ตอนที่ 4 คนเร่ร่อน

1073 Words
ช่วงบ่ายวันนั้น เธอเดินเรื่อยเปื่อยอยู่ในย่านตลาดเก่า กลิ่นควันอาหาร กลิ่นดอกไม้แห้ง และเสียงคนค้าขายดังก้องหู เธอหยุดมองข้าวของมากมายที่วางขาย แต่ไม่มีเงินแม้แต่จะซื้อข้าวสวยหนึ่งจานด้วยซ้ำ ท้องของเธอหิวจนบิดเกร็ง ร่างกายที่เพิ่งฟื้นจากการเจ็บตัวทำให้ยิ่งอ่อนล้า เธอพยายามฝืนเดินต่อ แต่สุดท้ายก็ต้องนั่งลงที่ม้านั่งริมฟุตบาท เด็กวัยรุ่นกลุ่มหนึ่งวิ่งผ่านหัวเราะคิกคัก พวกเขามีเพื่อน มีครอบครัว มีที่ไป แต่เธอ…ไม่มีอะไรเลย เมื่อคิดอย่างนั้นดวงตาคู่สวยก็ค่อย ๆ เอ่อคลอด้วยน้ำตาโดยไม่รู้ตัว ท้องฟ้ามืดสนิทลงแล้ว แต่เธอยังนั่งที่เดิมเพราะไม่รู้ว่าควรจะเดินไปที่ไหน “ยี่สิบล้านบาท…แลกกับ...ลูก” เธอพึมพำ น้ำเสียงเต็มไปด้วยความลังเลก่อนที่มือบางจะลูบลงบนหน้าท้องที่ยังแบนราบ มันเป็นเงินมหาศาล เงินที่จะทำให้เธอเริ่มต้นชีวิตใหม่ได้ เงินที่จะทำให้เธอไม่ต้องนั่งกอดเข่าอยู่แบบนี้ แต่เธอจะต้องแลกกับการกลายเป็นเมียอุ้มบุญของชายที่เธอแทบไม่รู้จัก กระทั่งความมืดเข้าครอบคลุมพื้นที่ ก็มีผู้ชายเร่ร่อนเดินเข้ามาใกล้และมองเธอด้วยท่าทางไม่น่าไว้ใจ หญิงสาวจึงได้รีบลุกขึ้นแล้วเดินไปยังวัดแห่งหนึ่งที่อยู่ไม่ไกล ที่นั่นมีการจัดงานศพทำให้ยังมีผู้คนพลุกพล่าน เธอจึงได้ทำเนียนไปหยิบกระเพาะปลาที่พวกเขาวางไว้สำหรับแขกขึ้นมากินด้วยความหิว จากนั้นก็ไปนั่งอยู่ที่หน้าศาลาถัดไป แม้จะรู้สึกกลัวแต่เธอไม่มีที่ไปแล้วจริง ๆ กระทั่งผู้คนทยอยเดินทางกลับ ก็มีแม่ชีคนหนึ่งเดินเข้ามาหา “หนู ประตูวัดจะปิดแล้วนะลูก” “เอ่อ...หนู...หนูขอนอนแถวนี้ก่อนได้มั้ยคะ หนู...หนูไม่รู้จะไปไหน หนูขอแค่คืนเดียวค่ะ แค่คืนเดียวเท่านั้นให้หนูนอนตรงไหนก็ได้” บอกแล้วน้ำตาของเธอก็ไหลออกมา แม่ชีมองเธอนิ่งอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะเอ่ยด้วยน้ำเสียงที่เปี่ยมด้วยเมตตา “งั้นก็ไปที่กุฏิของแม่ชีก่อนนะ พักสักคืนแล้วพรุ่งนี้ค่อยหาทางออกกันอีกที” เหมือนแสงสว่างที่ปลายอุโมงค์ เธอยกมือไหว้ท่านซ้ำ ๆ ก่อนจะเดินตามท่านไปอย่างช้า ๆ อย่างน้อย...คืนนี้เธอก็ไม่ต้องไปนอนข้างถนนแล้ว ก๊อก...ก๊อก...ก๊อก... “เข้ามา” น้ำเสียงเข้มดุเอ่ยออกไป ก่อนจะได้ยินเสียงประตูถูกผลักเข้ามา “ขออนุญาตครับท่าน คนของเราแจ้งมาว่า...เอ่อ...” พันรบ เลขาฯ หนุ่มวัยสามสิบห้ามีท่าทีอึกอัก “มีอะไรก็พูดมา” บุญญานนท์เอ่ยถามโดยไม่ได้หันไปมอง ตอนนี้เขายืนกอดอกแล้วมองไปยังทิวทัศน์ยามค่ำคืนของเมืองเชียงใหม่ผ่านกระจกใสตรงหน้า เหมือนกำลังมองหาใครบางคนที่หายไปหนึ่งวันเต็มโดยไม่คิดจะติดต่อกลับมา “ตอนนี้เธอ...พักที่วัดครับ” “วัด?” คราวนี้เขาหันกลับมาสบตากับคนสนิท “ครับ เธอนั่งอยู่ริมฟุตบาทครึ่งวันจนค่ำ พอมีคนเร่ร่อนเดินเข้าไปใกล้ก็เลยทำให้เธอกลัว เลยหนีเข้าไปในวัดครับ คนของเราบอกว่าเธอหาของในงานศพแถวนั้นกิน ก่อนจะเดินร้องไห้ตามแม่ชีท่านหนึ่งไปที่กุฏิ คิดว่าคืนนี้เธอคงจะค้างที่วัดนั้นครับ” ได้ยินอย่างนั้นเขาก็ถอนหายใจออกมาก่อนจะหันกลับไปมองวิวตามเดิม “ให้คนตามดูแลอยู่ห่าง ๆ อย่าให้มีอันตรายละกัน” “ท่านครับ” “มีอะไรอีก” “คือผม...แค่สงสัยครับ” “เรื่อง?” “ท่านคิดดีแล้วเหรอครับ เธอเป็นใครก็ยังไม่รู้นะครับ” “ก็เพราะแบบนั้นไง ฉันถึงสนใจ” “ท่าน...ชอบเธอเหรอครับ” “นายก็รู้ว่าฉันไม่สนใจเรื่องพวกนี้ ฉันก็แค่...ทำในสิ่งที่ควรทำเท่านั้น” “แต่...ถ้าคุณหนูจะมาเกิด เค้า...ไม่ควรเกิดขึ้นมาจากความรักเหรอครับ” “ความรักงั้นเหรอ? มันก็แค่เรื่องหลอกเด็กทั้งนั้นแหละ” “ท่านครับ” “ดึกแล้ว นายกลับเถอะ” เขาตัดบท “แล้วท่านล่ะครับ” “ฉันจะอยู่เคลียร์งานต่อ” “แต่วันนี้ไม่เหลือเอกสารให้ท่านเคลียร์แล้วนะครับ ผมว่าท่านกลับไปพักหน่อยดีกว่า ยังไงซะ...เธอคงไม่กลับมาหาท่านภายในคืนนี้หรอกครับ” “นายพูดเหมือนว่าฉันกำลังรอเธอ” “ขอโทษครับ ผมแค่...เสนอความคิดเห็นเท่านั้น ถ้าอย่างนั้นผมขอตัวกลับก่อนนะครับ ถ้ามีอะไรคืบหน้าจะรีบรายงานให้ทราบครับ” “อืม ไปเถอะ” พันรบก้าวออกไปจากห้องปล่อยให้เจ้านายของตนยืนมองท้องฟ้าที่มืดสนิทนั้นเพียงลำพัง รออย่างนั้นหรือ? ไม่ล่ะ เขาเกลียดการรอคอยที่สุด! ชายหนุ่มกลับไปนั่งที่โต๊ะทำงานก่อนจะหยิบเอกสารที่เขาเซ็นไปแล้วมานั่งทบทวนอีกครั้งทั้งที่มันไม่จำเป็นเลยสักนิด สามวันต่อมา เสียงระฆังวัดดังกังวานลอยไปตามลมเย็น ๆ ของเมืองเชียงใหม่ กลิ่นใบไม้ชื้นและดินเปียกฟุ้งอยู่ใต้เงาโพธิ์ใหญ่ ขณะเสียงสวดอภิธรรมค่อย ๆ เบาลงเป็นสายตรงจากศาลาการเปรียญ วัดเล็ก ๆ กลางเมืองที่เธอมาขออาศัยหลับนอนใต้ความเมตตาของแม่ชีทั้งยังอาศัยช่วยพวกแม่ครัวคอยเสิร์ฟอาหารให้แขกเหรื่อที่มาร่วมงานศพให้พอมีข้าวกินครบสามมื้อจนกระทั่งงานเสร็จสิ้นลงเมื่อช่วงบ่าย วันนี้เธอจึงต้องไหว้ลาท่านอย่างเกรงใจเพราะไม่อยากรบกวนมากไปกว่านี้ ทั้งที่ความจริงหัวใจเธออยากจะซุกตัวใต้ชายผ้าขาวนั้นตลอดไปแต่ก็ไม่อยากทำตัวเป็นภาระของวัด แม่ชีส่งยิ้มอ่อนโยนให้เหมือนเดิม “ถ้าลำบาก กลับมาได้เสมอนะหนู” มือเหี่ยวย่นวางยาหม่องและขนมปังให้สองชิ้น ใส่ถุงผ้าเก่า ๆ พร้อมคำอวยพรอีกหลายคำ หญิงสาวยกมือไหว้ รู้สึกจุกในอกอย่างบอกไม่ถูก ความอับจนมักทำให้คนรับอะไรก็ได้ด้วยความซาบซึ้ง ทั้งที่ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าคืนนี้ตัวเองจะไปลงเอยที่ไหน
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD