สติของฉันก็ขาดทันที ฉันขว้างบราสีดำสุดเซ็กซี่นั้นใส่หน้าเขาเต็มแรง จนตฤนที่กำลังทำหน้าเหวอหลบไม่ทันโดนหน้าไปเต็มๆ ตามด้วยฝ่ามือเล็กๆของฉันที่สะบัดไปเต็มแรง ฉันเกลียดเขา และเกลียดตัวเอง เกือบจะเสียอะไรๆให้เขาไป แค่เพราะอารมณ์อ่อนไหว ใบหน้าหล่อสะบัดไปตามฝ่ามือ เนื่องจากหน้าของตฤนขาวมาก รอยแดงปื้นบนหน้าเลยปรากฏชัดขึ้นทันที
เขาพูดอะไรไม่ออกแต่รู้ได้เลยว่าคงเจ็บมาก เพราะมือฉันรู้สึกเหมือนแทบจะหัก
‘ถ้านายเข้ามาใกล้ฉันอีกนิด ฉันตบนายอีกแน่ ออกไปจากตัวฉัน’ ฉันพูดด้วยเสียงแค่น พยายามสูดน้ำตาที่มันไหลลงมาไม่ขาดสาย นี้คงเป็นฟางเส้นสุดท้ายที่ทำให้ฉันตัดใจจากคนเฮงซวยนี้ได้สักที ฉันผลักเขาออกเต็มแรง ก่อนที่จะคว้าเสื้อผ้ามาใส่อย่างรีบร้อน
เมื่อแต่งตัวเรียบร้อยฉันออกไปคว้ากระเป๋าพร้อมจะเดินออกไปจากห้อง แต่อีกฝ่ายเดินมาขวางไว้ ‘ถ้านายแตะต้องฉันแม้แต่ปลายเล็บ ฉันไม่มีทางอภัยให้นายแน่’ ฉันพูดด้วยน้ำเสียงที่พยายามไม่ให้หลุดเสียงสะอื้นออกมานี้
‘ตอนแรกฉันก็คิดนะ ฉันทำอะไรผิด นายถึงทิ้งฉันไป บอกเลิกฉัน ฉันพยายามหาคำตอบจนสมองแทบแตก ว่าฉันทำอะไรผิด ถ้าฉันทำผิดฉันยินดีที่จะปรับปรุงตัว แต่ตอนนี้ ฉันรู้แล้ว ฉันไม่ได้ทำอะไรผิด ฉันแค่รักคนไม่รู้จักพอ ฉันสนองความต้องการของนายไม่ได้ หลังจากนี้ ขอให้เราต่างคนต่างอยู่ ไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกันอีก ขอให้เราสองคนกลับไปเป็นคนแปลกหน้าเหมือนเดิม’ ฉันพูดความในใจยาวเหยียดก่อนจะสูดลมหายใจเรียกสติ พยายามปาดน้ำตา ฉันเดินมาที่ประตู รอให้เขามาเปิดให้ ซึ่งอีกฝ่ายก็เปิดให้อย่างไม่อิดออด เพราะรู้ดีว่าฉันเอาจริง ทันทีที่ก้าวพ้นจากหน้าประตู ไหล่ของฉันก็สั่นเทิ้ม ปล่อยโฮอย่างไม่อาย ฉันไม่ได้สนใจว่าใครอยู่ในลิฟต์บ้าง แค่รู้ว่าตอนนี้ หัวใจฉันมันแตกสลายไม่มีชิ้นดี
.
.
.
