พสิกาเดินออกจากซูเปอร์มาร์เก็ตใกล้คอนโดของณฟ้า นัยน์ตาหวานก้มมองดูนาฬิกาข้อมือก่อนจะเม้มปากแน่นสนิท สี่ทุ่มกว่าแล้ว ถ้าเข้าไปหาเขาในเวลานี้ก็ไม่แน่ใจว่าชายหนุ่มเข้านอนแล้วหรือยัง วันแรกที่ย้ายมาอยู่ก็เกิดเรื่องเสียแล้ว ณฟ้าจะตำหนิอะไรหรือเปล่า ชายหนุ่มจะหาว่าเธอเถลไถลไหม
คิดแล้วได้แต่ระบายลมหายใจก้มหน้ายอมรับชะตากรรม หยิบถุงขนมปังแผ่นที่ซื้อมากินประทังชีวิต
เสื้อผ้าสีขาวแนบลู่ไปกับร่างกายในทุกสัดส่วน เพราะฝนเทกระหน่ำลงมาอย่างหนัก พสิกาวิ่งอย่างรวดเร็วเพื่อไปให้ถึงตัวอาคาร ก่อนสแกนคีย์การ์ดเข้าไปข้างใน
คอนโดสุดหรูมีระบบรักษาความปลอดภัยที่ค่อนข้างซับซ้อนพอสมควร หญิงสาวมุ่งหน้าไปที่ลิฟต์เพราะไม่อยากเสียเวลาให้เขาตำหนิได้ สัญชาตญาณบางอย่างตะโกนออกมาว่าต้องรีบพาตนเองไปถึงห้องของเขาโดยเร็วที่สุด
มือเล็กสั่นระริกเล็กน้อยก่อนเอื้อมสแกนระบบประตูอัตโนมัติ ไฟทุกดวงในห้องสว่างจ้าราวกับเปิดรอคอยเธออยู่ ทว่ากลับไม่มีแม้แต่เสียงทีวี หรือการเคลื่อนไหวที่บอกให้รู้ว่ามีใครอยู่ในนี้
พสิกาวางถุงพลาสติกลงบนโต๊ะกระเบื้องกลางห้องอย่างแผ่วเบา ได้แต่ภาวนาในใจให้ณฟ้าเข้าสู่ห้วงนิทราไปแล้ว
หมับ!
ดูเหมือนว่าคำภาวนาของหญิงสาวผู้น่าสงสารไม่เป็นผล เมื่อมือหนาของคนที่อยู่เบื้องหลังโอบรัดเอวคอดกิ่วแล้วดึงเข้าหาตัวอย่างแรง ใบหน้าหล่อเหลาเคลื่อนมาเกยอยู่บริเวณไหล่บอบบาง
“ทำไมกลับดึก” คนเสียงทุ้มโน้มลงมากระซิบถามข้างหู จนเธอสัมผัสได้ถึงไอร้อนของลมหายใจเขา
“พอดีผึ้งแวะไปเอาของที่บ้าน ขอโทษนะคะที่เสียงดังรบกวนจนคุณฟ้าตื่น”
“หืม…” เขาแกล้งลากเสียงยาวราวกับหยอกเย้า ก่อนหมุนร่างบางให้หันมาสบตากัน
“…” พสิกาขมวดคิ้วอย่างมีคำถาม แต่ก็ไม่ได้โพล่งอะไรออกไป
“ฉันไม่ได้บอกสักหน่อยว่าเข้านอนแล้ว”
“เหรอคะ” เธอกะพริบตาปริบๆ คล้ายสับสนมึนงง โทนเสียงทุ้มต่ำนุ่มละมุน บวกกับสัมผัสนิ่มนวลทำให้ขนกายลุกชันเพราะความหวั่นไหว
“จะนอนได้ยังไงในเมื่อเธอยังไม่มา”
คำพูดพร้อมสัมผัสอ่อนโยนจากคนตัวสูงทำให้หัวใจของพสิกาเต้นกระหน่ำ ณฟ้าคลี่ยิ้มละมุนแต่ก็ปรากฏแค่ชั่วครู่เท่านั้น เพียงไม่นานเจ้าของใบหน้าหล่อเหลาก็เลิกคิ้วซึ่งวางขนานกับดวงตาคมกริบขึ้น หลังจากสังเกตเห็นอะไรบางอย่าง
“เกิดอะไรขึ้น ไปทำอะไรมา” เขาถามขึ้นมาด้วยน้ำเสียงร้อนรนทันที มือหนาเอื้อมคว้าแขนเรียวเล็กที่มีรอยแดงเด่นชัดเป็นปื้น
“พอดีผึ้งซุ่มซ่าม”
“อีกแล้วนะ” ชายหนุ่มระบายลมหายใจพร้อมเอาลิ้นดันกระพุ้งแก้มอย่างหงุดหงิด และคนตัวโตก็ทำในสิ่งที่เธอคาดไม่ถึง มันน่าตกใจเสียจนนัยน์ตาหวานเบิกกว้างขึ้นทันที
“คุณฟ้า!”
