1

1925 Words
ปัจจุบัน 12.32 am. "แม่งเอ๊ย" เสียงของพี่ป๋องหัวหน้าทีมที่กำลังเดินหัวเสียกลับเข้ามาที่โต๊ะทำให้คนในทีมอีกสี่คนรวมฉันต้องหันมองด้วยความสงสัย เราต่างวางช้อนที่กำลังตักข้าวและมองพี่ป๋องทันทีเพราะตอนนี้ดูเหมือนเรากำลังมีงานเข้ากัน "มีอะไรรึเปล่าพี่ป๋อง" พี่พายที่อายุงานใกล้เคียงกับพี่ป๋องถามขึ้นด้วยความสงสัยในตอนที่พี่ป๋องนั่งลงบนเก้าอี้ พี่ป๋องส่ายหน้าไปมาด้วยท่าทีเหนื่อยใจพร้อมกับถอนหายใจออกมาเสียงดัง "เดี๋ยวกลับไปเรามีประชุมด่วนนะ" "ห๊ะ ประชุมเหรอพี่?" พี่พายถามขึ้นด้วยความประหลาดใจ เพราะก่อนเราออกมากินข้าวกันก็มีการประชุมไปแล้วรอบนึงเกี่ยวกับการทำงานเลยไม่คิดว่าจะได้ประชุมอีก "เออ ประชุมด่วนแบบที่ต้องคุยกับตัวแทนบริษัทลูกค้าด้วย" "เรื่องอะไรกันทำไมด่วนขนาดนี้ เขาไม่คิดว่าเรามีงานมีคนไข้ที่ต้องดูแลเหรอ?" พี่มิ้นถามขึ้นด้วยสีหน้าราบเรียบ แต่แสดงออกว่าไม่พอใจสุดๆไม่ต่างจากพี่อินที่พยักหน้าเห็นด้วย "เออพี่ ตอนนี้อิินเองก็มีเคสที่ต้องดูแลแทบจะล้นมือแล้วนะ" "เออๆ ใจเย็นๆก่อนทุกคน ที่เราต้องประชุมด่วนเพราะเคสที่เราต้องดูแลเป็นเคสจากทีมหนึ่งที่ดูแลไม่ไหว" "ไงนะ ปกติทีมหนึ่งได้แต่เคสใหญ่ๆไม่ใช่เหรอพี่ถ้าเขาดูแลไม่ไหวแล้วเราที่เป็นทีมสองจะไหวเหรอ?" พี่พายถามขึ้นด้วยความตกใจ และไม่ใช่แค่พี่พายที่ตกใจเพราะฉันเองที่กำลังนั่งฟังเงียบๆก็ตกใจไม่ต่างกัน ทีมหนึ่งเขาเป็นทีมกายภาพอันดับหนึ่งของบริษัทอยู่แล้ว ในทีมนั้นนอกจากคนจะเยอะกว่าแล้วยังมีแต่คนเก่งๆเต็มไปหมด แต่กลับดูแลเคสไม่ไหวเนี่ยนะ...เคสต้องใหญ่ขนาดไหนกันเชียว "ถ้าเราไม่ไหวเขาจะเปลี่ยนที่ดูแล และแน่นอนว่านักแข่งคนอื่นๆที่เราดูแลอยู่ก็จะปลิวไม่ต่างกัน" "พี่ป๋องว่าไงนะ อย่าบอกนะว่าเป็นเคสนั้น?" ฉันเลิกคิ้วมองพี่มิ้นด้วยความสงสัย เพราะทันทีที่พี่มิ้นพูดแบบนั้นทุกคนในทีมต่างถอนหายใจออกมาพร้อมกันทันที "พิณคงยังไม่รู้เพราะมาไม่ทัน" พี่พายว่าเสียงเบาพร้อมกับมองฉันที่กำลังนั่งมองทุกคนด้วยความสงสัยอยู่ ฉันเองก็ต้องรีบพยักหน้าตอบทันทีพร้อมกับมองพี่พายด้วยความสงสัย "เคสที่พวกพี่พูดถึงคือเคสไหนเหรอคะ?" "พิณพอรู้อยู่นะว่าทีมหนึ่งจะได้ดูแลแต่เคสใหญ่ แต่เคสใหญ่ที่ว่าไม่ใช่การที่คนไข้บาดเจ็บอะไรหนักแล้วนะ มันคือการทำกายภาพบำบัดระยะยาวที่ต้องดูแลต่อเนื่อง และเคสใหญ่ที่ว่าคือเงินหนักและมีบริษัทชั้นนำดูแลด้วย" พี่พายอธิบายเพิ่มพร้อมกับพี่อินที่พยักหน้าสมทบ "อย่างเราดูแลเคสทั่วไป มีนักกีฬาของรัฐซะส่วนมาก แต่ของทีมหนึ่งจะเป็นของเอกชนล้วน คนที่มาทำกายภาพส่วนมากจะเป็นนักกีฬาชั้นนำในการแข่งขันระดับโลกอย่างนักบอล แต่เคสใหญ่ที่ว่าคือเคสนักแข่งรถ" ฉันพยักหน้าตอบพี่อินก่อนจะมองพี่ป๋องอีกครั้ง "พิณรู้จักเขาไหมล่ะ เขาชื่อคุณติณณ์เป็นนักแข่งแถวหน้าของประเทศแต่เมื่อห้าเดือนที่แล้วเกิดอุบัติเหตุระหว่างแข่ง" "หนูได้ดูข่าวอยู่ค่ะ ตอนนั้นข่าวใหญ่มาก" "นั่นแหละ จริงๆเขาก็หายจากอาการมากแล้วแต่ยังต้องทำกายภาพบำบัดควบคู่กับการฝึกซ้อมไปด้วย เพราะฟอร์มเขายังไม่กลับมา นี่แหละคือปัญหา" "ทีมหนึ่งบำบัดเขาให้กลับฟอร์มเดิมได้เหรอคะ?" "ไม่ใช่จ้ะลูก" ฉันหันมองพี่มิ้นที่ว่าขึ้นก่อนเธอจะเหยียดยิ้มออกมาอย่างเซ็งๆ "เขาไม่ยอมรับการบำบัด และได้ยินทีมหนึ่งคุยกันว่าเขาเหวี่ยงฉิบหายเลยแหละ" "จริงๆก่อนเขาจะมาที่เราเขาก็บำบัดที่ต่างประเทศแล้ว แต่เอาเขาไม่อยู่เหมือนกันถ้าเขาเข้ารับการบำบัดมันต้องออกมาดีแน่" "เหมือนเขาจะเข้าบำบัดอยู่ แต่ถ้าเขาคิดว่ามันไม่ดีเขาจะไม่เอาอะไรเลย" "นั่นแหละที่พี่กำลังคิดหนัก" พี่ป๋องว่าขึ้นหลังทุกคนคุยกันจบ เขาถอนหายใจออกมาเบาๆ "บอสกดดันพี่ฉิบหายเลยแหละ เขาบอกว่าครั้งนี้ให้เคสนี้หลุดอีกไม่ได้เพราะจะไม่ได้รับความไว้วางใจจากบริษัทที่บำบัดคนไข้ไม่ได้ แถมเราจะเสียลูกค้าอีกเยอะ" "แล้วเราต้องมาแบกความหวังของบริษัททั้งๆที่ทีมหนึ่งยังเอาไม่อยู่เนี่ยนะพี่" พี่พายส่ายหน้าไปมาด้วยความหนักใจ และแน่นอนว่าตอนนี้ทุกคนในทีมต่างกินข้าวกันต่อไม่ลง เพราะความกดดันที่เพิ่งได้รับเข้ามา บริษัทที่ฉันกำลังทำงานอยู่ตอนนี้เป็นงานที่เกี่ยวกับการทำกายภาพบำบัดให้กับนักกีฬา นักแข่ง และอื่นๆ ซึ่งการดูแลของเราก็มีหลายแผนก อย่างของทีมสองอย่างทีมที่ฉันประจำอยู่ก็คือทีมที่ดูแลนักกีฬาซะส่วนมาก จะเป็นนักกีฬาของประเทศที่ออกแข่งตามการแข่งขันใหญ่ๆต่างๆ อย่างที่เห็นเรามีอีกหลายทีม แต่ทีมที่เด่นที่สุดคือทีมหนึ่งที่ได้ดูแลนักกีฬาระดับโลก ทีมนี้จะได้ดูแลแต่บริษัทเอกชนเลย จะเป็นการที่ทีมออกไปดูแลและทำการบำบัดถึงที่ ในขณะที่ทีมอื่นๆจะประจำอยู่บริษัท แต่ตอนนี้ทีมเรากลับต้องดูแลเคสใหญ่ที่ดูเหมือนจะมีปัญหาที่สุดที่แม้แต่ทีมหนึ่งยังดูแลไม่ได้ซะแล้วล่ะ ฉันเองก็เพิ่งมาทำงานได้ไม่ถึงสามเดือนด้วยซ้ำ ทั้งกลัวว่าจะไม่ผ่านโปรไม่พอยังต้องมาถูกกดดันจากบริษัทเรื่องการดูแลเคสใหญ่อีก...ให้ตาย กว่าจะเข้ามานี่ได้ก็แทบรากเลือดแล้วยังต้องไปใช้ชีวิตอยู่บนเส้นด้ายอีกเหรอเนี่ย 3.12 pm. "ครับ และนี่เป็นสิ่งที่คุณติณณ์ไม่ชอบทั้งหมดในการทำการบำบัด เพราะงั้นผมหวังว่าทีมของคุณจะออกแบบการรักษา เพื่อบำบัดเขาออกมาได้ดีกว่าทีมเมื่อกี้นะครับ" "ครับ...อันที่จริงผมอาจคิดได้ว่าจะทำคอร์สการดูแลที่เหมาะสมกับเขาออกมาได้" "ดีครับ งั้นการรักษาจะเป็นไปตามแพลนที่ผมวางไว้ให้ และตรงเวลาด้วยนะครับเพราะคุณติณณ์ต้องไปทำอย่างอื่นอีกเยอะ" "ครับ ได้เลยครับผม" "โอเค หวังว่าเราจะร่วมงานกันได้เป็นอย่างดีนะครับ" "ผมและทีมจะทำให้ดีที่สุดครับ" ฉันเม้มปากมองพี่ป๋องหัวหน้าทีมที่กำลังจับมือกับผู้จัดการส่วนตัวของคุณติณณ์ด้วยความอ่อนน้อม ขณะที่คนอื่นๆในทีมของเราต่างก็ยังนั่งนิ่ง และลุกไปส่งคุณชินที่หน้าประตูห้องประชุมก่อนเราจะปิดล็อกห้องและถอนหายใจออกมาเสียงดัง "โอ๊ยพี่ ข้อห้ามเหี้ยไรเยอะแยะวะเนี่ย!" พี่มิ้นโวยเสียงดังทันทีขณะที่คนอื่นๆต่างพากันนั่งกุมขมับด้วยความหนักใจ แล้วจะไม่ให้หนักใจได้ยังไงในเมื่อข้อห้ามเยอะมาก ทั้งความเป็นส่วนตัวเวลาทำการบำบัด ข้อห้ามเรื่องเวลา และขั้นตอนการบำบัด แถมเวลาทำกายภาพบำบัดยังไม่อยากใช้คนเยอะอีก เอาแค่สองคนต่อครั้งแบบนี้พี่ๆในทีมก็แทบอยากจะร้องไห้น่ะสิ ข้อห้ามเขาเยอะจริงๆ "ไม่แปลกที่ทีมหนึ่งจะไม่ไหว เป็นกูกูก็ตายเหมือนกันว่ะ" พี่กิ่งว่าพร้อมกับส่ายหน้าไปมาอย่างหนักใจ "เอาไงล่ะพี่ป๋อง" พี่พายหันมองพี่ป๋องขณะที่หัวหน้าทีมก็กำลังนั่งอ่านข้อห้ามอยู่ "ขอพี่คิดตารางการรักษาก่อน ข้อห้ามเยอะก็จริงแต่ก็มีหลายเรื่องที่พอทำได้อยู่ เอาเป็นว่าพวกแกไปดูแลเคสตัวเองต่อ แต่พี่ขอตารางงานพวกแกด้วยนะพี่ต้องวางแผนบำบัด" "ได้ค่ะ" พวกเราทุกคนต่างเดินออกจากห้องประชุมก่อนจะแยกย้ายไปที่โต๊ะทำงานตัวเอง มีพี่อินและพี่มิ้นที่แยกออกไปดูแลเคสตัวเองที่ถึงเวลานัดเข้ามาบำบัด ตอนนี้ที่ห้องบีเลยมีแค่ฉันกับพี่พายส่วนพี่ป๋องไปประชุมกับผู้ใหญ่ต่อ "พี่ป๋องแย่แน่พี่ว่า มีแต่เรื่องเครียดๆไม่เว้นวัน" "หนูเองก็อยากช่วยพวกพี่ให้ได้มากที่สุดนะคะ" ฉันพูดออกมาเบาๆ เพราะตัวเองเป็นพนักงานใหม่แถมยังอยู่ในช่วงทดลองงานเลยยังไม่ได้ดูแลเคสเฉพาะ ฉันเพียงแค่เป็นผู้ช่วยพี่ๆบางเคสเท่านั้นอย่างในตอนนี้ที่ฉันรอไปช่วยงานพี่พายในเคสบำบัดของเธอตอนบ่าย "พี่เข้าใจยังไงพี่ป๋องแกก็รู้แหละว่าเราเองก็คนน้อย เคสใหญ่นี้พี่ว่าพิณอาจได้เป็นผู้ช่วยพวกพี่ไปดูแลเขา" "พิณไม่ติดเลยค่ะ พิณจะช่วยอย่างเต็มที่" "ดีมาก หวังว่าเราจะผ่านเคสนี้ไปได้น่ะนะฮ่าๆ" พี่พายหัวเราะออกมาอย่างขำๆก่อนเธอจะออกไปหากาแฟดื่มฉันจึงเดินเก็บห้องให้สะอาดแทนการอยู่เฉยๆ พี่ๆในแผนกที่ฉันอยู่เก่งทุกคนแถมยังเป็นรุ่นพี่ที่ดีเพราะงั้นฉันเลยอยากอยู่ที่นี้มาก ฉันต้องผ่านโปร และได้ทำงานที่นี้เท่านั้นเพื่อชีวิตจะได้ดีขึ้น...อย่างน้อยก็ไม่ต้องลำบากเหมือนที่ผ่านมา 5.12 pm. "โอเคตอนนี้พี่ได้แผนการทำกายภาพบำบัดของคุณติณณ์แล้ว ตอนนี้ร่างกายเขาค่อนข้างสมบูรณ์เลย พี่แบ่งงานเลยนะ" "ค่ะพี่" "อาทิตย์นึงเขาจะบำบัดสี่วันติด ช่วงเวลาบำบัดคือช่วงบ่ายสี่โมงถึงหกโมงเย็นพี่จะวนการทำงานจากตารางที่เด็กๆให้พี่มานะ เป็นพี่ก่อน วันที่สองพาย วันที่สามมิ้น วันที่สี่อิน ส่วนผู้ช่วยจะเป็นน้องพิณทุกวัน น้องพิณไหวนะ" "ค่ะพี่ ไม่มีปัญหาค่ะ" "เค จากนั้นทุกวันที่ห้าหลังจากเราวนการทำงานกันแล้วเราจะมาประชุมเรื่องการพัฒนาและการตอบสนองต่อการรักษาจากเขากัน" "โอเคค่ะพี่ ไม่มีปัญหา" "โอเค เคสนี้เราต้องช่วยเขาได้แน่" พี่ป๋องยิ้มให้กำลังใจทุกคนขณะที่ฉันเองก็กำลังยิ้มออกมาอย่างมีกำลังใจ แม้ในใจลึกๆจะหวั่นใจอยู่ก็ตาม...ถึงจะเป็นแค่ผู้ช่วยแต่การได้ดูแลเคสใหญ่ๆแบบนี้มันเป็นงานแรกของฉันเลย ฉันเองก็จะทำให้มันดีที่สุด
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD