ตอนที่ 4
รสหวานในคืนฝนพรำ
คืนนั้น....ที่เขาเกือบจะเผลอทำสิ่งที่เกินจะหักห้ามใจลงไป
ร่างเล็กนั่งคูดคู้อยู่ริมศาลาท้ายสวน ไม่สนใจสายฝนที่ตกโปรยปรายและสาดกระเซ็นเข้ามาด้านในจนเปียกปอนไปทั้งตัว ทว่า แพรไหม กลับกอดเข่าตัวเองอย่างหมดอาลัยตายอยาก หยาดน้ำใสไหลอาบสองแก้มของเธอ เสียงสะอึกสะอื้นร่ำให้นั้น ทำให้ร่างหนาที่เดินถือร่มผ่าสายฝนเข้ามาผ่อนลมหายใจเล็กน้อย
“เปียกหมดแล้ว หยุดร้องให้เถอะเข้าไปในบ้านก่อน เดี๋ยวให้คนช่วยกระจายกำลังหาให้ มันคงยังไปไหนไม่ไกลหรอก ฝนตกหนักแบบนี้”
“.....”
ไม่มีเสียงตอบรับ มีเพียงเสียงสะอื้น
“แพร”
น้ำเสียงของ สิปปกร อ่อนลง ขณะย่อกายลงนั่ง
“เพราะคุณสิปไม่ปิดประตู แพรก็บอกแล้วว่าเจ้ากุหลาบอยู่ในห้องนั้น” เพียงเผลอไม่ทันไร เจ้าเหมียวส้มตัวอ้วนสุดที่รักก็วิ่งออกมาด้านนอกรั้วบ้าน และไม่รู้ตอนนี้มันเป็นตายร้ายดียังไง
นี่เป็นความสะเพร่าที่ทำร้ายจิตใจเธอพอสมควร
แม้จะเคยสูญเสียสิ่งที่รักมาครั้งหนึ่งแล้ว
“ฉันขอโทษ เดี๋ยวฉันจะรีบหาให้เจอ และถ้าไม่เจอจะหาตัวใหม่มาให้”
“ตัวใหม่ยังไงก็ไม่เหมือนตัวเดิม ไม่มีตัวไหนทดแทนกุหลาบได้! ทำไมคุณสิปพูดง่ายจัง”
แพรไหม มองเขาอย่างตัดพ้อ ถึงอธิบายไปคนอย่าง สิปปกร ก็ไม่มีวันเข้าใจ และเขามองว่าเธอเป็นแค่เด็กที่ไม่รู้จักโต ตั้งแต่รู้จักและใกล้ชิดกับเขามา เธอยังไม่เคยเห็นเขาร้องให้หรือเสียน้ำตากับเรื่องอะไรเลยสักครั้ง
เขาเย็นชากับทุกสิ่ง เหมือนคนไม่มีหัวใจ
“แล้วจะให้ทำยังไง ในเมื่อมันหายไปแล้ว”
“.....”
“ลุกขึ้น เข้าบ้านได้แล้วเดี๋ยวไม่สบาย”
สิปปกร เอ่ยเสียงเข้ม ขณะพยักหน้าให้ พิชัย กับลุงแช่ม กระจายกำลังออกไปตามหาด้านนอก แต่คนตัวเล็กก็ยังงอแงไม่ยอมจนเขาต้องย่อตัวอุ้มเธอขึ้นแนบอก
“คะ คุณสิป”
“หยุดงอแงได้แล้วแพร ก่อนที่ฉันจะหมดความอดทนไปมากกว่านี้”
“ปล่อยแพร! แพรเดินเองได้”
มือเล็บทุบเข้ากับอกกว้างอย่างขุ่นเคือง ขณะที่น้ำตายังคงไหลไม่หยุด เธอโกรธสิปปกร โกรธที่เขาละเลย ตอนเดินออกจากห้องเธอ จนแมวตัวโปรดของเธอต้องมาหายไปแบบนี้
โกรธ! จนไม่อยากให้เขามาแตะต้องตัวเธอ
“ตัวเย็นเฉียบหมดแล้ว ต้องรีบอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้า”
สิปปกร ไม่สนใจกริยาเธอด้วยซ้ำ เขาวางร่างของเธอลงกับโซฟาเมื่อถึงห้อง หยิบผ้าขนหนูมาคลุมซับให้ ริมฝีปากของเธอสั่นระริกอาจเพราะนั่งอยู่ท่ามกลางสายฝนหลายชั่วโมง
เธอกอดเขาไว้แน่น บดเบียดร่างตัวเองเข้ากับแผงอกกว้างของชายหนุ่มเพื่อหาไออุ่นจากร่างกำยำ จนเสื้อผ้าของเขาเปียกปอนไม่ต่างจากเธอ โดยไม่สังเกตเห็นว่าอีกฝ่ายเริ่มจะร้อนระอุสวนทางกับอากาศภายนอกที่หนาวเย็นเพราะละอองฝน
“ปล่อยก่อน”
“หนูหนาว”
“ต้องถอดเสื้อผ้าที่เปียกออกก่อน”
น้ำเสียงของเขาราบเรียบไม่แสดงอาการใดๆ สิปปกร ถอดเสื้อผ้าที่เปียกชื้นของเธอออกอย่างใจเย็น ตั้งแต่กางเกงผ้าเสื้อลินินสีขาวจนเหลือเพียงชั้นในสองชิ้น เขาลังเลอยู่เพียงครู่ก่อนที่จะถอดมันออกทั้งหมด
“อื้อ...คุณสิป”
ไม่ใช่ว่าเธอกับเขาไม่เคยใกล้ชิดสัมผัสตัวกัน ทว่า สิปปกร ก็ไม่ล่วงล้ำเธอมากกว่าการโอบกอด และนี่คงเป็นครั้งแรกที่เธอต้องเปิดเปลือยเนื้อตัวต่อหน้าเขา
“เช็ดตัวให้แห้งแล้วใส่เสื้อผ้าซะ”
ผ้าขนหนูผืนใหญ่ถูกโยนให้ ก่อนที่เขาจะหันหลังให้ เพื่อจะเดินออกจากห้อง ทว่า แพรไหม ดึงมือของเขาไว้ ร่างหนาหยุดชะงักเพียงแค่นั้น
“หนูขอโทษที่เอาแต่ใจ แต่หนูสงสารเจ้ากุหลาบ”
แพรไหม ไม่อยากให้เขามองเธอเป็นเด็ก เมื่อไหร่ที่สายตาคู่นี้จากใบหน้าหล่อเหลาของเขาจะมองเธอเหมือนผู้ชายมองผู้หญิงเสียที กว่าสามปีที่อยู่ในบ้านหลังเดียวกับเขา สิปปกร ไม่เคยล่วงล้ำเธอมากกว่าการโอบกอดประโลม
ทั้งที่เธออยากให้เขาสัมผัสมากกว่านั้น
เธอเบียดร่างเข้าไปแนบชิดเขา แม้เมื่อสักครู่จะโกรธจนไม่อยากให้เขาสัมผัสตัว แต่ตอนนี้เธอต้องการไออุ่นจากร่างกำยำแน่นเครียดนี้ สองแขนเรียวโอบกอดเขาจากด้านหลัง ก่อนจะซุกหน้าสวยยังแผ่นหลังกว้าง
“ใส่เสื้อผ้าและพักผ่อนซะ ฉันจะออกไปข้างนอก”
อุ้งมือหนาแกะมือเธอออก
“แต่แพรหนาว แพรขอกอดคุณสิปอีกหน่อย”
น้ำเสียงเธอออดอ้อน ขณะที่ใจเต้นระส่ำ เป็นครั้งแรกที่เธอสัมผัสโอบกอดเขาด้วยเรือนร่างเปล่าเปลือยแบบนี้ หน้าหล่อเหลาเอี้ยวกลับมามอง แพรไหม เหมือนจะได้ยินเสียงหัวใจตัวเองเต้นระส่ำเหมือนมีกลองหลายร้อยใบตีอยู่ภายใน
“รู้จักมีจริตมารยาแบบนี้ ตั้งแต่เมื่อไหร่กัน?”
ใบหน้าหล่อเหลาโน้มลงมาใกล้ ดวงตาคู่สีนิลเข้มมองเธออย่างลุ่มลึก ไม่ทันจะเอ่ยต่อริมฝีปากของเขาก็บดจูบยังเรียวปากอิ่มชื้นของเธอ
“อื้อ...”
เธอครางอยู่ในลำคอ เมื่อลิ้นสากร้อนสอดเข้ายังโพรงปากนุ่ม ดูดรัดรึงเรียวลิ้นเล็ก ขณะที่อุ้งมือหยาบโอบกุมทรวงอกอิ่มของเธอและบีบเคล้นเบาๆ จนความซ่านสยิวแผ่ไปยังท้องน้อยจนหดเกร็ง ความวาบหวามทำให้เธอหูอื้อไปชั่วขณะ
“แพร”
สิปปกร คำรามต่ำในลำคอ เมื่อเพิ่มการบดเคล้าจูบหนักหน่วงขึ้น จนเหมือนเธอถูกดูดกลืนลมหายใจลงไปด้วย ร่างของเธอถูกดันไปด้านหลัง และกดลงยังเบาะโซฟา
เขาผละจากริมฝีปากเธอ ไล้จูบพรมยังข้างแก้มและดูดเข้มเนื้ออ่อนข้างลำคอ ก่อนจะกลับมาจูบริมฝีปากเธออีกรอบอย่างหนักหน่วงบดเคล้าเนิ่นนาน จนความซ่านกระสันแผ่ไปทั่วร่างของเธอ ..เป็นครั้งแรกที่เธอกับเขาสัมผัสกันแบบนี้
“อื้อ..”
ทว่าเธอกลับรู้สึกดีจนเผลอครางออกมา เมื่อเขากดริมฝีปากยังเนินอกอวบอิ่มทรงหยดน้ำที่พุ่งชูชัน ปลายถันไหวระริกเพราะไอเย็นของอากาศ สิปปกร ดูดและโลมเลียมันอย่างนุ่มนวล ก่อนจะย้ายไปดูดอีกข้าง
ขณะที่มืออีกข้างไล้ต่ำยังเนินเนื้ออวบอูม
ชั่วขณะเธอรู้สึกกังวลในใจ จึงร้องปรามเขา
“ยะ ...อย่า อย่าทำแพร”
สิปปกร ชะงักเพียงแค่นั้น และเหมือนจะได้สติ ร่างหนาผละออกห่างจากเธออย่างรวดเร็ว ใบหน้าหล่อเหลากลับมาเรียบเฉยดังเดิม ก่อนจะหยิบผ้าขนหนูผืนใหญ่แล้วโยนมาคลุมร่างเธอ
“ใส่เสื้อผ้าซะ!”
************