ตอนที่ 6
เรื่องล่ารองเท้า
“ปล่อยหนูได้แล้วค่ะ มีอะไรจะพูดก็พูดมาค่ะ” ปันปันออกแรงสะบัดข้อมือออกหลังจากที่เดินตามศิลาเข้ามาภายในลานจอดรถที่ไม่ค่อยมีคนเดินผ่านไปมามากนัก เพราะเป็นที่จอดรถสำหรับลูกค้าวีไอพีซึ่งโซนนี้จะมีแค่เพียงไม่กี่คนที่สามารถเข้าจอดได้
“ทำตัวแบบนี้ทำไม”
“ถามคำถามให้มันชัดเจนกว่านี้หน่อยได้ไหมคะ ทำตัวแบบนี้คือแบบไหน หนูทำอะไรผิดเหรอ”
“ไม่พอใจพี่ก็ควรมาคุยกับพี่สิ จะประชดด้วยวิธีแบบนี้ทำไม”
“ที่พูดแบบนี้เพราะคิดว่าโลกหมุนรอบตัวเฮียศิลาเหรอคะ หนูจะประชดไปทำไมกัน” ปันปันตอบไปตามความจริง ที่เธอนั่งดื่มกับสองคนนั้นก็เพราะเธอต้องการที่จะใช้ชีวิตตัวเองเรียนรู้การเข้าสังคมการมีเพื่อนฝูงบ้างเธอผิดตรงไหน เพราะที่ผ่านมาเธอวิ่งตามแต่เขา ทำให้เธอแทบจะไม่ได้สนใจใครที่เข้ามาในชีวิตเลย
“ก็แล้วไปนั่งดื่มกับผู้ชายคนอื่นนี่หมายความว่าไง”
“หมายความว่าไง? ก็หมายความว่านี่ชีวิตหนูไงคะหนูมีสิทธิ์จะทำอะไรก็ได้ จะดื่มกับใครแล้วมันผิดตรงไหน”
“...”
“เฮียต่างหากที่ไม่มีสิทธิ์ในชีวิตหนู เพราะหนูเดินตามเฮียมากเกินไปรึเปล่า เฮียถึงไม่เห็นหนูในสายตาตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา”
“เฮียห้ามเพราะเฮียเป็นห่วงอย่าโยงไปเรื่องอื่นได้ไหม”
“งั้นเฮียก็ไม่ต้องเป็นห่วงหรอกค่ะชีวิตหนู หนูมีสิทธิ์ที่จะเป็นคนกำหนดว่าหนูจะให้ใครอยู่ หรือออกไปจากชีวิตของหนู” ปันปันจ้องมองดวงตาคมด้วยสายตาว่างเปล่า “มีอะไรจะพูดอีกไหมคะ” ปันปันสูดลมหายใจเรียกสติตัวเองกลับมาอีกครั้ง เมื่อไม่ได้ยินคำตอบใดๆ จากอีกฝ่าย เธอจึงตัดสินใจเดินจากมาโดยไม่หันหลังกลับไปมองอีกเลย
ศิลาที่กำลังจะก้าวเท้าเดินตามไปหยุดชะงักลงทันทีเมื่อคำพูดของกัปตันเมื่อเย็นดังขึ้นก้องในหัวของเขา
‘ช่วงนี้ก็เว้นระยะห่างกับปันหน่อยนะ’
ศิลากำหมัดแน่นด้วยความหงุดหงิดตัวเองที่ตอนนี้เขาเหมือนคนสับสนตัดสินใจอะไรไม่ได้สักอย่าง แต่สุดท้ายแล้วเขาก็ตัดสินใจเดินไปตามเธอกลับมาอยู่ดี
พรึ่บ!
“นี่เฮียจะทำอะไรน่ะ ปล่อยหนูนะ” ปันปันร้องโวยวายออกมาด้วยความตกใจ เมื่อจู่ ๆ ศิลาก็ตรงมาอุ้มเธอพาดบ่าไปยังรถของเขา มือหนาเปิดประตูรถวางเธอลงบนที่นั่งข้างคนขับ ก่อนที่เขาจะเดินอ้อมไปนั่งประจำตำแหน่งคนขับ แล้วขับรถออกไปในทันที
“เฮียจะพาหนูไปไหน” ปันปันเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงไม่พอใจที่เขาทำอะไรตามอำเภอใจตัวเองแบบนี้ หากเป็นเมื่อก่อนเธอคงจะดีใจไม่น้อย แต่ตอนนี้เธอกลับไม่ได้รู้สึกอะไรเลย
“คุยกันทั้งที่อารมณ์ร้อนแบบนี้คงคุยกันไม่รู้เรื่อง”
“หนูไม่ได้ใช้อารมณ์เลยค่ะ หนูกำลังคุยด้วยเหตุผลเฮียศิลารึเปล่าคะ ที่กำลังทำตัวไร้เหตุผลอยู่”
“รู้ว่าดื่มได้ไม่เยอะแล้วไปนั่งดื่มกับพวกผู้ชายได้ยังไง”
“จิมมี่ก็อยู่ด้วยไม่เห็นเหรอคะ อีกอย่างหนูก็ไม่ได้ดื่มเยอะอะไร”
“ไม่ดื่มเยอะก็ดีแล้ว”
“แล้วไงต่อคะ เฮียต้องการให้มันเป็นแบบนี้ไม่ใช่เหรอ”
“เฮียอยากให้เราเลิกทำตัวเป็นเด็กตามเฮีย”
“ตอนนี้หนูก็เลิกแล้วไงคะ เลิกเด็ดขาดด้วยเฮียสบายใจเถอะค่ะ ต่อไปนี้เฮียจะไปนอนกับใคร กี่คน มันก็เรื่องของเฮียไม่ใช่เรื่องของหนู”
“เมื่อไหร่จะเลิกประชดเฮีย”
“แบบไหนถึงจะเรียกว่าไม่ประชดคะ ให้หนูทำตัวเหมือนเดิมวิ่งไล่ตามเฮียเหมือนเดิมเหรอ ถ้าสมมติเฮียเดินๆ อยู่แล้วรองเท้าขาดเฮียจะเก็บรองเท้าคู่นั้นไปซ่อมหรือซื้อใหม่ล่ะ”
“...”
“แน่นอนว่าน้อยคนที่เลือกจะกลับไปใส่รองเท้าคู่เก่าที่มันขาดไปแล้ว อีกอย่างหนูเองก็รู้สึกว่าหนูควรจะเปลี่ยนรองเท้าคู่ใหม่ได้แล้ว เพราะหนูฝืนใส่คู่เก่ามานานเกินไป”
“แต่ถ้ารองเท้าคู่นั้นมันสำคัญพี่เลือกที่จะซ่อมมันนะ”
“คำถามต่อมาก็คือ...ซ่อมแล้วมันจะเหมือนเดิมไหมคะ รองเท้าที่ผ่านการซ่อมคนใส่รู้อยู่แก่ใจจะฝืนเดินทั้งๆ ที่ต้องเดินไปพร้อมความกังวลว่ารอยเดิมมันจะซ่อมดีไหม มันจะขาดเมื่อไหร่อย่างนั้นเหรอคะ”
“ชอบพี่ขนาดนั้นเลยเหรอ”
“เหอะ!” ปันปันแค่นหัวเราะในลำคออย่างนึกตลกกับคำถามของศิลา “คำถามไม่สร้างสรรค์แถมทำลายบรรยากาศอีกนะคะ” ปันปันตอบด้วยน้ำเสียงไม่สบอารมณ์ เธอเลือกที่จะมองออกไปนอกหน้าต่างแทนที่จะหันกลับมาสนทนากับเขาต่อ
“พรุ่งนี้มีเรียนกี่โมง”
“...”