PART
ผมค่อยๆ ปล่อยให้รักเอยเดินออกไป ผมรู้ดีกว่านี้อาจจะเป็นการปล่อยเธอไปตลอดกาล ทั้งๆที่อยากจะรั้งเธอเอาไว้ในอ้อมแขน แล้วบอกขอโทษเธอ เป็นร้อยเป็นพันครั้ง อยากจะขอโทษ ขอโอกาส แต่ถ้าทำแบบนั้น ผมก็ไม่แน่ใจว่าจะรักษาโอกาสที่เธอให้ไปอีกได้นานแค่ไหน ไม่ใช่ว่าผมจะรู้สึกดีที่เห็นเธอเป็นแบบนี้ ใครจะรู้ว่าน้ำฝนแสบมาก แอบถอดเสื้อในไว้ใต้หมอน แถมยังลงสตอรี่เมื่อคืนว่าอยู่ห้องผม เป็นใครก็ประติดประต่อเรื่องได้ว่าเมื่อคืนเกิดอะไรขึ้น ผมยอมรับว่าผมเหี้ยจริง เพราะเหตุนี้ผมเลยตัดสินใจถอยออกมา ก่อนที่ผมจะเป็นคนทำร้ายเธอ ผมไม่อยากให้เธอเกลียด แต่ตอนนี้คงไม่ทันแล้ว เธอคงแทบไม่อยากมองหน้าผม หรืออาจจะแย่กว่านั้น ผมทรุดลงที่เตียง ปล่อยให้ความเสียใจมันทำงานของมันไป มันก็สาสมแล้ว
จบ PART ตฤน
ซ่าส์สสสสส!!! ฝนก็ช่างรู้เวลาตก ตกลงมาตอนที่ฉันกำลังเดินร้องไห้ออกมาจากคอนโด มันก็ดีนะ ฉันรู้แล้วทำไมคนที่เขาเสียใจ เขาชอบเดินตากฝน เพราะคนอื่นจะได้ไม่รู้งัย ว่าเราร้องไห้ ฉันสามารถปล่อยน้ำตามาได้เต็มที่โดยที่ไม่มีใครเห็น
‘ บริ๊น บริ๊น !!รักเอย มาเดินอะไรอยู่แถวนี้ ให้พี่ไปส่งที่หอมั๊ย’ รถยนต์คันสีดำมาจอดเทียบฟุตบาทตรงที่ฉันยืนอยู่ คนขับลดกระจกลงทำให้ฉันรู้ว่าใครเป็นคนที่เรียกฉัน ‘พี่เสือ’
‘ขึ้นมาเร็ว เปียกหมดแล้ว เดี๋ยวไม่สบายนะ‘อีกฝ่ายตะโกนบอกฝ่าสายฝนที่ตกดังมาก รถคันหลังก็บีบแตรไล่ฉันเลยตัดสินใจ ขึ้นไปบนรถพี่เสือ ทันทีฉันขึ้นพี่เขาก็ขับออกไป พร้อมหยิบแจ็คเก็ตที่อยู่หลังรถให้ฉันคลุมตัวไว้
‘ขอบคุณพี่เสือมากนะคะ ที่มาส่งเอย’ร่างบางที่ตัวสั่นเทิ้มพูดด้วยเสียงที่เบาจนแทบเป็นกระซิบ
‘มีไข้รึเปล่า หน้าตาซีดๆ ให้พี่พาไปหาหมอมั๊ย’เจ้าของร้านหนุ่มทักด้วยความเป็นห่วง เพราะใบหน้าของรักเอย ซีดแทบไม่มีสีเลือด แถมใต้ตาเธอ แดงบวมช้ำ รวมกับผ่านการร้องไห้มาอย่างหนัก
‘เอยโอเคค่ะ แค่นี้เอยก็เกรงใจมากแล้ว ขอบคุณพี่เสือมากนะคะ’ รักเอยหอบเอาร่างสะโหล่สะเหล่ขึ้นไปบนห้อง เธอหนาวจนแทบสั่นแถมรู้สึกตัวร้อนยังกะไฟ ถ้าเธอไม่เข็ดหลาบคราวนี้ คงไม่รู้ว่าจะเข็ดตอนไหน ปวดทั้งกายทั้งใจ
.
.
.
‘ยัยเอย แกเป็นอะไรรึเปล่า ทำไมวันนี้ไม่มาเรียน ฉันต้องมาคนเดียว ไม่มีเพื่อนคุยเลยเนี่ย’น้ำหอมถามอย่างเป็นห่วง เพราะปกติรักเอยจะไม่ขาดเรียนเลยถ้าไม่จำเป็น
‘ฉันไม่สบาย ปวดหัวมากเลย น่าจะเป็นไข้หวัด ยังงัยแกลาอาจารย์ให้ด้วยนะ’ปลายสายตอบกลับมาแหบแห้งเหมือนคนไม่มีแรง
‘อ้าว ไม่สบายกินยารึยัง ให้ฉันพาไปหาหมอมั๊ย โอเคๆๆ งั้นแกพักผ่อนเยอะๆนะ หายไวๆ’
รักเอยไม่สบาย ตฤนได้ยินถึงกับเม้มปาก เพราะเขาแท้ๆเลย วันนั้นเธอเลยหุนหันพลันแล่นเดินตากฝนออกไป เค้ามันแย่จริงๆ
หลังจากวันนั้น ฉันก็ทำเมินตฤนได้สำเร็จ ไม่ใช่ว่าการตัดใจมันจะง่ายขนาดนั้นนะ แต่ฉันมีเหตุการณ์วันนั้นเป็นเครื่องเตือนจิตใจ ยังงัยฉันก็ไม่พาตัวเองกลับไปยื่นอยู่จุดนั้นอีกแล้ว จุดฉันเกือบจะเสียสิ่งสำคัญในชีวิต
ชีวิตในมหาลัยของฉันมันก็ผ่านไปเรื่อยๆ แต่ฉันก็ยังได้ยินข่าวของตฤนอยู่บ้าง แน่นอนก็เขามันหนุ่มฮ็อต จนแล้วจนรอดฉันก็ยังไม่เห็นเขาคบกับใครจริงจัง มีแต่ควงโฉบไปโฉบมา ส่วนฉันน่ะหรอ จากยัยแว่นแสนเฉย ก็ปรับลุคตัวเองให้ดูดีขึ้น สวยขึ้น จนมีหนุ่มๆเข้ามาจีบฉันบ้างแต่คนที่ยัยข้าวหอมเชียร์มากสุด คงหนีไม่พ้น เจ้าของร้านคาเฟ่ที่ฉันทำงานคือ พี่เสือ
.
.
.
‘รักเอย กับน้ำหอม สรุปวันนี้ไปกินเลี้ยงฉลองจบวิชาสัมมนากันมั๊ย พวกเราจะจองโต๊ะแล้ว’ วุ้นเส้น เลขาของเอกถามพวกเราเพื่อนจะลิสต์รายชื่อไปจองโต๊ะกินเลี้ยงที่ผับ XO เนื่องจากตอนนี้เราขึ้นปี 4 กันแล้ว เหลืออีก 1 เทอมที่จะแยกย้ายกันไปฝึกงาน งานกินเลี้ยงเอกก็เลยเกิดขึ้นเพื่อกระชับความสัมพันธ์กันก่อนที่จะแยกย้าย
‘เอยว่างัย ถ้าแกไป ฉันก็ไป’ น้ำหอมโยนมาให้ฉันตัดสินใจ ลืมบอกไปว่า เมื่อปีที่แล้ว น้ำหอมได้ตกลงคบเป็นแฟนกับเดย์ เพื่อนของตฤน ฉันรู้ว่าน้ำหอมอยากไป เพราะยังงัยจะได้ไปเฝ้าเดย์ด้วย แต่นางคงเกรงใจฉัน เพราะรู้ว่าฉันพยายามที่จะเลี่ยงๆไม่อยากเจอ ตฤน
‘ไปก็ได้แก แต่เดี๋ยวโทรบอกพี่เสือก่อนนะ วันนี้พี่เสือจะได้ไม่ต้องรอ’
‘แหม่ๆๆๆๆ เพื่อนนนนนน นี้ขนาดยังไม่คบนะเนี่ย’น้ำหอมเอ่ยแซวจนสีหน้าฉันฝาดขึ้น
‘คบอะไรล่ะแก ฉันโทรบอกพี่เขาว่าขอลางาน 1 วัน ฉันจะแต่งตัวไปเที่ยว แกคิดมากไปได้’ ฉันไม่อยากให้เพื่อนแซวมากไปเพราะฉันยังไม่ได้คิดตกลงปลงใจกับใคร อีกอย่างฉันแกเกรงใจพี่เสือ กลัวคนรอบข้างคิดว่าเราคบกันแล้ว อาจจะตัดโอกาสดีๆของพี่เขา เพราะคนดีๆแบบพี่เสือ บางทีอาจจะได้เจอคนที่ดีกว่าฉันก็ได้