ตอนที่ 5 ความหมายของกัปตัน

1201 Words
ตอนที่ 5 ความหมายของกัปตัน เย็นวันถัดมา ศิลามาพบกัปตันตามที่เขาได้โทรเรียกให้มาหาหลังเลิกเรียน และเขาก็เดาเอาไว้ว่าคงจะเป็นเรื่องของปันปันอย่างแน่นอน เพราะเขากับกัปตันไม่ค่อยนัดเจอกันกะทันหันแบบนี้มาก่อน “สวัสดีครับเฮียกัปตัน” ศิลากล่าวทักทายกัปตันอย่างเป็นกันเองในฐานะรุ่นน้องที่อ่อนกว่าหลายปี “อืม” “เฮียมีอะไรจะคุยกับผมเหรอครับ” ศิลาเปิดประเด็นทันทีที่นั่งลงตรงหน้ากัปตัน “ทะเลาะกับปันมาเหรอ” กัปตันเลือกที่จะถามอ้อมๆ เพื่อดูเชิงอีกฝ่ายว่าจะมีท่าทีเช่นไร “ก็นิดหน่อยครับ” “ไม่หน่อยแล้วมั้ง เมื่อวานเฮียเห็นเมาจนคอพับคออ่อนเลย ปกติปันไม่ดื่มหนักขนาดนั้นหรอกแบบนั้นมันผิดปกติน่ะ อีกอย่างที่เฮียเรียกเรามาคุยเรื่องนี้ก็เป็นเพราะว่าปันปันหมกมุ่นอยู่กับเรื่องเราคนเดียว” “แล้วใครพากลับล่ะครับ” ศิลาถามด้วยน้ำเสียงเป็นกังวลเล็กน้อย เพราะขนาดเมื่อคืนก่อนดื่มกับเขาไม่ได้หนักมากนักยังกล้าทำอะไรบ้าบิ่นไร้สติลงไปได้ขนาดนั้น “เฮียพากลับเอง ปลอดภัยดี” “แล้วไปครับ” ศิลาถอนหายใจด้วยความสบายใจ “แล้วตกลงเราสองคนไม่ได้มีเรื่องอะไรกันเหรอ” กัปตันถามย้ำวนเข้าคำถามเดิมอีกครั้ง “ปันปันได้เล่าอะไรให้เฮียฟังแล้วสินะครับ” “เฮียไม่ได้อยากฟังจากปากของคนเมาหรอก อยากฟังจากปากลูกผู้ชายอย่างเรามากกว่า” “ครับ ผมเผลอจูบปัน แต่ผม...” “คำว่าไม่ได้ตั้งใจมันใช้เป็นเหตุผลในการกระทำผิดของตัวเองไม่ได้หรอกนะ แต่เฮียก็ไม่ได้ว่าอะไรหรอก เพราะเฮียก็ไม่รู้ว่าสถานการณ์จริงๆ มันเป็นยังไง แต่เฮียแค่จะบอกว่าอย่าให้มีอีกเป็นครั้งที่สอง” น้ำเสียงสบายๆ ทว่าแฝงไปด้วยความหนักแน่น เปรียบเสมือนคำเตือนนัยนัยทำให้ศิลายิ่งรู้สึกผิดต่อการกระทำที่ขาดสติยั้งคิดของตัวเอง “ผมรับปากครับ” “แล้วก็เว้นระยะห่างจากปันหน่อยแล้วกัน เพราะจบเทอมนี้เฮียจะพาปันไปเรียนต่อที่สวีเดนบ้านเจียน่าน่ะ” “...” ศิลานิ่งเงียบไปเมื่อได้ยินสิ่งที่กัปตันพูดออกมา เขาไม่เคยรับรู้ถึงเรื่องนี้มาก่อน “ทำไมถึงต้องไปล่ะครับ ปันโกรธผมขนาดนั้นเลยเหรอ” “ไม่ใช่หรอก ถึงปันจะดูเป็นเด็กเอาแต่ใจ แต่เฮียก็รู้นะว่าเราเองก็คงจะรู้ว่าลึกๆ แล้วนอกจากเป็นเด็กหัวแข็งแล้วยังเป็นคนที่ตัดสินใจเด็ดขาดขนาดไหน ทุ่มเทมาทั้งชีวิต แต่เมื่อรู้ตัวว่าถึงเวลาที่ควรหยุด ก็จะหยุดโดยที่ไม่ลังเล เฮียถึงไม่ค่อยห่วงปันเท่าไหร่ไง เฮียแค่อยากจะให้ปันไปเจอโลกใบใหม่ได้ลองมองโลกให้มันกว้างขึ้น จะได้เริ่มต้นชีวิตของตัวเองได้สักที เพราะที่ผ่านมาปันใช้ชีวิตเป็นเงาคอยเดินตามเราตลอด” กัปตันอธิบายด้วยเหตุผลอย่างใจเย็น ทว่าทุกถ้อยคำยิ่งตอกย้ำ และทำให้ศิลารู้สึกว่ามีอะไรมากกว่านั้นที่กัปตันต้องการจะสื่อสารกับเขา เพียงแต่เขายังไม่เข้าใจมันในตอนนี้ “เฮีย...” “สั่งอะไรมาดื่มหน่อยสิ จะเครียดไปทำไมกัน” กัปตันตัดบทสนทนาในทันที เพราะต้องการให้ศิลาไปค้นหาความหมายที่เขาจะสื่อถึงให้ได้ด้วยตนเอง