ตอนที่ 2 พยายามเพื่อรัก

2102 Words
"ตันตัน มึงตื่นแล้วหรอวะเป็นยังไงบ้างวะมึง?" เสียงแรกที่ผมได้ยินเป็นเหมือนเสียงสวรรค์และผมก็ปรารถนาให้เป็นเสียงของรุ่นพี่สุดหล่อที่ผมแอบชอบ เอ๊ะ! ไม่ใช่ชอบแล้วสิครับตอนนี้ผมกำลังหลงรักรุ่นพี่สุดหล่อเข้าเต็มเปาแม้เวลาผ่านไปไม่กี่ชั่วโมงก่อนเท่านั้น ผมลืมตาขึ้นก็พบกับใบหน้าของไอ้ธีมอย่างที่ไม่ตั้งใจไว้  "อ้าวไอ้ธีม มึงเองเหรอ" ผมสบถอย่างเสียอารมณ์  "แล้วมึงคิดว่าเป็นใครล่ะ?" มันถามผมแบบซื่อ ๆ แต่กลับแฝงน้ำเสียงประชดลึกๆ จนผมสัมผัสได้ แล้วสายตาของมันก็เหลือบไปมองใครคนหนึ่งที่นั่งอยู่ข้างเตียงผมโดยที่ผมไม่รู้ตัวก่อนจะหันกลับมาพูดใส่ผมเป็นประโยค  "อ๋อ… มึงคงคิดว่าเป็นรุ่นพี่หน้าจืดคนนั้นใช่ไหม?" "รุ่นพี่!" ผมอุทานเรียกคนตรงหน้าเสียงดังด้วยความตกใจและรู้สึกเขินเล็กน้อยกับสิ่งที่เพิ่งเกิดขึ้นกับผม  "นายเป็นยังไงบ้าง ดีขึ้นแล้วใช่ไหม ยังไงพี่ก็ต้องขอโทษด้วยนะที่ทำให้นายต้องเป็นลมหมดสติไปแบบนั้น" รุ่นพี่สุดหล่อของผมกล่าวด้วยน้ำเสียงรู้สึกผิดที่แสดงออกทางแววตาจนผมแทบอยากจะคว้าตัวเขาเข้ามากอดเพื่อปลอบขวัญ แหะๆ "ผมไม่เป็นอะไรแล้วล่ะครับพี่อย่าโทษตัวเองเลย ผมเป็นลมล้มไปเองมากกว่า ผมก็ขอบคุณพี่ที่ช่วยพยุงผมมาส่งที่ห้องพยาบาลด้วย" "ไม่ต้องขอบคุณพี่หรอกเรื่องเล็กหน่อยน่ะ นายไม่เป็นอะไรก็ดีแล้ว" รุ่นพี่สุดหล่อของผมพูดด้วยน้ำเสียงที่บอกถึงความดีใจพลางยกฝ่ามือขึ้นมาตบบ่าผมเบาๆ อย่างเป็นกันเอง ยิ่งทำให้ผมรู้สึกดีใจและมีความสุขมากขึ้นกว่าเดิมเป็นร้อยเท่า ความฝันของผมคงจะไม่ไกลเกินเอื้อมเมื่อรุ่นพี่สุดหล่อที่มีทีท่าไม่ได้รังเกียจอะไรผมแต่ไอ้เพื่อนสองตัวของผมก็ยังส่งสายตาพิฆาตมาทางผมอยู่ตลอดเวลาเช่นกันโดยเฉพาะไอ้ธีม หากมันกลืนกินผมได้มันก็คงจะทำไปนานแล้ว ระหว่างที่เรากำลังพูดคุยกันอยู่ก็มีเสียงใครคนหนึ่งดังแทรกเข้ามาในห้องพยาบาล ที่ยังคงมีนักศึกษารายล้อมมุงดูเหตุการณ์ด้านในอย่างไม่ขาดสาย  "ไอ้เชี้ยไรเฟิล มึงมาเป็นฮีโร่อยู่ที่นี่เองหรอวะกูก็อุตส่าห์ตามหามึงไปทั่วมหาลัย" "กูก็ไม่ได้ทำตัวเป็นฮีโร่อะไรเว้ย บังเอิญกูเป็นต้นเหตุทำให้น้องเขาเป็นลมน่ะ กูก็เลยพาน้องเขามาห้องพยาบาลก็เท่านั้น มึงมีอะไรวะไอ้พีช" "พวกกูให้มึงมาหารุ่นน้องปีหนึ่งไปร่วมกิจกรรม มึงหาเจอยังวะพวกกูรอมึงคนเดียวเลยนะเนี่ย" "กูก็กำลังหาอยู่บังเอิญมาเกิดเรื่องขึ้นก่อนก็เลยช่วยน้องเขา ตอนนี้น้องเขาปลอดภัยแล้วกูกำลังจะไปนี่แหละ น้องๆ ไม่มีอะไรแล้วเดี๋ยวพี่ขอตัวก่อนนะ เอ้อ! ตกลงน้องๆ ชื่ออะไรกันบ้างเนี่ย พี่ยังไม่รู้จักชื่อน้องกันเลยเผื่อเป็นรุ่นน้องที่พี่กำลังตามหาอยู่!" จากคำพูดของรุ่นพี่ทั้งสองคนจึงทำให้ผมรู้ว่ารุ่นพี่สุดหล่อของผมชื่อไรเฟิลเป็นนักศึกษาปีสอง มีดีกรีเป็นถึงเดือนคณะ ผมดีใจมากที่ได้มารู้จักกับรุ่นพี่สุดหล่อคนนี้แม้ว่าเพื่อนอีกคนหนึ่งของเขาที่เพิ่งเข้ามาในห้องพยาบาลจะมีหน้าตาที่หล่อไม่แพ้กันแต่ผมก็ไม่ได้สนใจรุ่นพี่คนนั้นเท่ากับพี่ไรเฟิลหรอกเพราะเขาคือที่สุดในหัวใจผมตอนนี้ ละไม่รู้ว่ามันจะเกินไปหรือเปล่ากับคำพูดนี้ ที่มีให้ผู้ชายที่เพิ่งรู้จักกันไม่กี่ชั่วโมง คนอะไรยิ่งมองยิ่งหล่อ ยิ่งใกล้ชิดยิ่งรู้สึกผูกพันก่อนที่ผมจะเพ้อเจ้อไปมากกว่านี้ ผมควรตอบคำถามพี่เขาก่อนใช่ไหมครับ แหะๆ "ผมนิวตัน วิทยา เพื่อนๆ เรียกตันตันครับ ส่วนนี่ธีม กำธรและทางขวามือชื่อเค ธีรพงษ์ครับ ผมกับธีมเรียนวิทยาการคอมพิวเตอร์ ส่วนเคเรียนการเมืองการปกครองครับพี่" ด้วยความตื่นเต้นปนความดีใจของผมจึงเผลอแนะนำเพื่อนๆ อีกสองคนให้รุ่นพี่สุดหล่อได้รู้จักไปพร้อมกันเลย เป็นเหตุให้พี่ไรเฟิลกับเพื่อนของเขาหันมามองผมเป็นตาเดียวและไอ้เพื่อนสองคนก็มีอาการไม่ต่างกัน "ปกติมึงไม่ใช่คนที่พูดจาฉะฉานขนาดนี้นี่หว่าตันตัน" ไอ้เคกล่าว "มึงก็ไม่น่าถามมันหรอกนะว่าเพราะอะไร แสดงออกซะขนาดนี้ใครไม่รู้ก็ปัญญาอ่อนแล้ว" คำพูดของไอ้ธีมที่เสริมขึ้นมันแทงใจดำผมอย่างมาก จึงเป็นเหตุให้อารมณ์ผมปรี๊ดขึ้นทันที หากในปากผมมีปรอทวัดไข้อยู่มันคงแตกใส่ปากผมไปแล้วเพราะอารมณ์ของผมตอนนี้มันขึ้นสุดเกินจะกลั้นอารมณ์ไว้อยู่ ผมลุกขึ้นจากเตียงอย่างรวดเร็วก่อนจะดึงคอเสื้อไอ้ธีมเข้าหาตัวแล้วปล่อยหมัดใส่ปากมันเต็มแรงเพราะไม่คิดเลยว่ามันจะกล้าหักหน้าผมอย่างนี้ "มึงกับกูไม่มีอะไรต้องพูดกันอีก!" คำพูดเพียงประโยคเดียวของผมทำให้ทุกคนในห้องพยาบาลถึงกับอึ้งและงงไปตามๆ กันโดยเฉพาะไอ้คนต้นเหตุแต่ผมต้องรีบออกจากห้องนั้นโดยเร็วก่อนที่ผมจะคั้นคอไอ้ธีมให้ตายคามือ ทางไอ้ธีมก็วิ่งไล่หลังผมมาติดๆ  "ตันตันอย่าวิ่งเร็วแบบนั้นสิเดี๋ยวจะล้มนะ" ผมไม่ฟังเสียงปรามจากมันและเพิ่มแรงออกวิ่งให้เร็วขึ้นแม้จะเร็วขึ้นเพียงเล็กน้อยก็ตาม "ตันตันระวัง!.." โครม!! เสียงมอร์เตอร์ไซค์ล้มดังโครมลั่นบริเวณนั้นโดยมีไอ้ธีมและไอ้เควิ่งเข้ามาช่วยผมตามเคย เป็นเหตุให้ผมต้องนอนโรงพยาบาลเพราะข้อเท้าอักเสบจากการที่ข้อเท้าต้องรับน้ำหนักที่มากเกินไปทั้งยังมาล้มจากการวิ่งชนมอร์เตอร์ไซค์อีก จำเป็นต้องใส่เฝือกอ่อนประคองและต้องพักข้อเท้าสองถึงสามวันเป็นอย่างน้อย คนที่อยู่เฝ้าผมก็ไม่ใช่ใครที่ไหนก็ไอ้ธีมคนเดิม ผมต้องอาศัยมันให้ช่วยดูแลผมตลอดสามวันในสภาวะอารมณ์ที่ยังขุ่นเคืองมันอยู่ในใจ ผมแทบไม่เอ่ยปากกับมันเลยถ้าไม่จำเป็นแต่มันน่ะสิที่ชวนผมคุยโน่นคุยนี่ทั้งขอโทษขอโพยผมตลอดเวลา ผมก็เงียบเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นตลอดสามวันที่มันนอนเฝ้าผมเช่นกัน   จากเหตุการณ์วุ่นวายวันนั้นจึงเป็นเหตุให้ผมกับเพื่อนอีกสองคนไม่ได้มาร่วมกิจกรรมรับน้องของทางมหาวิทยาลัย พวกผมสามคนจึงถูกรุ่นพี่ที่คณะตำหนิมากมาย จากนั้นผมก็ยังคงทำตามเสียงเรียกของหัวใจตัวเองอย่างไม่หยุดหย่อนโดยการสืบหาข้อมูลเกี่ยวกับรุ่นพี่สุดหล่อขวัญใจผมอยู่ตลอดเกือบหนึ่งอาทิตย์ตั้งแต่วันเริ่มเรียน "มึงกำลังจะทำอะไรตันตัน กูเห็นมึงซื้อขนมซื้ออะไรต่ออะไรเอาไปให้รุ่นพี่คนนั้นที่คณะพี่เขาทุกวัน มึงทำไปเพื่ออะไรวะ" เสียงไอ้เคถามขึ้นขณะที่ผมกำลังจัดขนมพร้อมช็อกโกแลตของโปรดรุ่นพี่สุดหล่อลงกล่องเพื่อเตรียมเอาไปให้ช่วงพักตอนกลางวัน  "มึงเป็นเพื่อนกูมาเกือบสิบปีมึงไม่รู้เลยเหรอว่ากูกำลังคิดและรู้สึกอะไรอยู่" "ไอ้รู้กูก็รู้ แต่กูอยากให้มึงคิดถึงผลลัพธ์ที่จะเกิดขึ้นบ้าง นี่มึงเล่นทุ่มใจให้เขาไปหมด ถ้าพี่เขาไม่ได้คิดเหมือนมึงอ่ะ มึงจะเจ็บฝ่ายเดียวนะเว้ย อีกอย่างพี่เขาเป็นถึงเดือนคณะ มึงน่ะดูตัวเองด้วยอย่าลืมนะว่ามึงไม่ใช่ผู้หญิงเขาจะหันมาสนใจมึงมันก็ใช่เรื่องเปล่าวะ ที่กูพูดกูไม่ได้คิดทำลายความฝันของมึงแต่กูก็อยากให้มึงคิดให้ไกล ๆ คิดให้ยาวๆ และอยู่บนพื้นฐานของความเป็นจริง" ผมนั่งฟังมันจนผมแพคกล่องขนมเสร็จเรียบร้อยแต่มันไม่มีท่าทีว่าจะหยุดพูดเลย ผมจึงต้องชำเลืองสายตาขึ้นมองมันเป็นการเตือนครั้งที่หนึ่ง มันก็หยุดพูดตามสัญญาณเตือนนั้นทันที ขณะเดียวกันที่ไอ้ธีมกำลังจะอ้าปากพูดเสริมอะไรบางอย่างต่อจากไอ้เคก็ถูกสายตาของผมมองอีกครั้งมันก็ไม่กล้าพูดอะไรออกมาเช่นกันเพราะมันสองคนคงรู้ว่าผมกำลังจะโกรธ  "ยังไงกูก็ขอบใจพวกมึงสองคนมากนะที่พูดเตือนกูแต่ทุกอย่างก็ขึ้นอยู่กับกูป้ะวะ กูถือคติที่ว่าตื๋อเท่านั้นที่ครองโลก ไม่ว่ายังไงกูจะหาทางทำให้พี่ไรเฟิลสนใจกูให้ได้พวกมึงคอยดู" ผมพูดกับพวกมันด้วยความมั่นใจก่อนจะถือกล่องขนมขึ้นแล้วลุกยืนขึ้นจากเก้าอี้พลางยกนาฬิกาข้อมือขึ้นดูก็ใกล้เที่ยงเต็มที ขณะที่ผมกำลังจะก้าวขาออกจากห้องเรียนไอ้ธีมก็พูดไล่หลังผมอีก "ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นกับมึง ขอให้มึงรู้ไว้เสมอว่ากูยังอยู่ตรงนี้เพื่อมึงนะนิวตัน" เป็นรอบสามปีที่มันเรียกชื่อเล่นจริงๆ ของผมพร้อมทั้งพูดคำพวกนั้นออกมาทำให้ผมเริ่มรู้ได้ว่าไอ้ธีมมันกำลังคิดเกินเลยกับผมแต่ผมก็ไม่ได้สนใจ ทุกครั้งที่ผมนำขนมหรือช็อกโกแลตเอาไปให้รุ่นพี่สุดหล่อของผมไม่มีทีท่าการปฏิเสธจากเขาเลยแม้แต่ครั้งเดียว คำพูดปกติที่เขาใช้พูดกับผมและคนอื่นๆ มันอาจจะดูเหมือนๆ กัน สำหรับผมแล้วมันคือกำลังใจที่ดีที่ทำให้ผมตัดสินใจอะไรบางอย่างต่อไป การตัดสินใจของผมครั้งนี้พลอยให้ไอ้ธีมต้องตัดสินใจตามผมอย่างเลี่ยงไม่ได้ ผมรู้ถึงความต้องการของมันว่าอยากอยู่ใกล้ชิดผม ผมเองก็อยากใกล้ชิดกับรุ่นพี่เช่นกัน เพียงไม่นานผมก็ถูกไอ้เคว่าใส่เป็นชุดอย่างเลี่ยงไม่ได้ สิ่งนั้นไม่ทำให้ผมสะทกสะท้านอะไรเพราะผมได้ทำตามเสียงเรียกร้องของหัวใจตัวเองแล้ว   "มึงคลั่งไอ้รุ่นพี่หน้าจืดขนาดต้องย้ายคณะ ย้ายสาขาเลยเหรอวะ มันมีอิทธิพลกับมึงขนาดนั้นเลยหรอวะตันตัน มึงตั้งใจอยากจะทำงานอยู่ในบริษัทดังๆ เงินเดือนดีๆ แต่พอมึงถูกใจผู้ชายหล่อๆ เข้ามึงก็เปลี่ยนอนาคตของตัวเองอย่างไม่ต้องคิดอะไรมาก นี่เหรอวะไอ้ตันตันที่กูเคยรู้จัก" "นี่แหละตัวกู กูไม่รู้หรอกนะว่าคนอื่นจะคิดยังไงแต่มึงเป็นเพื่อนกู มึงน่าจะเป็นคนที่เข้าใจกูมากที่สุดไม่ใช่มาพูดจาตอกย้ำซ้ำเติมกูแบบนี้ อีกอย่างกูยังไม่ผิดหวังหรือถูกพี่เขาปฏิเสธอะไรนี่หว่า มึงอ่ะเก็บเอาความหวังดีและคำพูดดีๆ ไว้ก่อนเถอะนะค่อยมาพูดตอนที่กูถูกพี่เขาปฏิเสธก่อนก็ยังทัน กูไม่รู้จะพูดอะไรกับมึงละไปก่อนนะเดี๋ยวพี่เค้าจะรอนาน" ผมพูดทิ้งท้ายก่อนจะหยิบถุงพลาสติกใบนั้นเตรียมเอาไปให้รุ่นพี่ที่ผมตั้งใจซื้อให้ในวันเกิดตามที่ไลน์นัดพี่เขาเอาไว้เมื่อช่วงเช้า ที่ต้องนัดพี่เขาแบบนี้เพราะพี่ไรเฟิลเป็นถึงเดือนคณะ ย่อมมีคนอื่นมาจองคิวให้ของขวัญวันเกิดเขาอีกมากมายอยู่แล้ว นับเป็นความโชคดีของผมที่จะได้ให้ของขวัญเขาเป็นคนแรกในมหาลัย แล้วผมก็เดินออกมาจากห้องเรียนโดยมีสายตาของเพื่อนรักทั้งสองคนมองตามอย่างเอือมระอา    
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD