนสองข้างแก้มคิ้วเข้มขมวดเข้าหากันทันที และเหมือนคนบนเตียงจะสัมผัสได้ว่าตัวเองไม่ได้อยู่ตามลำพังจึงลืมตาขึ้นก่อนจะกรีดร้องเสียงดังเมื่อเห็นเงาของใครบางคนนั่งอยู่ที่ขอบเตียง
“อาย นี่ผมเอง”
“คุณใหญ่”อารดาโผเข้ากอดอัครพลอย่างขวัญเสียเพราะคิดว่ามีโจรบุกเข้ามาถึงในห้องนอน ชายหนุ่มลูบผมร่างบางที่ตัวสั่นอยู่ในอ้อมกอดอย่างปลอบประโลม
“ทำไมหนีมานอนที่นี่” อัครพลเอ่ยถามถึงสิ่งที่เขาสงสัยทันที อารดาผละออกจากอ้อมกอดอันแสนอบอุ่นก่อนจะตอบโดยไม่ยอมสบตา
“อายไม่ได้หนี อายแค่แวะมาดูความเรียบร้อยของห้องเฉยๆ”
“แล้วทำไมไม่กลับคอนโด”
“อาย...อาย” อารดาอ้ำอึ้งเพราะไม่ทันได้เตรียมคำตอบไว้เพราะไม่คิดว่าเขาจะตามมา อัครพลเชยคางมนให้เงยขึ้นสบตา
“ร้องไห้ทำไม” อารดาหลบตาเพราะกลัวเขาจะจับได้ว่าที่เธอหนีมานอนร้องไห้ที่ห้องตัวเองก็เพราะว่าน้อยใจที่เขาสนิทสนมกับผู้หญิงคนอื่น
“ว่าไง” อัครพลคาดคั้นอย่างต้องการคำตอบเพราะน้อยครั้งที่เขาจะเห็นอารดาร้องไห้ ปกติหญิงสาวร่าเริงและอารมณ์ดีตลอดเวลา ถึงแม้ในยามที่งอนก็ไม่เคยมีน้ำตาให้เห็น ครั้งแรกและครั้งเดียวที่เขาเห็นอารดาร้องไห้คือตอนที่มีข่าวพี่ชายซึ่งเป็นทหารยิงปะทะกับโจรใต้ซึ่งมันก็ผ่านมาร่วมปีแล้ว
“อาย...อายปวดหัวค่ะ” ในที่สุดอารดาก็หาข้อแก้ตัวได้เมื่อเหลือบไปเห็นกระปุกยาแก้ปวดที่ตั้งอยู่บนโต๊ะหัวเตียง
“ปวดหัว? ปวดมากจนร้องไห้ตาบวมขนาดนี้ทำไมไม่โทรหาผม” อัครพลถามอย่างไม่พอใจพลางรู้สึกผิดที่เขาทิ้งให้คนตรงหน้าไม่สบายอยู่คนเดียว ส่วนตัวเองไปสังสรรค์กับเพื่อนอย่างสนุกสนาน
“ก็อายเห็นว่าคุณใหญ่มีแขกคนสำคัญนี่คะ” อัครพลไม่ทันสังเกตว่าน้ำเสียงตอนท้ายของอารดามีแววกระแทกกระทั้นอย่างน้อยอกน้อยใจอยู่ด้วย
“สำหรับผมไม่มีใครสำคัญกว่าอาย” ประโยคนี้ประโยคเดียวทำให้ความน้อยใจที่มีอยู่ก่อนหน้าสลายหายไปหมดสิ้น อารดายิ้มกว้างอย่างดีใจที่เขาบอกว่าเธอคือคนสำคัญ
“จริงเหรอคะ”
“อะไร”
“ก็ที่คุณใหญ่บอกว่าอายสำคัญที่สุด” อัครพลบีบจมูกอารดาอย่างหมั่นเขี้ยว
“ถึงขนาดนี้แล้วอายยังไม่รู้อีกเหรอว่าตัวเองสำคัญกับผมขนาดไหน รู้ไหมว่าผมอยากขอตัวกลับจากเพื่อนๆตั้งแต่หัวค่ำเพราะอยากกลับมากินข้าวกับอาย แต่ผมก็เกรงใจเพื่อนเพราะกว่าจะเคลียร์งานมาเจอกันได้ก็ไม่ง่าย” อารดาโผเข้ากอดร่างสูงอย่างซาบซึ้งใจ ถึงตอนนี้เธอไม่น้อยใจเขาอีกแล้วแค่เขาบอกว่าเธอสำคัญที่สุดเท่านี้ก็เพียงพอแล้วสำหรับเธอ