และเวลาที่เขาให้ศิลาหาคำตอบก็คือสามเดือนหลังจากนี้ ก่อนที่เขาจะเป็นคนปิดตายความหมายนี้ด้วยตัวเอง หลังจากกลับจากพบกับกัปตันศิลาก็ยังคงหมกมุ่นอยู่กับการตีความหมายที่กัปตันต้องการจะบอกเขา แต่คิดเท่าไหร่เขาก็คิดไม่ออก ยิ่งคิดถึงเรื่องปันปันที่ยังคงผิดใจกันอยู่ตอนนี้เขายิ่งไม่มีอารมณ์จะทำอะไร เพราะเพียงแค่สองเรื่องนี้สมองเขาก็แทบจะระเบิดออกมาเป็นเสี่ยงๆ แล้ว “เฮียกัปตันจะบอกอะไรกันแน่วะ” ศิลาบ่นพึมพำกับตัวเองเบาๆ พลางทิ้งสะโพกหนาลงบนโซฟาหนังที่คุ้นชิน ไม่นานเมฆเพื่อนของเขาก็เปิดประตูเดินเข้ามานั่งลงตรงที่ว่างข้างๆ “หน้าตาดูเคร่งเครียดเชียวนะมึง มีเรื่องอะไรอีก” “นิดหน่อย” “มึงแน่ใจว่านิดหน่อย งั้นมึงลองดูนี่หน่อยไหม” เมฆยื่นโทรศัพท์ให้กับศิลา ก่อนที่เขาจะรับมันไปดูพร้อมกับขมวดคิ้วเข้าหากันด้วยความหงุดหงิดใจที่เห็นปันปันกำลังนั่งดื่มกับผู้ชายอยู่โซนวีไอพีด้านล่างผับ “เดินผ่านเห็นพอดีเลยถ่ายมาให้ดู” เมฆไหวไหล่พร้อมกับรับโทรศัพท์มือถือของตัวเองคืนมาอย่างใจเย็น เพราะจริงๆ แล้วเรื่องนี้ไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกับเขาเลยต่างหาก “เดี๋ยวกูมา” “ลูกพี่ลูกน้องบ้านนี้เขาหวงกันดีเนอะ” เมฆพูดตามหลังศิลาที่เดินลับออกไป พลางกระดกแก้วเหล้าขึ้นดื่ม และเขาก็ทำใจเอาไว้แล้วว่าคืนนี้คงจะได้ดื่มคนเดียวอีกตามเคยจึงตัดสินใจเรียกพนักงานดริ้งมาดื่มเป็นเพื่อนในคืนนี้ ด้านล่างโซนวีไอพี ศิลาเดินฝ่าฝูงชนเข้ามาหาปันปันที่นั่งอยู่บนโต๊ะที่มีจิมมี่ และผู้ชายอีกสองคนด้วยสายตาไม่ชอบใจ ที่ออกไปทางตำหนิเธอด้วยซ้ำ ทำให้ปันปันต้องเป็นคนเอ่ยขึ้นก่อน เพราะเธอเองก็รู้สึกไม่ชอบใจสายตาแบบนั้นของเขาที่มองมาเหมือนกัน “มองหน้าหนูแบบนั้นทำไมคะ” “แล้วทำตัวแบบนี้ทำไม” “แบบนี้คือแบบไหนคะ” ปันปันเริ่มตอบด้วยน้ำเสียงหงุดหงิดอย่างเปิดเผย “แบบที่กำลังทำอยู่นี่ไง โตแล้วนะไม่ใช่เด็กๆ แล้ว” “ก็เพราะโตแล้วไงคะถึงทำได้” “เรามีเรื่องต้องคุยกัน” “แต่หนูไม่มีค่ะ เราคุยกันจบตั้งแต่วันนั้นแล้ว” “ไปคุยกันให้รู้เรื่อง” “เฮียศิลาหนูเจ็บนะ!” ปันปันบอกพลางบิดข้อมือเรียวให้หลุดออกจากการเกาะกุมไปด้วยแต่ก็ทำไม่สำเร็จ เพราะศิลามีแรงที่มากกว่าเธอหลายเท่า โดยที่ไม่มีใครกล้าเข้ามายุ่งด้วย เพราะหากเป็นนักท่องราตรีขาประจำของผับนี้คงจะรู้จักความสัมพันธ์ของทั้งสองคนเป็นอย่างดี รวมถึงจิมมี่เองก็ห้ามปรามชายหนุ่มที่เธอชวนมานั่งดื่มที่จะตามไปช่วยปันปันเอาไว้ เพราะหากเข้าไปยุ่งเรื่องราวคงจะบานปลายมากกว่านี้ และเธอเองก็มั่นใจว่าศิลาคงจะไม่ทำอะไรรุนแรงกับปันปันเป็นแน่ “ปล่อยไปแบบนั้นจะดีเหรอ” ชายหนุ่มที่มากับจิมมี่ถามขึ้นด้วยความเป็นกังวลเล็กน้อย “แบบนั้นน่ะดีแล้ว” จิมมี่ตอบพลางมองตามร่างบางของเพื่อนรักที่ถูกศิลาฉุดกระชากไป ถึงแม้ลึกๆ จะแอบกังวลว่าในสถานการณ์แบบนี้อาจจะคุยกันไม่ได้ดีมากเท่าไหร่ก็ตาม
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD