สามวันต่อมา
3.40 pm.
"โอเค อย่างน้อยเราก็มาถึงก่อนเวลาตั้งยี่สิบนาที"
ฉันหัวเราะออกมาเบาๆหลังพี่ป๋องว่าแกมตลกหลังจากที่เราเดินทางมาถึงที่พักของคุณติณณ์ และสถานที่ที่เราต้องมาทำกายภาพบำบัดเขาคือที่คอนโดที่เขาอยู่นั้นเอง ฉันเดินถือกล่องและอุปกรณ์ต่างๆตามพี่ป๋องเข้าไปภายในขณะที่ตอนนี้คุณชินกำลังยืนรออยู่แล้ว
"สวัสดีครับคุณชิน"
"สวัสดีค่ะ"
"สวัสดีครับผมกำลังรออยู่เลย"
คุณชินยิ้มให้บางๆก่อนผายมือเดินนำเราไปขึ้นลิฟต์
"วันนี้เป็นวันแรกผมเลยต้องมารอรับพวกคุณเพื่อที่จะพาไปแนะนำกับคุณติณณ์ และที่นี่คือคอนโดที่ทางบริษัทจัดหาไว้ให้คุณติณณ์พักระหว่างทำกายภาพบำบัดกับพวกคุณ"
"เอ่อ เขาไม่ได้พักที่นี่เป็นหลักเหรอครับ?"
"ครับ ที่นี่เป็นที่พักที่ใกล้สนามแข่งที่สุดเลยเหมาะที่จะมีไว้พักสำหรับทำกายภาพบำบัดไปด้วย"
"อ่อ ครับตอนนี้ผมได้รับข้อมูลเรื่องอาการของคุณติณณ์มาแล้วที่น่าเป็นห่วงจะมีตรงข้อมือถูกต้องนะครับ"
"ใช่ครับ ที่น่าเป็นห่วงที่สุดถึงตอนนี้จะดูเหมือนปกติแล้วแต่อาการมักออกตอนลงสนามแข่ง ยังไงช่วยแนะนำเขาด้วยนะครับ"
"ได้เลยครับ"
"ตอนนี้เขาน่าจะอาบน้ำอยู่"
คุณชินยกแขนขึ้นดูนาฬิกาก่อนจะเดินนำเราออกจากลิฟต์ขณะที่ฉันกับพี่ป๋องต่างมองตากัน เพราะคอนโดที่คุณติณณ์พักชั้นบนสุดทั้งชั้นมันเป็นของเขาหมดเลย
"เกิดมาเพิ่งเคยมาที่แบบนี้ครั้งแรก"
"พิณเองก็เหมือนกัน"
ฉันตอบพี่ป๋องกลับเสียงเบาก่อนจะเดินตามพี่เขาไปที่ห้องรับแขก ด้านบนนี้เหมือนจะมีห้องหลายห้องมากไม่ว่าจะเป็นห้องซาวน่า ห้องฟิตเนส เหมือนจะรวมทุกความสะดวกมาไว้ที่นี่แล้วอ่ะ
"ห้องสำหรับการทำกายภาพบำบัดจะอยู่ห้องนี้นะครับ ถ้ามาครั้งต่อไปสามารถเข้าไปรอได้เลย"
คุณชินว่าพร้อมกับเปิดห้องสำหรับใช้ทำกายภาพบำบัดให้ ซึ่งด้านในแทบจะมีเครื่องมือครบครันสำหรับการบำบัดเลย เหมือนยกห้องบำบัดมาไว้ที่นี่เลยก็ว่าได้ ทุกอย่างที่นี่พร้อมซะจนฉันเผลอสูดลมหายใจเข้าปอดด้วยความตื่นเต้น
"ครั้งหน้าคุณชินจะไม่อยู่ด้วยเหรอครับ?"
"บางครั้งผมอาจอยู่ แต่ก็ไม่แน่เพราะผมเองก็มีเรื่องอื่นที่ต้องเคลียร์น่ะ"
"อ่อครับ ส่วนเรื่องการหมุนเวียนคนคุณชินแจ้งคุณติณณ์แล้วใช่ไหมครับ?"
"แจ้งเรียบร้อยแล้วครับ แต่คนที่มาด้วยทุกครั้งคือคุณพิณนราใช่ไหม?"
"ครับ พิณนราเป็นผู้ช่วยเพราะงั้นเธอจะมาด้วยทุกครั้งครับ"
"โอเคครับ ยังไงฝากด้วยนะครับคุณพิณนรา"
"ค่ะคุณชิน"
ฉันก้มหัวตอบคุณชินก่อนมองหน้าเขาอย่างกล้าๆกลัวๆจนเขาหลุดยิ้ม
"ไม่ต้องกลัวนะครับ เรายังต้องทำงานกันอีกนานเพราะงั้นยิ้มให้กันเยอะๆจะดีกว่า"
"ค่ะ"
ฉันค่อยๆยิ้มออกมาด้วยท่าทีเกร็งๆเหมือนเดิมจนคุณชินหัวเราะขำ แต่ถึงอย่างนั้นเขาก็เดินออกไปด้านนอกก่อนเพื่อให้เราเตรียมของรอคุณติณณ์
"เขาหล่อนะคุณชินน่ะ"
"ค่ะ หล่อมาก"
"จีบเลยดีไหม อย่างน้อยได้คนรวยๆพิณก็ไม่ต้องทำงานหนัก"
"พี่ป๋อง"
"ฮ่าๆ เฮ้ยหยอกเย้าอย่าซีเรียสน่า มาๆเตรียมตัวทำงานกันเถอะเรา"
ฉันหรี่ตาใส่พี่ป๋องอย่างเอือมๆ แม้เขาจะเป็นหัวหน้าทีมแต่เขาก็เป็นคนขี้เล่นแบบนี้ด้วยเลยโดนพี่คนอื่นๆในทีมตีบ่อยๆ แต่จริงๆคุณชินก็หล่อแบบสุขุมและดูเป็นผู้ใหญ่มากๆ แต่คนที่ฉันอยากเจอตัวจริงที่สุดคือคนที่ฉันกับพี่ป๋องจะได้ทำกายภาพบำบัดมากกว่า
แกร็ง
เสียงเปิดประตูเข้ามาทำเอาฉันแทบหยุดหายใจ เพราะคนที่ฉันเพิ่งคิดถึงเมื่อกี้กำลังเดินเข้ามาแล้ว ฉันกับพี่ป๋องต่างหยุดทุกอย่างที่ทำพร้อมกับหันมองร่างสูงที่กำลังเดินเข้ามาทั้งที่ยังสวมชุดคลุมอาบน้ำอยู่ ดวงตาฉันเบิกกว้างทันทีเมื่อเห็นใบหน้าและร่างกายกำยำของเขา
คุณติณณ์ที่ฉันได้เห็นจากการเสิร์ชอินเทอร์เน็ตเพื่อหาข้อมูลตอนนี้กำลังยืนอยู่ตรงหน้าฉันแล้ว แถมเขายังดูดีกว่าในเน็ตอีกต่างหาก ดวงตาเรียวที่ดูเฉี่ยวและเต็มไปด้วยสายตาที่แสดงออกถึงความรุนแรงมันทำเอาหัวใจฉันเต้นแรงอย่างไม่รู้สาเหตุ สายตาเขามันดูน่ากลัวแต่กลับดูดีอย่างอธิบายไม่ถูก ทั้งจมูกโด่งเป็นสัน ริมฝีปากหยักสวย ทุกอย่างบนใบหน้าและร่างกายของเขามันส่งให้เขาดูดีสุดๆ
"มองพอยัง?"
"เอ่อ ขอโทษที่เสียมารยาทครับคุณติณณ์ ผมชื่อป๋องเป็นหัวหน้าทีมนักกายภาพบำบัดที่จะมาดูแลคุณหลังจากนี้ และข้างๆผมคือน้องพิณนราผู้ช่วยครับ"
ฉันสะดุ้งพร้อมกับก้มโค้งทักทายคุณติณณ์ทันทีที่เขาว่าขึ้นแบบนั้น แต่เมื่อกี้ที่เขาพูดสายตาเขามองตรงมาที่ฉันไม่ได้มองพี่ป๋องเลยนะ...
มันเหมือนเขาตำหนิฉันมากกว่า และมันก็ควรเป็นอย่างนั้นเพราะฉันเองก็มองเขามากไปจริงๆ
"ครับผมติณณ์ แต่จริงๆผมไม่อยากได้คนจากบริษัทนี้เลยนะทำไมไม่เปลี่ยนที่ไปซะ"
"เสียมารยาทซะจริงไอ้นี่ พี่ก็บอกอยู่ว่าอย่ามาพูดแบบนี้ต่อหน้าคนอื่น"
"ก็แค่เปลี่ยนทีม มันไม่ได้มีอะไรเปลี่ยนเลยไหม"
ฉันเม้มปากแน่นพร้อมกับมองพี่ป๋องที่กำลังยืนหน้าชาอยู่ข้างๆไม่ต่างกันหลังจากที่คุณติณณ์ว่าแบบนั้น เขาเดินไปนั่งบนเตียงและมองสบตากับคุณชินอย่างไม่สบอารมณ์
"ให้เขาได้ลองทำให้เต็มที่ก่อนเถอะ อย่าเพิ่งตัดสินคนอื่นก่อนเขาได้ลองทำ"
"เฮ้อ คำคมวันละนิดจิตแจ่มใส"
"ไอ้เด็กเวรนี่"
คุณชินถอนหายใจออกมาอย่างหัวเสียก่อนเขาจะหันมามองฉันกับพี่ป๋อง
"ผมขอโทษแทนติณณ์ด้วยนะครับ วันนี้เขานอนไม่พอประสาทเลยเสียนิดหน่อยน่ะ เอาเป็นว่าพวกคุณเริ่มการบำบัดได้เลย ถ้ามีอะไรไม่พอแจ้งผมได้ทันทีผมจะนั่งอยู่ห้องรับแขก"
"ครับ"
พี่ป๋องก้มหัวขอบคุณคุณชินก่อนจะเดินเข้าไปหาคุณติณณ์ที่กำลังนั่งอยู่บนเตียง ฉันเองก็เดินไปเตรียมเครื่องนวด และตัวยาสำหรับการทำกายภาพบำบัดให้พร้อม
"ผมทำงานต่อจากทีมหนึ่งก็จริง แต่ผมศึกษาร่างกายคุณติณณ์มาพอสมควร วันนี้ผมเลยอยากนวดคลายกล้ามเนื้อ และดูเรื่องข้อต่อก่อน ยังไงรบกวนคุณติณณ์ถอดเสื้อคลุมและนอนหงายด้วยนะครับ"
"ทีมก่อนไม่ได้บอกเหรอว่าเขาก็ทำแบบนี้ ผมเองก็พอเดาได้เลยใส่เสื้อคลุมมารอ แต่ก็ไม่คิดว่าจะเป็นอย่างที่ตัวเองคิดจริงๆ"
พี่ป๋องชะงักไปอีกครั้งเมื่อคุณติณณ์ตอบมาแบบนั้น แต่ถึงอย่างนั้นเขาก็ถอดเสื้อคลุมออกเผยให้เห็นไหล่กว้างและกล้ามเนื้อหน้าท้องของเขา มันดูดีราวกับเทพสร้างแต่กว่าจะได้ฉันว่าคงเหนื่อยปั้นน่าดู ฉันยื่นยาสำหรับนวดให้พี่ป๋องก่อนเราจะเริ่มนวดคลายกล้ามเนื้อ และใช้เครื่องกระตุ้นการทำงานของเครื่องกระตุ้นไฟฟ้า เพื่อคลายกล้ามเนื้อชั้นตื้นและชั้นลึกก่อน
ตลอดการรักษาเขาให้ความร่วมมือดีมาก แต่ถึงอย่างนั้นภายใต้ใบหน้าเรียบเฉยและสายตาว่างเปล่าของเขาฉันเองก็ไม่รู้เลยว่าเขาคิดอะไรอยู่
6.24 pm.
"ให้ตาย พี่เข้าใจทีมหนึ่งแล้วว่าทำไมเขารับมือไม่ไหว"
ฉันหัวเราะออกมาเบาๆหลังเอากล่อง และอุปกรณ์การบำบัดเก็บเข้าหลังรถพี่ป๋องจนเรียบร้อย พี่ป๋องส่ายหน้าไปมาด้วยความเหนื่อยล้า
"โคตรอึดอัดเลยว่ะ เขาไม่พูดอะไรหลังจากเริ่มกายภาพเลย"
"แบบนี้เราเองก็บำบัดยากถูกต้องไหมคะ ถึงจะมีข้อมูลแต่ถ้าเขาไม่พูดถึงอาการที่เป็นก็ไม่มีใครรู้"
"อืมแบบนี้เราแย่แน่ แต่เราจะแย่กว่านี้ถ้าไม่กินข้าว ไปเถอะไปหาไรกินเดี๋ยวพี่ไปส่งหลังกินข้าวเสร็จ"
"โอเคค่ะ"
"แต่พี่ก็หนักใจแทนคนที่เหลือนะ พวกนั้นจะรับกับอารมณ์คุณติณณ์ได้ไหมเนี่ย"
"อาจจะได้ก็ได้ค่ะพี่ป๋อง จริงๆทุกอย่างอาจดีกว่าที่เราคิดนะ"
พี่ป๋องยิ้มออกมาบางๆก่อนเขาจะพยักหน้าตอบฉันด้วยรอยยิ้ม
"พี่ดีใจที่อย่างน้อยทีมเราก็มีคนมองโลกในแง่ดีแบบนี้ โลกน่าอยู่ทุกอย่างมีสันติภาพ พี่อยากบวชให้ซะจริง"
"อย่าเลยค่ะ เมื่อวานยังส่งมีมพระลงกลุ่มอยู่เลย"
"จะว่าพี่บาปเรอะ!"
"ฮ่าๆ"
ฉันหัวเราะพี่ป๋องอย่างขำๆก่อนเราจะออกจากคอนโดมาหาข้าวกินอย่างที่พี่ป๋องว่าแถมพี่ป๋องยังซื้ออาหารไปฝากภรรยาและลูกๆของเขาอีก พี่ป๋องน่ะเห็นแบบนี้ก็เป็นสามีและพ่อดีเด่นของครอบครัวเลยนะ
เพราะเราต่างมีสิ่งที่ต้องรับผิดชอบเราเลยต้องทำงาน แม้ว่าจะโดนว่าจนหน้าชาแต่ก็ต้องฝืนยิ้มเพื่อให้ผ่านไปได้...ฉันเองก็ทำมาโดยตลอดและมันก็ต้องผ่านไปได้อย่างเช่นทุกครั้ง