“อายรักคุณใหญ่จัง” อารดาเบียดร่างเข้าหาอัครพลแน่นโดยไม่รู้เลยว่าร่างนุ่มนิ่มภายใต้ชุดนอนบางเบามันทำให้อารมณ์เขาปั่นป่วนขนาดไหน
“อะไรกัน ตื่นมาก็อ้อนกันเลยนะ แล้วนี่หายปวดหัวหรือยัง” อัครพลถามอย่างห่วงใยพลางใช้นิ้วเรียวกรีดคราบน้ำตาออกจากแก้มเนียน
“หายแล้วค่ะ”
“ดีมาก ต่อไปเป็นอะไรต้องบอกผมนะรู้ไหม อย่าเก็บไว้คนเดียว”
“อายขอโทษค่ะ อายแค่แวะมาดูห้องแล้วจู่ๆก็รู้สึกปวดหัวจนขับรถกลับไม่ไหวเลยกินยาแล้วก็นอนพัก รู้สึกตัวอีกทีก็ตอนที่คุณใหญ่เข้ามา” อารดาแอบไขว้นิ้วไว้ด้านหลังที่ต้องโกหก เธอจะไม่ให้เขารู้เด็ดขาดว่าตัวเองหนีมานอนที่อื่นเพราะหึงและน้อยใจที่เห็นเขาสนิทสนมกับพลอยลดา
“คราวนี้ผมจะยกโทษให้ แต่ยังไงคนทำผิดก็ต้องโดนลงโทษ” สายตาวิบวับของเขาทำให้อารดารู้ทันทีว่ามันหมายถึงอะไร แต่เธอยิ่งกว่ายินดีที่จะรับโทษทัณฑ์นั้น
“คุณใหญ่จะตีอายเหรอคะ” อารดาแสร้งทำหน้าซื่อเอ่ยถามออกไป อัครพลก้มหน้าลงใช้หน้าผากชนกับหน้าผากของเธอพร้อมส่งสายตาเจ้าชู้
“ใครว่าล่ะ ผมมีวิธีลงโทษอายที่ดีกว่านั้นเยอะ” จบคำพูดอัครพลก็ปลดสายชุดนอนเส้นเล็กออกจากไหล่นวลเนียนทำให้หน้าอกเปลือยเปล่าของอารดาเปิดเปลือยต่อสายตาเขาทันที เพราะคิดว่านอนคนเดียวเธอจึงโนบราในคืนนี้และมันก็เข้าทางคนตัวโตเลยทีเดียว อารดาสะดุ้งเมื่อริมฝีปากอุ่นก้มลงครอบครองอกอวบอิ่มของเธออย่างไม่ทันตั้งตัว ก่อนที่ร่างสูงจะดันร่างเกือบเปลือยของเธอลงนอนพร้อมก้าวขึ้นทาบทับ หลังจากนั้นบทลงโทษอันแสนหวานก็เริ่มต้นขึ้น อารดาปล่อยกายปล่อยใจให้เขานำพาเธอไปยังเส้นทางสีรุ้งอันงดงาม ก่อนจะนอนซบอกแกร่งอย่างหมดเรี่ยวแรงเมื่อบทลงโทษบทแรกจบลง
“ไปอาบน้ำกันนะ” อัครพลเอ่ยชวน
“อายอาบแล้วนี่คะ คุณใหญ่ไปอาบเถอะอายง่วง” อารดาตอบพลางทำท่าจะซุกหน้าลงกับหมอนพร้อมเข้าสู่นิทราแต่อัครพลไม่ยอม
“งั้นผมกล่อมอายนอนก่อนดีกว่า” อัครพลกระตุกผ้าห่มที่ห่อหุ้มร่างเปลือยเปล่าของอารดาเอาไว้
“ว้าย คุณใหญ่จะทำอะไรคะ ปล่อยอายนะอายจะนอน”
“ก็อายไม่ยอมไปอาบน้ำกับผม ผมก็จะกล่อมอายนอนก่อนไง”
“ไม่เอาแล้วนะคะอายง่วง คุณใหญ่ไปอาบน้ำได้แล้ว”
“ถ้าอายไม่ไปอาบกับผมผมก็ไม่อาบ แต่จะทำอย่างอื่นแทน”
“อื้อ คุณใหญ่” อารดาพยายามดันใบหน้าหล่อเหลาที่ซุกไซร้ซอกคอเธอออกแต่ไม่เป็นผล เพราะเธอไม่ยอมไปอาบน้ำกับเขาทำให้ร่างเปลือยสองร่างยื้อยุดกันไปมาบนเตียง สุดท้ายอารดาก็ถูกอัครพล ‘กล่อมนอน’ ในแบบฉบับของเขาจนหมดเรี่ยวแรงหลับคาอกเมื่อการกล่อมเสร็จสิ้น