“อยู่นิ่งๆ เลยถ้าไม่อยากจบลงบนเตียง” เจ้านายหนุ่มออกคำสั่งเสียงแข็งกับเลขาสาว ไม่เหลือวี่แววคนใจดีอีกต่อไป ณฟ้าพาพสิกาเดินผ่านครัวกว้างซึ่งถูกแยกออกเป็นสัดส่วนอย่างว่องไว พาตรงไปยังห้องนั่งเล่น และกดคนตัวเล็กให้นั่งลงบนโซฟา
“จะทำอะไรคะ” พสิกาถามกลับอย่างไม่เข้าใจ ไม่รู้ว่าการกระทำเหล่านี้ของเขามันหมายความว่าอย่างไร เธอไม่อยากโมเมคิดไปเองว่าเขากำลังเอาใจและห่วงใยเธอ
ณฟ้าเป็นคนใจดี พสิการู้ เจ้านายเป็นมิตรกับทุกคนแม้กระทั่งคนที่เกลียด…
หญิงสาวยังจำได้ดี ในช่วงแรกที่ชายหนุ่มเปิดบริษัท มักจะมีปัญหาเข้ามาให้วุ่นวายใจไม่เว้นแต่ละวัน บางคนดูถูกหาว่าเขาเป็นแค่ลูกไฮโซเหยียบขี้ไก่ไม่ฝ่อ จนแกล้งเอาเรื่องงานมาล้อเล่นราวกับต้องการทดสอบความอดทน
และเธอมองออกเขาว่าโกรธมากแค่ไหน ทว่าณฟ้ากลับเลือกสวมหน้ากากยิ้มแย้มแจ่มใส กดความโกรธแค้นภายในใจเอาไว้ จนในที่สุดใช้เวลาเพียงไม่นานณฟ้าก็พาธุรกิจของตนเองมาจนประสบความสำเร็จ สามารถเหยียบย่ำคนที่เคยดูถูกเขาให้จมดิน
ภายใต้หน้ากากเทพบุตรนั่น พสิกามั่นใจว่ามันซุกซ่อนอะไรไว้มากมาย
…อย่างน้อยก็ในเวลานี้ เขาทำให้เธอเคลิบเคลิ้มหวั่นไหวครั้งแล้วครั้งเล่า
“ไม่เจ็บนะ” ชายหนุ่มเดินกลับมาอีกครั้งพร้อมแผ่นประคบเย็น ณฟ้าบรรจงวางมันยังข้อมือเรียวเล็ก นัยน์ตาคมเข้มสะท้อนถึงความอ่อนโยนแม้เพียงแค่เสี้ยวนาทีเดียวก็ตาม
พสิกานิ่งสนิทคล้ายต้องมนตร์สะกด หญิงสาวเผลอเงยหน้าขึ้นไปประสานสายตากับดวงตาสีชาคู่นั้น ก่อนจะผละห่างขยับหนี แต่เหมือนไม่ทันเสียแล้ว
ร่างสูงซึ่งมีประสบการณ์มากกว่าตัดสินใจคว้าคนตัวเล็กเข้ามาในอ้อมกอด ก่อนประทับจุมพิตแสนเร่าร้อนราวกับรอคอยเวลานี้มาเนิ่นนาน
“อื้อ…” พสิกาครางต่ำในลำคอจังหวะที่ปลายลิ้นชุ่มชื้นแทรกเข้ามาในโพรงปากเธอเพราะต้องการดื่มด่ำความหอมหวาน ลิ้นสากเกี่ยวพันตวัดหยอกเย้ากันไปจนหญิงสาวตั้งรับไม่ทัน เธอพยายามสุดชีวิตเพื่อควานหาลมหายใจ
รสจูบของเขาทั้งอ่อนโยนและดุดันในเวลาเดียวกัน ชายหนุ่มทำราวกับไม่ต้องการให้เธอพักเผื่อผ่อนคลายความประหม่า ลิ้นร้อนดึงดันควานหาความหอมหวานจากริมฝีปากสีชมพูราวกับหิวโหย ชายหนุ่มจับปลายคางเล็กให้เชิดขึ้นเพื่อเปิดรับสัมผัสของเขาได้อย่างถนัดถนี่
ความเสียวซ่านเคลื่อนเข้าสู่ร่างกายฉับพลัน เมื่อณฟ้ายกร่างบางขึ้นนั่งคร่อมตักแกร่งราวกับคนใจร้อน
“ไม่ต้องกลัวนะเด็กดี” เคลื่อนริมฝีปากลากผ่านลำคอระหงไปกระซิบพร้อมขบเม้มใบหูเล็ก ซึ่งบัดนี้เริ่มเปียกชื้นจากการพรมจูบ
“แต่ผึ้งยังไม่…”
“เชื่อฉัน เธอพร้อมตั้งนานแล้ว” ประโยคบอกเล่าซึ่งคล้ายกับคำสั่งเปล่งขึ้นมา ในจังหวะเดียวกันกับที่เขาเลื่อนมือลงต่ำเพื่อไปสัมผัสกับกางเกงชั้นสีหวาน
“อะ…อ๊ะ”
“แฉะขนาดนี้” สิ้นคำพูดณฟ้ายกยิ้มร้ายให้พสิกาหนึ่งที ก่อนประกบจุมพิตลงมาอย่างรวดเร็ว ชายหนุ่มเบียดกายแนบสนิทกับร่างบางไปทุกสัดส่วน ไม่มีสักตารางนิ้วบนเรือนกายเธอที่เขาไม่ได้สัมผัส ความรู้สึกเร่าร้อนจนแทบปริแตกเหล่านี้เกิดขึ้นฉับพลัน มันชักนำให้พสิกาเอื้อมมือไปกำเสื้อเชิ้ตของณฟ้าราวกับต้องการระบายอารมณ์ทุกอย่างให้เขาได้รับรู้
สัมผัสรุกเร้ามาพร้อมกับความรุนแรงของพายุสวาท ชายหนุ่มครางต่ำในคอ ยกร่างบางขึ้นแนบอกแล้วเดินตรงไปยังห้องนอนเบื้องหน้า ปลายเท้าเขาเกี่ยวเปิดประตูอย่างเชื่องช้า โดยที่ริมฝีปากของทั้งคู่ไม่ผละห่างจากกันแม้แต่วินาทีเดียว เขาวางร่างบางลงบนเตียงนุ่ม จากนั้นจึงจัดการไล่ปลดกระดุมเสื้อเชิ้ตตนเองทีละเม็ด พสิกากลืนน้ำลายลงคอ ก้มหน้ามองต่ำไม่กล้าสบตาดวงตาทรงเสน่ห์คู่นั้น ณฟ้าใช้เวลาเพียงแค่ชั่วลมหายใจก็ทรุดกายลงมากักขังเธอไว้ด้วยอ้อมกอดแกร่ง
“เคยบอกแล้วใช่มั้ยว่าอย่าหลบตา” กล่าวด้วยน้ำเสียงทุ้มละมุนไม่มีแววดุด่าแม้แต่น้อย มือสากเริ่มลูบไล้ยังวงหน้าแสนงดงามราวกับหลงใหล “มองฉัน บอกฉันสิว่าเธอเป็นของใคร”
“ผะ…ผึ้งเป็นของคุณฟ้า” พสิกาตอบกลับด้วยน้ำเสียงสั่นไหว พยายามควบคุมสติให้ตนเองทำตามคำสั่ง
“ดีมาก” เอ่ยชมอย่างไม่จริงจังพลางแนบใบหน้าเข้ามาซุกไซ้ยังซอกคอขาวผ่องราวกับจะดื่มด่ำความหอม
หญิงสาวกระตุกกายด้วยความเสียวซ่าน ขบเม้มริมฝีปากจนปากเล็กเจ็บแปลบ เมื่อณฟ้าเริ่มลากลิ้นร้อนพร้อมฝากฝังรอยรักไว้ตรงลำคอระหง
“อื้อ…” เผลอครางต่ำเมื่อชายหนุ่มเลื่อนริมฝีปากลงมายังแอ่งชีพจร ซ้ำมือหนายังเอื้อมไปด้านหลังเพื่อรูดซิปของชุดเดรสตัวสวย
“เธอสวยมาก”
ณฟ้าพึมพำคล้ายคนละเมอยามร่างบอบบางเกือบเปลือยปรากฏแก่สายตา พสิกามีรูปร่างที่สมบูรณ์แบบ หน้าอกเต่งตึงล้นทะลักเสื้อชั้นในลูกไม้สีหวาน เอวคอดกิ่วรับกับสะโพกผาย ผิวพรรณขาวนวลเนียนผุดผ่อง ดูบริสุทธิ์ราวกับน้ำค้างบนยอดหญ้า
“ชะ…ช้าๆ สิคะ”
“ช้าไม่ได้แล้วผึ้ง เธอทำให้ฉันเครื่องร้อน” สิ้นสุดประโยคด้วยน้ำเสียงแหบพร่า ณฟ้าก้มลงไปพรมจูบยังเนินอกขาวอวบซึ่งโผล่พ้นชั้นในออกมา ชายหนุ่มไล้เลียผิวขาวใสผ่านเนื้อผ้า ก่อนวนไปขบเม้มแผ่วเบายังเม็ดทับทิมใจกลางทรวงอก
“ผะ…ผึ้งเสียว”
“อย่าเพิ่งเสียว นี่แค่เริ่มต้น” ชายหนุ่มหัวเราะในลำคอทันทีที่ได้ยินคำพูดแสนน่ารักน่าใคร่ของเธอ พสิกาทำให้ณฟ้าไม่เป็นตัวของตัวเองทุกครั้งเมื่อเผลออยู่ใกล้ความเย้ายวนนี้ คนมีชั้นเชิงเหนือกว่าคาบชุดชั้นในด้วยริมฝีปากแล้วลากจนมันร่วงหล่นลงบนผ้าปูที่นอน พสิกาขบเม้มริมฝีปาก กัดกรามเล็กระบายความรู้สึกซ่านเสียวยามชายหนุ่มไล้เลียหยอกล้อกับเม็ดทับทิมสีแดงเข้ม
ลิ้นสากตวัดหยอกล้อไปมาราวกับต้องการตีตราจองทุกตารางนิ้วบนเนินอกอวบอิ่มนี้ ณฟ้าใช้ฟันคมขบเม้มแผ่วเบาฝากร่องรอยความเป็นเจ้าของเอาไว้
“อะ…อ๊ะ”
“ช้าก่อนเด็กดี”
พสิกากลั้นเสียงครางไม่ได้แม้แต่วินาทีเดียว ยามชายหนุ่มเคลื่อนตัวลงต่ำเรื่อยๆ คนตัวเล็กอยากซุกหน้าหนีไปให้พ้น เมื่อลิ้นร้อนนั่นเริ่มเข้าครอบครองจนเธอไม่เป็นตัวเองอีกครั้ง สัมผัสเปียกชื้นไล่เลียบริเวณหว่างขาแล้วเคลื่อนเข้าสู่ใจกลางดอกไม้งามแสนชุ่มฉ่ำ
“อะ…อื้อ” เส้นทางคับแคบตอดรัดนิ้วร้ายยามชายหนุ่มใช้มันบุกทะลวงเข้าไปในกลีบดอกสีชมพู
“เธอรัดนิ้วฉันแน่นเหลือเกิน”
ณฟ้าแทบลืมหายใจในจังหวะที่ขยับนิ้วเข้าออกในบุปผางาม จนน้ำหวานไหลเยิ้มเปรอะเปื้อนจนเขารู้สึกหิวกระหาย ความรุนแรงของอารมณ์วาบหวามดำเนินต่อไปในวินาทีที่ชายหนุ่มเร่งความเร็ว จนคนตัวเล็กเผลออ้าขากว้างพร้อมครางเสียงหวาน
“อะ…อ๊ะ…คะ…คุณฟ้า”
“เธออยากได้อะไรล่ะเด็กดี” แกล้งถามขึ้นมาด้วยน้ำเสียงลากยาวคล้ายกับต้องการจะแกล้งกัน ทว่านิ้วเรียวเริ่มโหมกระหน่ำมากขึ้นเรื่อยๆ
“คะ…คุณฟ้า…ผะ…ผึ้งต้องการคุณ” พสิกาอ้าขากว้างพร้อมบอกความต้องการแก่เขาอย่างลืมอาย สัมผัสปวดร้าวทว่ากลับแฝงความต้องการแสนเร่าร้อนไว้ ความรู้สึกเหล่านี้มันคืออะไรกันนะ…
เพราะเขาใช่ไหม ณฟ้าคนเดียวที่จะช่วยให้เธอก้าวพ้นความทรมานเหล่านี้ เหมือนครั้งแรก…
เหมือนกันไม่มีผิดเพี้ยน…
หลังจากได้รับคำตอบที่พึงพอใจ ชายหนุ่มก็เคลื่อนกายเข้าหาด้วยความฉับไว สอดแทรกกายแกร่งเข้ามาเพียงครั้งเดียวจนหญิงสาวรู้สึกได้ถึงความปวดร้าว
“ผะ…ผึ้งเจ็บ” บอกเสียงขาดห้วง
ณฟ้าเลื่อนใบหน้าหล่อเหลาไปพรมจูบบริเวณหางตาและไล่ลงมายังริมฝีปากจิ้มลิ้ม
“เดี๋ยวมันจะดีขึ้น” เขาบอกในขณะที่เคลื่อนกายเข้าออกอย่างเชื่องช้า ก่อนเริ่มแปรเปลี่ยนเป็นรวดเร็ว แรงบีบรัดจากกลีบดอกไม้งามทำเอาชายหนุ่มทรมานไม่ต่างกัน
“อื้อ…” ร่างสูงขบกรามแน่นพร้อมครางต่ำในลำคอ ยิ่งพสิการัดแน่นเท่าไร ณฟ้ายิ่งอยากโจนจ้วงเข้าหาเธอมากเท่านั้น
“อะ…อ๊ะ”
เสียงครางต่ำแสนหวานดังในลำคอยามที่เขาปรนเปรอด้วยสัมผัสสวาทชายหนุ่มเคลื่อนกายเข้าออกรัวเร็ว จนคนตัวเล็กต้องเอื้อมมือไปขีดข่วนแผ่นหลังตึงแน่นระบายความเสียวซ่าน ซึ่งกำลังดำเนินต่อไปอย่างไม่รู้จุดจบ
“ผะ…ผึ้งไม่ไหวแล้ว” เธอเผลอบอกเขายามชายหนุ่มเคลื่อนใบหน้าเข้าไปประชิด ประสานสายตาเพื่อบ่งบอกถึงความต้องการที่ไม่มีทางหยุดยั้งได้อีก
“เสียว…”
“อะ…อื้อ…ฉันก็เหมือนกัน” ณฟ้าว่า ก่อนเคลื่อนสะโพกเข้าหาด้วยความรวดเร็ว เร่งจังหวะรักราวกับต้องการปลดปล่อยทุกความรู้สึกซึ่งถาโถมอัดแน่นอยู่ภายในใจ คนตัวเล็กก็ไม่แพ้กัน เธอขบเม้มบ่ากว้างพร้อมฝากฝังรอยสีแดงเอาไว้
เพราะเวลานี้พสิการู้สึกทรมานเหลือเกิน…
เจ้านายหนุ่มกระแทกกายเข้าหาเลขาสาวอย่างไม่หยุดยั้ง เสียงเนื้อกระทบกันดังกึกก้องห้องกว้างประสานกับเสียงคำราม ณฟ้าเร่งจังหวะรักใส่พสิกาครั้งแล้วครั้งเล่า ชายหนุ่มกระแทกกายอันใหญ่โตเข้าสู่ใจกลางกุหลาบดอกงาม
พสิกาไม่รู้ว่าสงครามรักครั้งนี้จะจบลงเมื่อไหร่ คนตัวเล็กได้แต่ส่งเสียงหวานครางต่ำในลำคอ ร่างบางรู้สึกไร้เรี่ยวแรงไปหมด ยามอยู่ใกล้เขาเธอมักอ่อนระทวยไม่ต่างอะไรกับขี้ผึ้งถูกลนไฟ
ณฟ้าย้ำความเป็นเจ้าข้าวเจ้าของเธอไม่รู้จักจบสิ้น ชายหนุ่มโหมกระหน่ำอารมณ์สวาทเข้าสู่กายสาวอีกครั้ง และอีกครั้ง…
พสิกาเผลอหลับใหลด้วยความเหนื่อยอ่อน แตกต่างจากณฟ้าที่ไม่สามารถปิดเปลือกตาเพื่อเข้าสู่ห้วงนิทราได้เลย ใจหวนคิดถึงเรื่องราวเมื่อครึ่งปีก่อน ชายหนุ่มยังจำได้ดี คืนที่เธอเป็นของเขาทั้งตัวและหัวใจ
‘อะ…อ่า…ฉะ…ฉันรักแกพิมพ์’
‘ฮะ…ฮึก…ตะ…แต่…ผึ้งรักคุณฟ้า’ เสียงครางอย่างแผ่วเบาระคนไปด้วยความเจ็บปวดของคนตัวเล็กในอ้อมกอดลอยเข้าสู่โสตประสาท คำพูดของเธอเหมือนดั่งอาวุธแหลมคมเฉือนหัวใจเขาให้พังยับเยินจนไม่เหลือชิ้นดี
…ผู้หญิงคนนี้ไม่ใช่พิมพ์พลอยอย่างที่เขาเพ้อหา ทว่ากลับกลายเป็นพสิกาต่างหาก เธอตามเขามาตั้งแต่เมื่อไหร่ เพราะฤทธิ์แอลกอฮอล์ใช่ไหมถึงทำให้ผู้ชายคนหนึ่งขาดสติได้ถึงเพียงนี้
กล้ำกลืนฝืนทนทั้งที่รู้ว่าไม่ใช่คนที่ฝันถึง หากบทรักแสนวาบหวามก็ไม่อาจหยุดลงได้อย่างใจคิด จะให้จบได้อย่างไรในเมื่อความต้องการพลุ่งพล่านโหมกระหน่ำก่อตัวขึ้นมาเรื่อยๆ
รู้ตัวอีกทีก็เผลอรังแกเลขาสาวไปกว่าสามยก จนเธอสะอึกสะอื้นด้วยความเจ็บปวด นัยน์ตาหวานปนเศร้าคู่นี้ยังฝังอยู่ในใจไม่รู้ลืม
เมื่อคืนระหว่างเขาและพสิกาคล้ายมีแรงดึงดูดอะไรบางอย่างให้เข้าหากัน ทว่ารุ่งเช้าขึ้นมาณฟ้ากลับคิดผิด หญิงสาวแกล้งลืมเลือนมันไปราวกับเป็นเพียงความผิดพลาดที่ไม่น่าจดจำ
…เธอเลือกเมินเฉยราวกับไม่มีอะไรเกิดขึ้น ยามอรุณรุ่งขึ้นวันใหม่พสิกาก็หายตัวไปเสียแล้ว
แต่ผู้ชายอย่างณฟ้าต่อให้เมาแค่ไหน ก็ไม่ได้โง่ถึงขนาดจำคนที่ตนเองสานสัมพันธ์ด้วยไม่ได้ ไหนจะคำบอกรักพร้อมท่าทีเจ็บปวดนั่นอีก ทุกการกระทำของเธอทำให้เขาดึงดันค้นหาคำตอบ
ผู้หญิงนี้แตกต่างจากหญิงสาวหลายคน ที่มักเรียกร้องผูกมัดหลังร่วมหลับนอนกันเสร็จ พสิกาไม่มีสิ่งนั้น เธอยังปั้นหน้านิ่งเฉยทำตัวเป็นเลขาที่แสนดีจน ณฟ้าสงสัย
ในหัวมันมีแต่คำถาม…
ทำไมเธอถึงเฉยชา!
ทำไมถึงไม่เรียกร้องสิทธิ์ที่ตนเองพึงมี!
ซ้ำยังกล้าดีโผล่ไปที่งานประมูลนั่นอีก!
สุดท้ายแล้วณฟ้าได้แต่คิดวนเวียนอยู่กับความสงสัยมากมาย ว่าแท้จริงแล้วพสิกาเป็นคนเช่นไรกันแน่