6

1857 Words
(พิณนรา) หลายวันต่อมา 12.22 pm. "วันนี้เตรียมตัวพร้อมแล้วใช่ไหม" "ค่ะ เตรียมพร้อมสุดๆ" ฉันตอบพี่ป๋องระหว่างที่เรากำลังนั่งกินข้าวเที่ยงกันอยู่ วันนี้มีกันแค่สองคนเพราะพี่สาวอีกสามคนไปกินข้าวกับแฟนกันหมด "เห็นว่าวันนี้บริษัทมีรถค่อยรับส่งด้วย เพราะงั้นไม่ต้องเป็นห่วงเรื่องการเดินทางนะ" "ดีจัง" พี่ป๋องหัวเราะออกมาอย่างขำๆก่อนจะทำท่าป้องปากกระซิบฉัน "เห็นว่าโดนทางคุณชินติมาเรื่องนี้น่ะ ผู้ใหญ่ทางเรารีบหารถให้เร็วเลยแหละ" ฉันพยักหน้าตอบพี่ป๋องพร้อมกับนึกไปเรื่องวันนั้นที่คุณติณณ์โทรบอกคุณชินให้หาคนขับรถไปส่งฉัน เพราะงี้คุณชินเลยติมาสินะ ต้องขอบคุณจริงๆแต่วันนั้นก็มีอีกเรื่องที่ทำให้ฉันนึกถึงแฮะ คุณติณณ์นี่มีแฟนสวยมากๆเลย ฉันคุ้นหน้าเธอมากจนมาเสิร์ชดูถึงได้รู้ว่าเป็นนางแบบที่กำลังดัง "พิณ" "คะ?" "มีคนโทรเข้าน่ะ" ฉันเลิกคิ้วก่อนจะมองหน้าจอที่ตอนนี้กำลังขึ้นชื่อของน้องชายตัวเองเลยทำให้ฉันต้องรีบยิ้มให้พี่ป๋องพร้อมกับขอตัวออกมารับโทรศัพท์ก่อน หลังออกมายืนหน้าร้านฉันก็มองชื่อบนหน้าจอตัวเองพร้อมกับถอนหายใจออกมาเบาๆก่อนกดรับ "ฮัลโหล" (ฮัลโหลพี่ พี่ว่างไหม?) "กินข้าวอยู่ มีอะไรถึงโทรมาได้ล่ะ?" (โหยพี่ คนคิดถึงจะโทรหาหน่อยไม่ได้เลย) "มีเรื่องอะไรพูดมาเลยเถอะนาวี" เสียงหัวเราะขำที่ดังมาจากปลายสายทำให้ฉันถอนหายใจออกมาอีกครั้ง "งั้นวางนะ" (เฮ้ยพี่ใจเย็นดิ! คือผมขอยืมเงินหน่อยพอดีมีเรื่องต้องใช้น่ะ) "ใช้อะไรกัน พี่เพิ่งโอนเงินไปเมื่อวันเสาร์ไม่ใช่เหรอ?" (อยู่ก็มีรายจ่ายน่ะพี่ นะนะขอผมยืมหน่อยแค่พันเดียวเอง) ฉันกุมขมับทันทีที่นาวีตอบกลับมาแบบนั้น นี่มันครั้งที่เท่าไหร่แล้วก็ไม่รู้ที่เขายืมเงินฉันเนี่ย ฉันถอนหายใจออกมาอีกครั้งพร้อมกับส่ายหัวไปมาอย่างไม่สบอารมณ์ "คิดว่าพี่เป็นธนาคารของแกรึไง จริงๆเงินรายอาทิตย์ที่ให้มันก็เยอะอยู่นะนาวี แกก็ช่วยพี่ประหยัดบ้างสิวะ" (พี่ก็รู้ว่าผมเรียนอยู่ มันต้องกินต้องใช้นะพี่รึจะให้ผมโทรไปขอแม่ล่ะ...