ประเทศไทย
“จีน่า”
พรึ่บ
จีน่าหันขวับตามเสียงเรียกหลังจากที่ยืนหันมองซ้ายมองขวาอยู่พักใหญ่แล้วไม่เห็นใคร จีน่าระบายยิ้มกว้างก่อนรีบสาวเท้าเดินเข้าไปหาพ่อกับแม่ที่ยืนรอเธออยู่อีกทางหนึ่ง
“หนูหาพ่อกับแม่ตั้งนาน ที่แท้มายืนอยู่ทางนี้นี่เองเอง” จีน่ายู่ปากเล็กน้อยอย่างน่ารักพลางสวมกอดพ่อกับแม่แน่นด้วยความคิดถึงหลังจากที่ไม่ได้เจอกันประมาณห้าเดือนกว่า ๆ เพราะพักหลัง ๆ มาพ่อกับแม่งานยุ่งมากจนไม่มีเวลาบินไปเยี่ยมเธอที่จีนเหมือนเคย
“พ่อนึกว่าลูกเห็นแล้วซะอีก เห็นยืนมองอยู่ตั้งนาน”
“หรือหนูสายตาสั้นคะ แบบนี้ต้องตัดแว่นแล้วไหม” จีน่าถามกลับอย่างหยอกเย้า เรียกเสียงหัวเราะเอ็นดูจากพ่อกับแม่ได้เป็นอย่างดี “ทำไมพี่จัสไม่มารับหนูคะ” ถามด้วยความรู้สึกน้อยใจพี่ชายขึ้นมา น้องกลับมาทั้งทีไม่คิดมารับน้องกลับบ้านถึงสนามบินเลยหรือไง
“อย่าน้อยใจพี่จัสเลยลูก ตอนนี้พี่จัสรอลูกอยู่ที่ร้านอาหารน่ะ ป่านนี้คงสั่งอาหารจานโปรดของลูกเต็มโต๊ะแล้วมั้ง” จีน่าตาลุกวาวทันที ฉีกยิ้มกว้างโชว์ฟันเรียงสวยเพียงจินตนาการถึงอาหารไทยหลากหลายที่เธอไม่ได้ลิ้มรสชาติมานานหลายปี
“ไม่น้อยใจก็ได้ถ้าพี่จัสรู้ใจหนูน่ะนะ”
“ขี้เล่นนะเราอะ” พ่อยื่นมือมายีผมของจีน่าด้วยความเอ็นดู ก่อนสามคนพ่อแม่ลูกจะพากันออกจากสนามบินขับรถตรงดิ่งมายังร้านอาหารไทยที่มีจัสตินรออยู่ก่อนหน้านั้นแล้ว
จีน่ามองเห็นพี่ชายจากที่ไกล ๆ และเห็นด้วยว่าตอนนี้พี่ชายกำลังชะเง้อมองเธอคอแทบหลุดออกจากบ่า เธอหัวเราะน้อย ๆ ให้กับท่าทางของพี่ชายก่อนสาวเท้าเดินเข้ามาในร้านอาหารตรงดิ่งมายังโต๊ะที่พี่ชายของเธอนั่งรออยู่ก่อนแล้ว
จัสตินรีบลุกออกจากโต๊ะอ้าแขนออกกว้างพร้อมรับแรงปะทะจากอ้อมกอดที่เต็มไปด้วยความคิดถึงตนของคนเป็นน้อง ทว่า
“ว้าว ของโปรดน้องทั้งนั้นเลยอะพี่จัสยังรู้ใจน้องเหมือนเดิมเลยนะ” สิ่งที่จีน่าสนใจกลับเป็นอาหารตรงหน้ามากกว่าพี่ชายอย่างเขา จัสตินหน้าหงอยลง ขณะที่จีน่าหัวเราะร่วนอย่างชอบใจ “โอ๋ ๆ น้องล้อเล่นไง” โบกมือตรงหน้าพี่ชายก่อนโผล่เข้ากอดจัสตินอย่างเต็มแรง
“ไม่ต้องเลย” ถึงปากจะทำทีเป็นไล่หากแต่วงแขนกลับตวัดโอบแผ่นหลังของน้องสาวไว้แน่น แอบจุ้บเหม่งจีน่าไปอีกหนึ่งทีด้วยคิดถึง เห็นน้องกลับมาสดใสได้พี่ชายอย่างเขาก็เบาใจ นี่แหละน่าที่เขาว่ากันว่าเวลาจะเยียวยาทุกอย่าง
“ทำตัวเป็นคนแก่ขี้น้อยใจไปได้” อายุเพิ่งยี่สิบหกเองรีบทำตัวเป็นคนแก่ขี้งอนไปถึงไหน
“เดี๋ยวมะเหงกให้” ไม่ใช่แค่พูดแต่มือพร้อมลงบนหน้าผากจีน่าแล้ว จีน่าเห็นดังนั้นก็รีบหลบข้างหลังคนเป็นพ่อทันที
“พ่อคะ พี่จัสแกล้งหนู” ฟ้องพ่อไม่จริงจังนัก แลบลิ้นปริ้นตาใส่พี่ชายอย่างล้อเลียน
“พอได้แล้วเราสองคนนี่ ทะเลาะกันเป็นเด็ก ๆ ไปได้” แม่รีบห้ามทัพด้วยสีหน้าเอือมระอา พอห่างกันก็คิดถึงกันแทบบ้า แต่พออยู่ใกล้ก็วางมวยใส่กันตลอด “มานั่งจะได้ทานข้าวกัน มัวแต่เล่นอาหารเย็นหมดแล้วมั้ง”
“พี่จัสนั่นแหละ”
“น้องนั่นแหละ”
“พอ” สองพี่น้องหุบปากแทบไม่ทันเมื่อโทนเสียงของแม่เปลี่ยนไปจนน่าใจหาย จีน่ากับจัสตินรีบนั่งลงที่ประจำของตัวเองก่อนที่แม่จะอารมณ์เดือดไปมากกว่านี้
อาหารสารพัดอย่างถูกคนเป็นพี่ชายตักใส่จานให้น้องสาว จนตอนนี้อาหารแทบล้นจานของจีน่าอยู่รอมร่อ
“กินเยอะ ๆ”
“พี่เองก็กินเยอะ ๆ นะคะ” จีน่าเป็นฝ่ายตักอาหารให้จัสตินบ้าง โดยไม่ลืมตักอาหารให้พ่อกับแม่ด้วย
ภายในโต๊ะอาหารเต็มไปด้วยเสียงพูดคุยเซ็งแซ่ของเราสี่คนพ่อแม่ลูก จีน่าเล่าเรื่องราวมากมายตอนอยู่ที่จีนให้พ่อแม่และพี่ชายฟัง เล่าถึงแผนการใช้ชีวิตของเธอหลังจากนี้จะเป็นยังไงต่อไป จีน่าวางแผนจะทำอะไรบ้างเมื่อกลับมาอยู่ไทย
ขณะที่จีน่ากำลังเล่าเรื่องราวของเธออย่างออกอรรถรส เธอก็สังเกตได้ถึงสีหน้าของจัสตินที่เปลี่ยนไป แววตาของพี่ชายแดงก่ำราวกับกำลังไม่สบอารมณ์กับอะไรบางอย่าง เขาเอาแต่ทอดมองไปทางด้านหลังของเธออยู่อย่างนั้น เพราะนั่งฝั่งตรงข้ามกันทำให้จีน่าสังเกตท่าทางของจัสตินได้อย่างชัดเจน
“มีอะไรรึเปล่าคะ” เธอจึงถามออกไปด้วยความสงสัย แต่ไม่ทันที่จัสตินจะตอบออกมากลุ่มคนกลุ่มหนึ่งก็เดินมาหยุดอยู่ที่โต๊ะของเรา
“พ่อครับ แม่ครับ สวัสดีครับ” หนึ่งในกลุ่มทักทายพ่อแม่ของเธออย่างเป็นกันเอง พ่อกับแม่พยักหน้ารับเล็กน้อย ก่อนเจ้าของประโยคทักทายจะหันไปพูดกับจัสติน “มาร้านนี้ทำไมไม่บอกว่ะ จะได้มาพร้อมกันทีเดียว นี่พวกกูพาไอ้ครอสมาเลี้ยงต้อนรับร้านนี้เหมือนกัน แม่งโคตรบังเอิญ” จีน่าตัวแข็งทื่อตั้งแต่เงยหน้าขึ้นมาแล้วเห็นว่าผู้ชายใจร้ายคนนั้นยืนอยู่ตรงหน้า สมองเธออื้อไปชั่วขณะ ก้อนความรู้สึกบางอย่างตีตื้นขึ้นมาจุกอยู่กลางอก
“แม่คะ หนูอยากอ้วกค่ะ”