“เอาไว้ข้าจะบอกคนวาดรูปส่งไปให้เจ้าก็แล้วกัน คุณชายเหรินคงอายุน้อยกว่าเจ้าเพียงหนึ่งหรือสองปีเท่านั้น รูปงามมิแพ้เจ้าหรอก แต่ดูอ่อนโยนกว่ามิแข็งทื่อเช่นเจ้า รู้จักยิ้มเสียบ้างเสิ่นอวี้” เขายิ้มแต่มันเป็นเหมือนฉีกปากออกมาเสียมากกว่า เพราะยามนี้ในใจใต้เท้าหนุ่มนั้นทุกข์ กับการจากไปของฮูหยินที่ตนพึ่งรู้ว่ารักนางมากเพียงใด “ยามมีมิเห็นค่าสินะถึงได้ทำหน้าเช่นนี้ เอาเถอะอย่างไรอาก็ขอให้เจ้าสมหวังตามหานางให้พบก็แล้วกัน ถึงยามนั้นก็คว้าจับเอาไว้ให้แน่นอย่าได้ปล่อยให้หลุดมือไปอีกเสียล่ะ ข้าต้องรีบไปตามหาฟู่หรงแล้ว” “เช่นนั้นหลานจะไปด้วยขอรับ” “มิไปตามหาฮูหยินเจ้าแล้วหรือ” “ทั้งคู่ต่างก็สำคัญขอรับ หากตามหาไปพร้อมกันก็คงมิยุ่งยากเท่าใดนัก อาจพบทั้งฟู่หรงและจิวซูก็ได้” “หึ! หากง่ายเช่นนั้นข้าคงมิต้องขอความช่วยเหลือจากฝ่าบาทให้ช่วยส่งคนตามหาหรอก เด็กผู้นี้ต่างจากคนทั่วไปมาก เฉลียวฉลาดเอาตัวรอดเก่