เอางั้นก็ได้นะถ้าพี่ไม่ให้ก็ไม่เป็นไรแล้วกัน) "อย่าไปขอแม่!" นาวีเงียบไปทันทีที่ฉันตวาดกลับแบบนั้น "เดี๋ยวพี่จะโอนให้ แต่แกต้องโทรไปหาแม่ก่อนแม่บอกว่าแกไม่โทรไปหาแม่นานแล้ว แต่พี่ขอนะวีแกอย่าพูดหรือขอเงินกับพ่อแม่เด็ดขาด" (เออน่า ผมโทรเสร็จแล้วจะทักบอกนะ อย่าลืมโอนให้ด้วยล่ะ) ฉันวางสายจากนาวีพร้อมกับมองจ้องหน้าจอโทรศัพท์ด้วยความหนักใจ น้องของฉันจริงๆมันเป็นเด็กที่เก่งมากคนนึงนะ แต่หลังจากที่ได้เข้ามหาลัยมาปีที่สองนิสัยก็เปลี่ยนไปเลย จากเด็กที่ตั้งใจและเรียนเก่งกลับเป็นเด็กที่ใช้เงินเก่งแทน แบบนี้แย่แน่พ่อแม่เองก็มีปัญหาที่พวกเขาต้องรับผิดชอบเหมือนกันนะ 4.02 pm. "สวัสดีค่ะคุณติณณ์" ฉันยิ้มทักทายคุณติณณ์ที่เพิ่งเดินเข้ามาในห้องหลังจากที่ฉันจัดเตรียมอุปกรณ์สำหรับทำกายภาพบำบัดในวันนี้แล้ว เหมือนวันนี้คุณติณณ์จะเรียนเพิ่งเสร็จด้วยแหละ เพราะตอนฉันมาเมื่อครึ่งชั่วโมงก่อนยังไม่เจอเขาเลย "ไง วันนี้มีนวดไหม?" "วันนี้ไม่มีนะคะ จะเป็นการออกกำลังกายแทนวันนี้พิณอยากดูการเคลื่อนไหวของร่างกายคุณติณณ์น่ะค่ะ" คุณติณณ์ขมวดคิ้วมองฉันเหมือนจะผิดหวังกับคำตอบอยู่หน่อยๆ แต่อย่างน้อยเขาก็ยังพยักหน้าตอบและเดินเข้ามาหา...เขาเดินมาใกล้ซะจนฉันต้องเงยหน้ามองเลยแหละ "เอ่อ..ว่าแต่หลังจากวันนั้นมีอาการแขนเกร็งอีกไหมคะ?" "มีเมื่อวานช่วงเช้า ฉันตื่นมาออกกำลังกายน่ะ" ฉันพยักหน้าตอบพร้อมกับจดเวลากำเริบของอาการไว้ "แสดงว่าวันนี้ยังไม่มีอาการสินะ" "อืม" ฉันเงยหน้ามองคุณติณณ์อีกครั้งก่อนจะชะงักหลังสบตากับเขาที่กำลังโน้มตัวลงมาดูสิ่งที่ฉันกำลังจดอยู่ เขาเบนสายตามามองฉันก่อนจะยกยิ้มอย่างขำๆ "ตกใจทีไรตาโตทุกที" "ก็คุณทำให้พิณตกใจหนิคะ" "ฉันแค่อยากรู้ว่าเธอจดอะไรไปเท่านั้น ว่าแต่ได้นอนบ้างไหมเนี่ยทำไมใต้ตาคล้ำขนาดนี้?" "นอนค่ะ แค่ต้องวางแผนการรักษาคุณติณณ์เยอะไปหน่อย" "เหรอ แล้วนอกจากฉันเธอรักษาใครอีก?" "ไม่มีที่รักษาเป็นเคสหรอกค่ะ มีแค่เป็นผู้ช่วย" "ดีเลยสิ ฉันคิดว่าถ้าอาการฉันดีขึ้นฉันอยากลงสนาม เพราะงั้นเลยอยากให้เธออยู่ด้วยตลอด" "คะ?" "ได้ยินแล้วนี่" "แต่เรื่องนี้เองต้องให้แพทย์ตรวจอีกทีด้วยนะคะ อยู่ๆคุณติณณ์จะ..." "รู้น่า" ฉันเม้มปากมองคุณติณณ์หลังเขาตอบมาแบบนั้น ก่อนจะวางสมุดจดตัวเองลงที่โต๊ะด้านหลังแทน "แต่ถึงอย่างนั้นพิณก็รับปากไม่ได้หรอกนะว่าจะไปอยู่ดูแลคุณติณณ์ตลอดการฝึกได้ เพราะงานของบริษัทมันไม่ได้เอื้อ" "ยุ่งยาก ถ้าฉันจะเอายังไงก็ต้องได้น่า...ทำไมรึอยากได้เงินเพิ่ม?" คุณติณณ์เลิกคิ้วมองฉันด้วยความสงสัยในตอนที่ฉันเงียบไป ฉันส่ายหน้าไปมาช้าๆก่อนจะมองสบตาเขาด้วยแววตาจริงจัง "ประสบการณ์การบำบัดของพิณไม่ได้มีเยอะขนาดที่จะตามคุณติณณ์ไปได้ทุกที่น่ะค่ะ เท่านี้ผู้ใหญ่ทางบริษัทก็กดดันมากพอแล้ว" "เฮ้อ น่ารำคาญจริงๆสินะ" "เอาเป็นว่าวันนี้เราเริ่มทำกายภาพกันเถอะนะคะ พิณอยากดูความยืดหยุ่นของร่างกายคุณติณณ์น่ะค่ะ" คุณติณณ์พยักหน้าตอบช้าๆ ก่อนเขาจะเริ่มรับการบำบัดไปพร้อมๆกับฉันที่ทำตามแผนที่ตัวเองเตรียมมา จริงๆร่างกายคุณติณณ์ยืดหยุ่นได้ดีมาก แถมยังแข็งแรงสุดๆแต่เรื่องที่ทำให้เขาไม่สบายใจก็ยังมีอยู่โดยเฉพาะเรื่องข้อมือ จุดนี้มันสำคัญสำหรับนักแข่งมากจริงๆฉันเข้าใจ 6.03 pm. "วันนี้ทำได้ดีมากเลยนะคะ แขนก็ไม่เกร็งขนาดอยู่ในภาวะตึงเครียด" "ก็ขอให้มันดีแบบนี้ทุกวันเถอะ" ก๊อกๆ เสียงเคาะประตูที่ดังขึ้นทำให้ฉันกับคุณติณณ์หันมองคุณชินที่กำลังเปิดประตูเข้ามา ฉันยิ้มให้คุณชินพร้อมกับยกมือไหว้ทักทายเขาทันที "สวัสดีค่ะคุณชิน" "สวัสดีตอนเย็นครับคุณพิณ วันนี้เรียบร้อยดีใช่ไหม?" "ค่ะ ร่างกายคุณติณณ์ตอบสนองดีมากเลย" "ดีแล้วครับ" คุณชินเหลือบมองคุณติณณ์ที่กำลังโยนลูกบอลเล่นอยู่ก่อนจะยิ้มออกมานิดๆ "งั้นวันนี้ก็ขอบคุณที่ทำงานหนักครับ" "ค่ะ อ่อพิณเองก็ต้องขอบคุณคุณชินด้วยนะคะเรื่องรถบริษัทน่ะค่ะ" "ครับ?" คุณชินเลิกคิ้วมองฉันที่กำลังสะพายกระเป๋าอุปกรณ์ด้วยความสงสัย "ก็เพราะคุณชินติเรื่องรถรับส่ง บริษัทเลยส่งรถมารอรับส่งพิณแล้วน่ะค่ะ จริงๆพิณเองก็ต้องขอโทษก่อนด้วยที่รบกวนไปวันนั้น" "อ่า...ไม่เป็นไรเลยครับ" คุณชินยิ้มให้ฉันทันทีก่อนเขาจะเหลือบมองคุณติณณ์อย่างขำๆ แต่ฉันก็ไม่รู้หรอกนะว่าเขาขำเรื่องอะไร เพราะหลังจากขอบคุณเสร็จฉันก็ขอตัวออกมาทันที เฮ้อ แต่วันนี้เหนื่อยจังนะถ้าได้กินของอร่อยๆคงหายเหนื่อยแน่ๆ 9.12 pm. ตืด...ตืด.. แรงสั่นจากโทรศัพท์เรียกให้ฉันที่กำลังนั่งกินมาม่าพร้อมกับอ่านหนังสืออยู่ต้องละสายตาไปมองก่อนจะขมวดคิ้วมองชื่อที่โทรเข้ามา เพราะมันเป็นชื่อของนาวีน้องชายฉันเอง "โทรมาทำไมดึกๆดื่นๆ" ฉันเอื้อมมือไปหยิบโทรศัพท์มากดรับอย่างเสียไม่ได้ "ฮัลโหล" (ฮัลโหล โหลๆ) เสียงไม่คุ้นหูทำให้ฉันชะงักไปทันที เพราะเสียงจากปลายสายมันเป็นเสียงของใครก็ไม่รู้แถมยังมีเสียงเพลงที่ดังสุดๆดังมาตามสายอีก (ได้ยินไหมวะนั่น!?) "ฮัลโหล ใครคะ?" (แล้วคนที่คุยอยู่นี่ใช่พิณนราพี่สาวของไอ้นาวีไหมครับ?) คำตอบของเขามันทำให้หัวใจฉันเต้นแรงทันที เพราะเขาดูจะน่ากลัวมาก แต่ถึงอย่างนั้นฉันก็ต้องทำใจดีสู้เสือตอบกลับไป "ค่ะ มีอะไรรึเปล่าคะ?" (อ่อครับ พอดีน้องชายของคุณเป็นหนี้พวกผมแล้วไม่ยอมจ่ายน่ะสิ ตอนนี้ยังมาพนันรถแพ้แล้วไม่มีเงินจ่ายอีกผมเลยต้องเอาตัวเขาไว้ก่อน เพราะถ้าปล่อยไปคงจะหนีหน้าไปอีก) "พูดเรื่องอะไรของคุณน่ะ น้องชายฉันไปทำอะไรนะ?" (เขาเป็นหนี้ครับคุณพี่สาว ตอนนี้อยู่สนามแข่งรถแต่น้องคุณไม่มีเงินคืนผมเลยต้องโทรหาคนที่น่าจะมีจ่ายให้ สายสุดท้ายที่คุยกันก็น่าจะเป็นคุณพี่สาวนี่แหละเนาะเพราะชื่อโอนเงินก็คุณพี่สาว) "ตอนนี้พวกคุณอยู่ไหน แล้วน้องชายฉันล่ะเขาอยู่ไหน!?" (มันอยู่นี่แหละครับ แต่ผมอยากให้พี่สาวเข้ามาคุยกับเราหน่อย...หรือจะไม่มาก็ได้แต่น้องคุณอาจไม่ได้กลับบ้านเร็วๆนี้หรอกนะ) "ฉันจะไป บอกสนามแข่งที่พวกคุณอยู่มาเถอะ" ฉันตอบด้วยความร้อนรนพร้อมกับตั้งใจฟังชื่อสนามแข่งที่พวกเขาบอก ก่อนจะลุกขึ้นแต่งตัวเพื่อออกไปหานาวี จริงๆมันก็ไม่น่าเชื่อจนกระทั่งคนที่คุยโทรศัพท์กับฉันส่งรูปของนาวีที่กำลังนอนหลับอยู่บนโซฟาในห้องมืดๆมา ฉันไม่รู้ว่าน้องโดนอะไรไปบ้างและไม่รู้ว่าควรจะโทรแจ้งตำรวจไหมแต่ที่แน่ๆคือตอนนี้ฉันต้องรีบไปหานาวี ฉันทิ้งน้องไว้แบบนั้นไม่ได้จริงๆ
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD