บทที่สาม

2276 Words
@ร้านอาหาร ร่างสูงสง่าตามแบบฉบับของนายแบบที่เดินตรงเข้ามาเรียกความสนใจจากคนรอบข้างได้ตลอดทาง ไม่เว้นแม้แต่เจ้าของร่างบางอย่าง ‘พัตนิตา’ หรือ ‘คุณแพน’ ที่ใครต่อใครในแวดวงไฮโซต่างรู้จักกันดี หล่อนคลี่ยิ้มหวานรอหวังให้เขาประทับใจ ณฟ้ากวาดตามองรอบกายครู่หนึ่งเพื่อหาลูกสาวของเพื่อนมารดา ก่อนจะเดินตรงเข้าไปทันทีหลังจากนัยน์ตาเฉียบคมมองเห็นเป้าหมาย ไม่ผิดแน่เพราะผู้หญิงคนนี้หน้าคล้ายพิมพ์พลอยราวกับแกะ หล่อนมีสไตล์การแต่งตัวรวมถึงรูปร่างหน้าตาคล้ายกันกับเพื่อนสาวของเขา รอยยิ้มเป็นมิตรถูกส่งกลับไปทันทีเมื่อมาถึงโต๊ะ ร่างสูงทรุดกายลงนั่งตรงข้ามเธออย่างมีมารยาท “สวัสดีครับ น้องแพนใช่มั้ย” ณฟ้าเลือกเปิดบทสนทนาก่อนเพราะไม่ต้องการให้อีกฝ่ายอึดอัด พิจารณาจากมุมนี้ก็พบว่าหล่อนมีใบหน้าหวานจับใจ แต่ดูยังอ่อนเยาว์อยู่มาก เรียกได้ว่ารอบนี้มารดาทำการบ้านมาดี ท่านรู้ว่าลูกชายชื่นชอบสาวหวานแฝงความแข็งแกร่งไว้ในตัว “ค่ะ ไม่เจอกันนานเลยนะคะพี่ฟ้า ตั้งแต่แพนไปเรียนต่างประเทศมั้ง” พัตนิตาต่อบทสนทนาอย่างไม่เขินอาย หล่อนเป็นสาวสังคมจึงพูดคุยเก่งพอตัว และเธอรู้ดีว่าการที่จะทำให้ผู้ชายคนหนึ่งประทับใจต้องประกอบด้วยอะไรบ้าง เป้าหมายของเธอคือหัวใจของณฟ้า หล่อนต้องได้มันมาครอบครอง! “ครับ ขอโทษนะที่พี่จำน้องแพนไม่ค่อยได้” “ไม่เป็นไรค่ะ เราห่างกันตั้งนานนี่เนอะ ถ้าแพนเจอพี่ฟ้าที่อื่นก็คงจำไม่ได้เหมือนกัน บอกตรงๆ พี่ฟ้าหล่อขึ้นมาก” เอ่ยชมและยิ้มสดใสอย่างเป็นธรรมชาติ “ขอบคุณครับ เราก็น่ารักขึ้นมากเหมือนกัน” “สั่งอาหารดีมั้ยคะ ใกล้เที่ยงแล้ว พี่ฟ้าหิวหรือยังคะ” “ครับ” เพียงชายหนุ่มตอบรับคำ พัตนิตาก็ยกมือเรียกพนักงานให้นำเมนูอาหารเข้ามาทันที หล่อนเลือกยื่นมันให้ณฟ้าก่อน และหยิบอีกอันสำหรับตัวเอง “น้องแพนอยากกินอะไรครับ” “เอาเป็นสลัดปลาแซมอนแล้วกันค่ะ แล้วพี่ฟ้าล่ะคะ” “เอาสเต๊กเนื้อครับ” “รับอะไรเพิ่มอีกมั้ยครับ” บริกรหนุ่มถามย้ำเพื่อเอาใจลูกค้าคนสำคัญ เพราะดูแล้วหนุ่มสาวคู่นี้ท่าทางคงกระเป๋าหนักทั้งคู่ “งั้นเอาเป็นซุปข้าวโพดสองที่แล้วกันค่ะ แพนจำได้ว่าเด็กๆ พี่ฟ้าชอบกิน” “ขอบคุณครับ” ทั้งคู่สั่งอาหารทุกอย่างตามความปรารถนาเรียบร้อยแล้ว