“ให้เฮียไปส่งรึเปล่า”
“...”
“เฮียถามทำไมไม่ตอบ”
“เมื่อก่อนหนูคงทำตัวแบบนี้ใช่ไหมคะ เฮียคงรำคาญน่าดูเลย” ปันปันบอก การที่เขามาทำดีกับเธอมันทำให้เธอรู้สึกเจ็บในใจ เหมือนเขากำลังตบหัวแล้วลูบหลัง เธอรู้ว่าเขากำลังพยายามทำให้เธอหายโกรธแต่ครั้งนี้มันไม่เหมือนกับตอนที่เธองอนที่เขาไม่ไปกินข้าวด้วย หรืออ่านข้อความแต่ไม่ยอมตอบ ครั้งนี้มันคงยากเกินไปที่เธอจะหันไปยิ้มให้เขาแล้วบอกว่าดีกันก็ได้
“เฮียไม่เคยรำคาญ”
“เหรอคะ ไม่รำคาญแต่ก็ชอบไล่หนู”
“เฮียไม่เคยไล่”
“แต่เฮียถามว่ามาทำไม มันเป็นคำถามของคนที่ไม่อยากเจอค่ะ”
“เฮียแค่ถามวันหลังจะไม่ถามแบบนั้นแล้วก็ได้ถ้าไม่ชอบ”
“ไม่ต้องถามหรอกค่ะ เพราะหนูคงจะไม่ไปรบกวนแบบนั้นอีกแล้ว แล้วก็เลิกพูดเรื่องนี้เถอะค่ะ ยิ่งฟังยิ่งดูย้อนแย้ง” ปันปันตัดบทสนทนาเพื่อที่จะหักห้ามใจตัวเองไม่ให้หวั่นไหวไปกับคารมของเขาไปมากกว่านี้
“ทำยังไงถึงจะหายโกรธ เฮียไม่อยากให้เราผิดใจกันแบบนี้”
“ส่งหนูแค่ตรงนี้ก็พอค่ะ” ปันปันบอกเมื่อรถขับใกล้จะถึงหน้าคอนโดของเธอ ไม่ได้สนใจกับคำถามของศิลาเลยแม้แต่น้อย
“พรุ่งนี้เฮียมารับ”
“ไม่ต้องค่ะ”
“อย่าดื้อกับเฮียได้ไหม”
“งั้นเฮียก็เลิกยุ่งกับหนูสักทีได้ไหม! คิดว่าการที่หนูทำอยู่ตอนนี้มันง่ายนักเหรอ มันสนุกมากนักเหรอ ไม่ได้มีความรู้สึกอะไรก็พูดได้ไง” มือเรียวที่กำลังจะเปิดประตูรถลงไปหันกลับมาตะโกนใส่การกระทำของศิลาด้วยความอัดอั้น ดวงตาสีนิลแดงก่ำร่างกายสั่นเทาด้วยความโกรธที่เขาพูดออกมาเหมือนอะไรมันดูง่ายไปหมด ปกติไปเสียทุกอย่าง ทั้งๆ ที่เธอพยายามเข้มแข็งและตัดใจ “ที่ดูเหมือนไม่เป็นอะไรไม่ใช่ไม่เจ็บนะ แต่เพราะไม่มีสถานะให้เจ็บไง เลยต้องเก็บทุกอย่างเอาไว้คนเดียว สิบกว่าปีที่หนูวิ่งตามเฮียหนูไม่เคยเหนื่อยเลย แต่ตอนนี้โคตรเหนื่อยเลย เลิกยุ่งกับหนูเถอะ ถ้าสักวันหนูพร้อมที่จะกลับมาเป็นพี่น้องกับเฮียได้เมื่อไหร่ หนูจะกลับมาเองไม่ต้องห่วง” น้ำเสียงหวานค่อยๆ อ่อนลงตามอารมณ์ที่นิ่งลงตามลำดับ ก่อนที่เธอจะเปิดประตูรถจากไปจริงๆ