พัตนิตายอมรับว่าถูกใจผู้ชายคนนี้ไม่น้อย หล่อนหมายมั่นอยากได้เขามาเคียงคู่กายตั้งแต่ก่อนจะไปเรียนต่อที่อังกฤษ ณฟ้าเป็นหนุ่มเจ้าเสน่ห์ ติดอยู่อย่างเดียวคือไม่ชอบออกงานสังคมเท่าไร ดีหน่อยที่ในวัยเด็กมารดาของหล่อนและคุณนายอรนภาสนิทสนมกัน หล่อนจึงได้ทราบข่าวคราวของชายหนุ่มผ่านทางคุณป้าอร และเมื่อเรียนจบก็รีบกลับมาทำคะแนนพิชิตใจเขาทันทีที่รู้ว่าณฟ้าอกหักและโสดมาหลายปีแล้ว นี่คงเป็นพรหมลิขิตที่เปิดทางให้ความสัมพันธ์รักในครั้งนี้ “น้องแพนเพิ่งกลับมาจากเมืองนอกเหรอครับ เห็นคุณแม่บอกพี่อย่างนั้น” นัยน์ตาคมเข้มสบประสานกับดวงตาแสนหวานอย่างมีเสน่ห์ ไม่ต้องประดิษฐ์อะไรมากมายก็ทำให้ผู้หญิงบางคนตกหลุมรักเขาได้ไม่ยาก “ค่ะ แพนกลับมาอยู่ไทยได้เกือบเดือนแล้ว พอดีจะเปิดแบรนด์เสื้อผ้าที่นี่น่ะค่ะ แต่แอบกลัวเหมือนกันนะคะ แพนไม่ค่อยรู้เรื่องธุรกิจเท่าไหร่ กลัวจะทำมันเจ๊งน่ะค่ะ” “ไม่ต้องกลัวนะครับ เราเก่งอยู่แล้ว” ณฟ้ากล่าวชมตามมารยาท ไม่มีความจริงใจในแววตาสักนิด “ขอบคุณนะคะ ยังไงถ้าพี่ฟ้ามีอะไรจะแนะนำแพน บอกได้เลยน้า คุณป้าเล่าว่าพี่ฟ้าทำเกี่ยวกับบริษัทจัดงานอีเวนต์ใช่ไหมคะ” พัตนิตาเลือกใช้ข้อมูลที่คุณอรนภาบอกให้เป็นประโยชน์เพื่อพูดคุยตีสนิทกับเขา ท่านเล่าให้ฟังว่าณฟ้าเป็นคนเก่ง เขามุ่งมั่นจนทำให้บริษัทที่ลงหุ้นกับเพื่อนสนิทประสบความสำเร็จ ชายหนุ่มใช้เงินของตนเองทั้งหมดลงทุน แล้วเพียงไม่นานผู้ชายคนนี้ก็สามารถกอบโกยกำไรได้อย่างมากมายมหาศาล ทั้งหล่อทั้งเก่งแบบนี้ เหมาะสมคู่ควรกับการเป็นพ่อของลูกพัตนิตาคุณหนูไฮโซที่สุด! “ยินดีครับ ถ้าน้องแพนมีอะไรทักไลน์พี่มาได้เลยนะ” “พี่ฟ้าใจดีจัง งั้นจะเป็นการรบกวนมั้ยคะ ถ้าเที่ยงนี้แพนขอเข้าไปดูที่ทำงานของพี่ฟ้าสักหน่อย พอดีอยากซึมซับบรรยากาศของออฟฟิศน่ะค่ะ เผื่อจะเอาไปเป็นเรเฟอเรนซ์ในการตกแต่งออฟฟิศของแบรนด์ตัวเอง” ณฟ้านิ่งไปชั่วครู่ราวกับต้องการประมวลอะไรบางอย่าง ก่อนจะก้มดูนาฬิกาที่ข้อมือคล้ายกับต้องการใช้ความคิด “แต่ถ้าพี่ฟ้าไม่สะดวก…” พัตนิตาแกล้งทำสีหน้าน่าสงสาร หล่อนก้มมองต่ำราวกับรู้สึกผิดเพราะคำขอที่มากเกินไป “ก็ได้ครับ ช่วงบ่ายพี่ไม่ได้ติดอะไรอยู่แล้ว” เพียงไม่นานชายหนุ่มก็รับปาก ณฟ้ามีนิสัยเสียอย่างหนึ่งคือเขาใจดี ไม่ชอบปฏิเสธหรือทำร้ายจิตใจใคร ทว่าหากต้องการตัดใจ ผู้ชายคนนี้ก็สามารถทิ้งอีกฝ่ายได้อย่างง่ายดายราวกับไม่เห็นคุณค่า “ขอบคุณนะคะ” พัตนิตาแกล้งทำเสียงตื่นเต้นดีใจตามจริตมารยาทหญิง หล่อนคลี่ยิ้มหวานสะกดจนณฟ้านิ่งอึ้งไปชั่วขณะ …รอยยิ้มนี้ เหมือนพิมพ์พลอยเหลือเกิน ยิ้มที่ทำให้เขาใจสั่นหวั่นไหวขึ้นมาอย่างง่ายดาย ณฟ้าสะบัดศีรษะอย่างไวราวกับไล่ความคิดไร้สาระให้หมดสิ้นไป ชายหนุ่มพยายามตั้งสติเพื่อที่จะท่องว่า ผู้หญิงสองคนนี้ไม่ใช่คนเดียวกัน หล่อนไม่ใช่พิมพ์พลอย! “ไม่เป็นไรครับ นี่เราเอารถมาเองหรือเปล่า” เอ่ยถามเพราะรู้ว่าการจราจรในกรุงเทพฯ นั้นแออัดแค่ไหน พัตนิตาส่ายหน้าใสซื่อปฏิเสธ “พอดีแพนให้คนขับรถของคุณแม่มาส่ง ยังไม่คุ้นชินกับเส้นทางในกรุงเทพฯ น่ะค่ะ” “งั้นเดี๋ยวไปกับพี่ก็ได้ครับ เสร็จแล้วตอนเย็นค่อยให้คนขับรถที่บ้านแพนมารับ” “เกรงใจพี่ฟ้าจัง แพนว่า…” ส่ายหน้าโบกมือคล้ายกับต้องการปฏิเสธ ทว่าในใจกลับกู้ก้องว่า สุดท้ายผู้ชายคนนี้ก็ต้องหลงติดกับดักเธออยู่ดี “อย่าปฏิเสธเลยครับ ถือว่าเป็นการต้อนรับการกลับมาของเรา” “ก็ได้ค่ะ งั้นถ้าเย็นนี้พี่ฟ้าว่าง แพนขอเชิญไปกินอาหารเย็นที่บ้านแพนอีกรอบได้มั้ยคะเพื่อเป็นการตอบแทน คุณแม่ก็บ่นๆ อยากเจอพี่ฟ้าเหมือนกัน” ยกมารดาขึ้นมาอ้าง อย่างน้อยถ้าเขาไม่ไปมันจะได้ดูไม่น่าเกลียดเท่าไร “อะ…เอ่อ พี่น่าจะไม่ติดอะไรมั้งครับ” ชายหนุ่มรับปากอย่างไม่ค่อยมั่นใจนัก จากนั้นสองหนุ่มสาวก็สนทนาเรื่องอื่นกันต่อ ไม่นานอาหารที่สั่งไว้ก็ถูกยกมาเสิร์ฟทุกเมนู พัตนิตาชวนณฟ้าคุยเรื่องนู้นเรื่องนี้ตามสไตล์สาวช่างพูด หล่อนมีอัธยาศัยดี ยิ้มแย้มแจ่มใส และค่อนข้างที่จะเป็นมิตร ผู้หญิงคนนี้รู้วิธีเข้าหาเขา ไม่เหมือนกับลูกสาวเพื่อนมารดาคนที่ผ่านๆ มา พัตนิตาไม่ได้ทำให้ ณฟ้ารู้สึกอึดอัดจนไม่สบายใจอยากสนทนาด้วย ทั้งคู่ใช้เวลารับประทานอาหารร่วมกันราวชั่วโมงกว่า ก่อนที่ณฟ้าจะพาหล่อนมายังบริษัทของตนเอง ภาพของสองหนุ่มสาวที่เดินพูดคุยหัวเราะต่อกระซิกกันเป็นจุดสนใจไปตลอดทาง ไม่เว้นแม้แต่พสิกาซึ่งกำลังเดินเข้ามาพร้อมกับ ‘นงนุช’ ซึ่งเป็นหัวหน้าแผนกบัญชี “นั่นคุณฟ้าพาใครมา แฟนเหรอ” นงนุชโพล่งถามตามประสาคนปากไว ทำเอาหญิงสาวแทบกลืนน้ำลายไม่ลงคอ ความเหมาะสมของทั้งคู่ทำให้เธอเจ็บแปลบขึ้นมาที่หัวใจ “ผึ้งไม่แน่ใจเหมือนกันค่ะ เพิ่งเคยเห็นครั้งแรก” เลขาสาวตอบออกไปด้วยน้ำเสียงแจ่มใส ทั้งที่ข้างในหมองหม่น “สงสัยคงเป็นคนพิเศษแหละ คุณฟ้ายิ้มหน้าบานขนาดนั้น” ปกติแล้วเจ้านายหนุ่มสุดเนี้ยบค่อนข้างจะวางมาดและถือตัว รอยยิ้มนี้ไม่ได้แจกจ่ายให้ใครไปทั่ว ทว่าพัตนิตากลับได้รับมันอย่างง่ายดาย “พี่ขอตัวก่อนนะหนูผึ้ง เรารีบไปต้อนรับแขกของคุณฟ้าเหอะ เดี๋ยวองค์ลงแล้วจะแย่กันหมด” นงนุชว่า ก่อนเอื้อมมือไปตบบ่าน้องเล็กอีกที พสิกาพยักหน้ารับคำแล้วรีบสาวเท้าไปยังทางแยกขึ้นบันได หญิงสาวรีบสุดชีวิต ทว่าไม่ใช่เป็นเพราะกลัวคำขู่ของสาวรุ่นพี่ แต่เธออยากกลับขึ้นไปทำงานทุกอย่างแบบไม่ขาดตกบกพร่องต่างหาก แขกคนสำคัญของเขาไม่ต่างอะไรกับเจ้านายอีกคนของเธอ จึงมีความจำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องต้อนรับหล่อนให้ดี คนตัวเล็กมาถึงโต๊ะทำงานด้วยสภาพเหงื่อตก เธอเอามือยันโต๊ะไม้แล้วสูดลมหายใจเพียงเล็กน้อยเพื่อคลายความเหนื่อยล้า ใบหน้าหวานเต็มไปด้วยหยาดเหงื่อเพราะวิ่งขึ้นบันไดกว่าห้าชั้น “เพิ่งเข้างานเหรอ” ณฟ้าเปิดประตูห้องทำงานออกมาในจังหวะเดียวกันกับที่พสิกาเงยหน้าขึ้น ชายหนุ่มจ้องนัยน์ตากลมโตของเธอราวกับต้องการอะไรบางอย่าง “ขอโทษค่ะ รีบที่สุดแล้วจริงๆ” “ฉันไม่ว่าอะไรหรอก เธอไปเอาน้ำส้มมาให้แขกของฉันก็พอ” ชายหนุ่มออกคำสั่งแล้วตั้งท่าจะเดินกลับเข้าห้องไป แต่ไม่ถึงเสี้ยววินาทีเขาก็หันกลับมาหาเธออีกครั้งราวกับมีอะไรบางอย่างจะบอกกล่าว เลขาสาวจึงเลิกคิ้วและมองเขาเหมือนต้องการจะถามว่าจะรับอะไรเพิ่มไหม “อย่าลืมเช็ดหน้าเช็ดตาให้เรียบร้อย ถ้าเหนื่อยก็หาน้ำเย็นๆ ดื่มนะ ฉันเป็นห่วงกลัวเด็กดีจะไม่มีแรง” แล้วก็ยกยิ้มแพรวพราวให้ก่อนเดินเข้าห้อง คำพูดแบบนี้อีกแล้ว มันทำให้เธอหวั่นไหว พสิกาควบคุมอัตราการเต้นของหัวใจไม่ได้เลย คิดไม่ออกไม่รู้ว่าควรรู้สึกเช่นไรดี หากลึกๆ แล้วก็แอบอบอุ่นใจในการกระทำของเขา ทว่าอีกเสี้ยวหนึ่งของความรู้สึกกลับร้องค้าน คุณฟ้าแค่หวังดี เขาเป็นแบบนี้อยู่แล้ว ทำแบบนี้มาเนิ่นนานแล้วอย่าลืมสิพสิกา! พสิกาเดินเข้ามาในห้องทำงานของชายหนุ่มเหมือนอย่างเคย ภาพที่ปรากฏเบื้องหน้าคือหญิงสาวหน้าตางดงามกำลังนั่งพูดคุยกับเจ้านายของเธออย่างออกรส หล่อนมีผิวสว่างขาวใสคล้ายกับเด็กน้อย ใบหน้าจิ้มลิ้มนั่นน่าจะดูอ่อนวัยกว่าอายุจริง ซึ่งบ่งบอกถึงการดูแลตนเองที่ดีพอสมควร “ขออนุญาตนะคะ” เอ่ยเสียงหวาน ก่อนวางแก้วน้ำส้มคั้นทั้งสองใบลงบนโต๊ะตัวใหญ่ “แพนเพิ่งรู้นะคะว่าพี่ฟ้าชอบดื่มน้ำส้มด้วย” พัตนิตาเอ่ยขึ้นตามประสาคนช่างสังเกต หล่อนยกแก้วน้ำขึ้นจิบพอเป็นพิธี “ครับ พี่ดื่มกาแฟไม่เยอะเท่าไหร่” “ว้าว คุณเลขานี่รู้ใจเจ้านายจังเลยนะคะ หน้าตาน่ารักด้วย” หล่อนเหลียวไปมองพสิกาที่ยืนอยู่ด้านหลัง เลขาสาวเม้มริมฝีปากเข้าหากันเพียงชั่วครู่คลายความอึดอัด นัยน์ตาหลุบมองต่ำเสมือนเจียมตัวในฐานะตนเอง “ครับ ลืมแนะนำให้แพนรู้จัก นี่พสิกาหรือหนูผึ้ง เลขาของพี่เอง” “หนูผึ้ง ชื่อน่ารักดีค่ะ” หล่อนหันไปมองพสิกาอย่างเต็มตาอีกครั้ง ดวงตาคมกริบไล่มองเลขาสาวตั้งแต่หัวจดเท้าราวกับต้องการประเมินคู่แข่ง “ฉันแพนนะจ๊ะ ยังไงวันนี้ขอรบกวนหนูผึ้งหนึ่งวันน้า” พัตนิตาหัวเราะขึ้นมาพร้อมพูดเชิงหยอกล้อ “ไม่ถือว่ารบกวนหรอกค่ะ แขกของคุณฟ้า ผึ้งยินดีดูแลอยู่แล้วค่ะ” พสิกาไม่ใช่คนคิดมาก เธอมักมองโลกในแง่บวกเสมอ แต่สายตาแบบนั้นของผู้หญิงคนนี้ ไม่รู้ทำไมเธอถึงรู้สึกไม่สบายใจเหลือเกิน …พัตนิตาไม่มีแววตาเป็นมิตรเหมือนดั่งคำพูดเลยสักนิด “งั้นผึ้งขอตัวก่อนนะคะ” ทนแบกรับความรู้สึกดังกล่าวไม่ไหวจึงเอ่ยขอตัวไปทำงานต่อ ทันทีที่กล่าวจบร่างบางก็หันไปประสานสายตากับณฟ้าเพียงเสี้ยววินาที ก่อนหันหลังเดินออกไปจากห้องทำงานของเขา “เลขาพี่ฟ้านี่ทั้งน่ารักและมารยาทงามเลยนะคะ ไม่รู้ว่าแพนจะหาพนักงานน่ารักๆ แบบนี้ได้หรือเปล่า” “ครับ เธอทำงานมานานแล้ว น่ารักแบบที่น้องแพนชมนั่นแหละ” สิ้นสุดประโยคของหนุ่มที่หมายปอง พัตนิตาแอบกำมือแน่นด้วยความริษยา สองคนนี้คงไม่รู้ตัวสินะ ว่าทุกการกระทำและทุกคำพูดตรงหน้าห้องทำงานของเขาเมื่อครู่นั้น หล่อนได้เห็นและได้ยินมันหมดแล้ว สรรพนาม ‘เด็กดี’ ที่ณฟ้าเรียกเลขามันหมายความว่าอย่างไร! เป็นแค่เจ้านายกับเลขาทำไมถึงต้องพูดจาออดอ้อนออเซาะกันขนาดนั้น ผู้หญิงคนนี้น่ารังเกียจที่สุด!
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD