ตอนที่ 3 ปฏิเสธหัวใจ

2642 Words
ผมโยนคำเตือนพวกมันทิ้งไว้ด้านหลังก่อนจะเดินไปยังจุดนัดหมายกับรุ่นพี่สุดหล่อ ผมมาถึงสถานที่นัดหมายก่อนเวลาเกือบสิบนาที วันนี้เป็นวันสำคัญของพี่ไรเฟิลผมเองก็พอได้พูดคุยกับเขาอยู่บ้าง ทุกครั้งที่นำขนมหรือไม่ก็สิ่งของไปฝากเขาในช่วงพักเที่ยงจึงไม่รู้ว่าสิ่งที่พี่ไรเฟิลชอบและอยากได้นั้นคืออะไรผมจึงใช้ความรู้สึกของตัวเองล้วน ๆ กับการตัดสินใจเลือกของที่คิดว่าน่าจะเป็นสิ่งที่ผู้ชายแมนๆ มีเสน่ห์อย่างพี่ไรเฟิลจะชอบ สิ่งนี้พี่เขาสามารถใช้ได้เกือบทุกวันและไม่ว่าพี่เขาจะไปไหนก็จะมีสิ่งๆ นี้ติดตามพี่ไปด้วยเสมอ เปรียบเหมือนผมได้อยู่ใกล้ชิดกับพี่ไรเฟิลตลอดเวลานั่นเอง ผมยืนพิงต้นไม้ใหญ่พลางอมยิ้มให้กับกล่องผ้าสีเทาที่ผมถือในมือ ผ่านไปเกือบ 10 นาทีพี่ไรเฟิลก็ปรากฏตัวขึ้นเดินเข้ามาสถานที่นัดหมาย เขามีสีหน้าไม่ค่อยดีเท่าไหร่แต่ผมก็คิดว่าเขาคงจะหงุดหงิดเรื่องรถติดเมื่อช่วงเช้าอย่างที่ผมรู้สึกเป็นแน่ "สุขสันต์วันคล้ายวันเกิดนะครับพี่ไรเฟิล" ผมกล่าวอวยพรวันเกิดก่อนจะยื่นกล่องผ้าสีเทาให้กับผู้ชายตรงหน้าด้วยความสุขใจ "สุขสันต์วันเกิดนะครับพี่ไรเฟิล ขอให้พี่มีความสุขมากๆ ครับ ของในกล่องนี้อาจจะไม่ได้มีค่าอะไรมากมายแต่ผมคิดว่าพี่น่าจะชอบ มันจะไปกับพี่ทุกที่ ผมหวังว่าพี่จะชอบนะครับ" พี่ไรเฟิลมีสีหน้าเคร่งเครียดขึ้นกว่าเดิมจนผมรู้สึกประหม่า "พี่ไม่ลองเปิดดูก่อนหรอครับว่ามันคืออะไรพี่อาจจะชอบมันก็ได้นะครับ" ไม่มีการตอบรับใดๆ จากรุ่นพี่สุดหล่อที่ผมรอคำตอบอยู่ แต่สีหน้าไม่พอใจจากพี่ไรเฟิลที่เพ่งสายตามองมาที่ผมมันทำให้ผมไม่กล้าจะพูดอะไรต่อ จากรอยยิ้มที่ผมยิ้มให้เขามันเริ่มเลือนหายกลายเป็นสีหน้าวิตกกังวลแทน ผมยืนมองกล่องผ้าสีเทาในมือของเขาอยู่นานด้วยความรู้สึกเกร็งและประหม่าจับใจ "ขอบใจน้องมากนะสำหรับของขวัญกล่องนี้แต่ต่อไปนี้เราไม่ต้องเอาของหรืออะไรมาให้พี่อีกแล้วนะ พี่ว่าจะไม่พูดแล้วนะเพราะพี่ไม่เคยคิดทำร้ายน้ำใจใครมาก่อน น้องไม่ต้องคิดไปไกลกับการที่พี่ยอมรับสิ่งของจากน้อง มันไม่ได้หมายความว่าพี่จะคิดและรู้สึกเหมือนกันกับน้องนะ พี่ขอพูดแค่นี้แหละหวังว่าน้องคงจะเข้าใจทุกอย่างที่พี่พูด ขอบใจมากสำหรับของขวัญชิ้นนี้ ลาก่อน" ผมเหมือนถูกตบหน้าด้วยของแข็งอย่างแรง จนผมแทบจะหายใจไม่ออกหน้าชามือไม้สั่น หากผมจะบอกว่าเหมือนมีใครมาควักเอาหัวใจผมไปก็คงใช่ ผมยืนมองผู้ชายคนที่ผมรักและศรัทธาอยู่เต็มหัวใจด้วยสายตาเศร้าสลดแล้วพี่เขาก็ค่อยๆ เดินจากไปในเส้นทางเดิมที่เดินมา สถานที่แห่งนี้เปรียบเสมือนลานประหารสำหรับผม ที่อาจต้องจบชีวิตภายใต้ต้นไม้ใหญ่ในสวนหย่อมด้านข้างตึกคณะนิเทศศาสตร์เสียให้ได้ ผมหายใจติดขัดไม่มีแรงแม้กระทั่งจะทรงตัวยืนแล้วความว่างเปล่าก็ถาโถมใส่ผมจนดับวูบไป "ไอ้ตันตันมึงเป็นยังไงบ้างวะ" ทันทีที่ผมรู้สึกตัวเสียงที่คุ้นหูก็ดังลั่นจนผมรู้ได้ว่าเสียงนี้เป็นเสียงของไอ้เคเพื่อนรักของผมอย่างแน่นอนแต่ทำไมไม่ใช่เสียงของไอ้ธีมเหมือนเมื่อก่อนล่ะมันไปไหนแล้ว เมื่อผมลืมตาขึ้นก็พบหน้าของไอ้เคจริงๆ ตามเสียงที่ได้ยิน ผมกวาดสายตาไปรอบๆ ก็รู้ว่าน่าจะเป็นโรงพยาบาลเพราะเสาแขวนถุงน้ำเกลือและถุงเลือดถูกตั้งอยู่ข้างๆ เตียงผมไม่ไกล ผมเตรียมจะลุกขึ้นนั่งแต่ก็ถูกไอ้เพื่อนเลิฟเอาแขนมากั้นตัวผมไว้ไม่ให้ลุกขึ้นนั่งอย่างที่ตั้งใจ "มึงจะเอาแขนมากันตัวกูทำไมวะกูจะลุกนั่ง" ผมเหวี่ยงใส่ไอ้เคด้วยความรำคาญ "มึงยังลุกนั่งตอนนี้ไม่ได้เพราะมึงเพิ่งได้รับเลือดใหม่" "เลือดใหม่อะไรวะกูไม่เข้าใจ" ผมถามไอ้เคอย่างสงสัย "ก็เมื่อเช้านี้อาจารย์คณบดีท่านหนึ่งเขาไปเห็นมึงเป็นลมล้มหัวฟาดก้อนหินข้างๆ ต้นไม้ที่มึงไปรอให้ของขวัญวันเกิดรุ่นพี่สุดที่รักของมึงนั่นแหละ พวกเขาเลยพามึงมาที่โรงพยาบาลหมอบอกว่ามึงเสียเลือดมากเลยจะขอรับบริจาคเลือดแต่ก็ถือว่าเป็นความโชคดีของมึงนะที่ไอ้ธีมมีเลือดกรุ๊ปเดียวกับมึง มันเลยขอบริจาคเลือดให้มึงจนมันมีสภาพแบบนั้นน่ะ มึงดูสิเลือดของไอ้ธีมเกือบจะไม่พอให้มึงด้วยซ้ำ" "ผมแทบไม่อยากเชื่อหูตัวเองว่าเพื่อนรักของผมมันจะยอมเสียสละเพื่อผมขนาดนี้ ใบหน้าของมันขาวซีดเหมือนไก่ต้มอย่างไรอย่างนั้น จนผมรู้สึกผิดคิดว่าตัวเองเป็นต้นเหตุที่ทำให้มันต้องมีสภาพนี้ "ธีม!" ผมอุทานเรียกชื่อของมันออกมาเบาๆ ด้วยจิตใจหดหู่ "มันเกิดอะไรขึ้นวะไอ้ตันตัน ทำไมมึงไปเป็นลมหมดสติอะไรตรงนั้นวะหรือว่าไอ้รุ่นพี่หน้าจืดมันทำอะไรมึง" คำถามของไอ้เคมันเสียดแทงใจดำผมเต็มๆ จนภาพเหตุการณ์และคำพูดทุกถ้อยคำกลับเข้ามาในสมองของผมอีกครั้งจนผมอดที่จะหลั่งน้ำตาไม่ได้แต่ไม่ทันที่ไอ้เคจะได้พูดปลอบโยนอะไรผม ผมก็รู้สึกฮึดสู้ขึ้นมาอย่างประหลาด "เมื่อเช้านี้กูคงจะกินข้าวน้อยไปน่ะเลยทำให้เป็นลม มึงไม่ต้องคิดหรอกนะว่ารุ่นพี่ดีๆ อย่างพี่ไรเฟิลจะทำอะไรกูแบบนั้น" ผมบอกมันทั้งที่รู้สึกเจ็บแปลบที่หัวใจ "ก็ขอให้มันจริงเถอะ ไม่ใช่ว่ามึงรักมันจนเห็นผิดเป็นชอบ แม้ตัวเองจะตายก็ยังจะเข้าข้างมันหรอกนะ" ยิ่งมันพูดก็เหมือนเป็นการตอกย้ำความรู้สึกลึกๆ ในใจผม ที่ไม่อาจจะแสดงออกมาได้ ผมยังคงคิดว่าตื๊อเท่านั้นที่ครองโลกแล้วผมก็จะไม่มีวันรามือให้กับความตั้งใจของผมตั้งแต่ต้นหรอก ผมจะทำทุกอย่างเพื่อให้เขาสนใจผมให้ได้พี่ไรเฟิล เมื่อผมมีอาการดีขึ้นจึงเป็นฝ่ายดูแลไอ้ธีมบ้างที่ยังคงนอนหมดสภาพจากการบริจาคเลือดให้ผมจนแทบหมดตัว พอมันได้สติมันก็ถามคำถามเดิมๆ เหมือนไอ้เคถึงเรื่องราวที่เกิดขึ้นวันนั้น ผมก็ปฏิเสธพร้อมบ่ายเบี่ยงมันตลอดเพื่อให้มันสบายใจกับเรื่องนี้ ผมยังบอกกับมันอีกว่าผมจะขอลุยให้ความรักครั้งใหม่ของผมประสบผลสำเร็จให้ได้ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นก็ตาม หลังจากวันนั้นเมื่อมันมีอาการดีขึ้นเราทั้งสามคนก็กลับเข้ามาเรียนเหมือนเดิม ผมก็ยังทำเหมือนเดิมคือการซื้อของไปให้รุ่นพี่สุดหล่อที่ผมหมายตาหมายใจไว้แทบทุกวัน โดยผมจะหาจังหวะที่ปลอดคนหน่อย เพราะผมรู้ว่าเขาต้องปฏิเสธความหวังดีของผมแน่และเพื่อป้องกันไม่ให้ผู้อื่นได้มาฟังคำพูดรุนแรงหยาบคายจากปากของเขาที่ต่อว่าผม การกระทำของพี่ไรเฟิลก็หนักขึ้นเรื่อยๆ จากการต่อว่าด่าทอด้วยคำหยาบคายหลังๆ มาเขาถึงกับแกะกล่องขนมหรือช็อกโกแลตแล้วเอาของพวกนั้นขว้างปาใส่ผมอย่างไม่ใยดี "กูเคยบอกมึงแล้วใช่ไหมว่ากูเกลียดมึง มึงอย่าลืมว่ามึงเป็นใครแล้วกูเป็นใคร ดูสภาพมึงตอนนี้สิผู้หญิงก็ไม่ใช่หมีควายก็ไม่ปาน ทั้งอ้วนทั้งดำ ซุ่มซ่าม ทำอะไรต้วมเตี้ยมอย่างกะเต่า ใส่แว่นหนาเตอะ สิวก็เต็มหน้า สภาพแบบนี้หรอจะให้กูรักมึงฝันไปเถอะ ถ้ามึงอยากให้กูรักมึงจริงๆ นะมึงไปตายแล้วเกิดใหม่แต่กูก็คิดว่าถึงมึงจะตายไปกี่ร้อยชาติแล้วเกิดใหม่อีกกี่ร้อยครั้ง สภาพของมึงก็ไม่ได้ครึ่งพวกเด็กเฟรชชี่ปีหนึ่งหรอก ไปให้พ้นๆ หน้ากู อย่ามาให้กูรำคาญลูกกะตาอีก" "เฮ้ย! มึงก็พูดเกินไปหรือเปล่าวะไอ้ไรเฟิล แม่งมึงพูดอะไรอ่ะมึงเห็นใจน้องเขาบ้าง น้องเขาตั้งใจซื้อมาให้มึงแดกนะเว้ยถึงมึงจะไม่เอาหรือมึงจะไม่ชอบน้องยังไง มึงก็ไม่ควรจะพูดกับเขาแบบนี้ป่าววะ เป็นรุ่นพี่เชี้ยอะไรพูดกับรุ่นน้องแบบนี้" ขณะที่ผมกำลังฟังคำด่าว่าจากรุ่นพี่สุดหล่อจบลงก็มีเสียงของผู้ชายคนหนึ่งดังขึ้นมาทางด้านหลังของผม เมื่อหันไปมองก็รู้ว่าเป็นพี่พีชที่เดินตรงมาหาผมพร้อมกับกอดคอผมอย่างเห็นใจ "น้องไม่ต้องไปสนใจกับคำพูดของมันนะ มันก็อย่างนี้แหละเห็นมีคนสนใจเข้าหน่อยแม่งก็ทำเป็นหยิ่ง ต่อไปถ้าเป็นไปได้พี่อยากให้น้องเลิกสนใจมันว่ะ พี่อ่ะโคตรสงสารน้องเลย" อาการของผมตอนนี้เหมือนเพลงของพี่พั้นช์เลยก็ว่าได้ ( วางมือบนบ่าน้ำตาก็ไหล ) แต่ฝ่ามือนี้กลับไม่ใช่ฝ่ามือของผู้ชายที่ผมรักอย่างรุ่นพี่ที่ยืนเสียอารมณ์อยู่ตรงหน้าแต่ทว่าฝ่ามือนี้มันก็ทำให้ผมอดที่จะหลั่งน้ำตาด้วยความตื้นตันในความเป็นห่วงของพี่พีชไม่ได้ "ไม่เป็นไรครับพี่ ผมชินแล้ว ผมผิดเองที่เกิดมามีสภาพแบบนี้เลยทำให้พี่เขาไม่คิดจะสนใจผม" และก็ไม่น่าเชื่อว่าพี่พีชจะล้วงมือเข้าไปหยิบผ้าเช็ดหน้าในกระเป๋าเสื้อนักศึกษามาเช็ดน้ำตาให้ผมที่กำลังไหลนองแก้มอย่างไม่ตั้งใจ ระหว่างนั้นก็เกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝันขึ้น เมื่อไอ้เควิ่งมาจากไหนไม่รู้มันมาถึงก็ฟาดหมัดใส่ปากพี่พีชอย่างแรงแล้วผลักพี่เขาจนล้มลงไปนอนกับพื้น "พี่ทำอะไรเพื่อนผม" ผมรู้สึกตกใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในขณะที่หูฟังพร้อมกับสายตาที่เห็นเหตุการณ์ทั้งหมดที่ไอ้เคกำลังยืนชี้หน้าด่าพี่พีชอย่างไม่พอใจ "ไอ้เคมึงหยุดก่อน มึงฟังกูก่อนได้ไหมพี่เขาไม่ได้ทำอะไรกูนะ" ผมร้องห้ามมันขณะที่สองมือก็พยายามจะรั้งตัวมันไว้เพื่อป้องกันไม่ให้มันเข้าไปทำร้ายพี่พีชอีก "มันทำมึงขนาดนี้มึงยังจะปกป้องมันอีกหรอไอ้ตันตัน" แล้วความวุ่นวายก็ไม่สิ้นสุดเมื่อรุ่นพี่สุดหล่อของผมรีบวิ่งเข้ามากระโดดฟาดหมัดใส่ปากไอ้เคเป็นการตอบแทนจนทำให้ผมกับไอ้เคต้องล้มลงไปนอนกับพื้นด้วยความแรงของหมัดรุ่นพี่สุดหล่อไปพร้อมกัน "มึงหุบปากไปเลยนะ กูจะบอกอะไรให้เรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับไอ้พีชหรอกนะ มันเกี่ยวที่เพื่อนของมึงมากกว่า ดูสาระรูปตัวมันก่อนสิที่จะให้กูสนใจน่ะ กูว่ากูก็พูดแบบนี้กับเพื่อนมึงมา 2 เดือนแล้วนะ มันก็ยังไม่จำใส่สมองอีก ไอ้กระเทยหมีควาย กูจะสรุปสั้นๆ ให้มึงฟังอีกครั้งนะเผื่อมึงจะได้สำเหนียกและจดจำคำพูดของกูไว้ไปจนวันตาย กูไม่มีทางที่จะรักมึงแน่นอนต่อให้มึงจะทำดีกับกูแค่ไหน กูก็ไม่มีวันเจียดหัวใจไปรักมึงได้หรอก ไปตายซะ ไปไอ้พีชบอกแล้วมึงอย่าแส่เป็นยังไงล่ะ" ผมและไอ้เคตกใจกับคำพูดของรุ่นพี่สุดหล่อที่ผมแอบรักมากว่า 2 เดือน นี่หรือคือสิ่งตอบแทนที่ผมควรได้รับกับความดีที่ผมทำให้เขามาตลอดกว่า 2 เดือนแต่ถึงยังไงผมก็ไม่ยอมหรอก ตื๊อเท่านั้นที่ครองโลกยังดังก้องอยู่ในหัวผมอยู่เสมอและผมจะทำให้ได้ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น จากเหตุการณ์เมื่อ 2 เดือนที่แล้วและวันนี้ก็เข้าสู่เดือนที่ 3 ที่ผมยังคงทำตามหัวใจของตัวเองมาโดยตลอดโดยไม่สนใจคำว่ากล่าวของรุ่นพี่สุดหล่อ ผมก็ยังคงนำสิ่งของหรือขนมที่เขาชอบนำไปให้พี่ไรเฟิลแบบทุกวันอย่างไม่คิดถอดใจ วันนี้ทำไมมันดูผิดปกติกว่าเดิม พี่ไรเฟิลมีท่าทีดีกับผมจนน่าใจหายแล้วเขาก็บอกกับผมว่าให้ผมไปรอเขาใต้อาคารคณะให้ได้เพราะเขามีอะไรจะบอกผมรับรองว่าผมต้องดีใจมากแน่นอน เมื่อผมได้ยินเช่นนั้นก็รู้สึกดีใจและมีความหวังขึ้นมาเต็มหัวใจ ผมไม่รีรอรีบไปยังสถานที่ที่พี่เขาบอกทันที ทุกอย่างดูเป็นปกติดีอย่างไม่น่าเชื่อจนกระทั่งผมยื่นกล่องขนมใส่มือพี่เขา จังหวะนั้นก็มีบรรดานักศึกษากว่าร้อยชีวิตที่เดินออกมาจากมุมต่างๆ บริเวณนั้นมายืนมองรายล้อมเราสองคนเป็นตาเดียว "ฟังพี่ให้ดีนะวันนี้พี่จะพูดครั้งเดียวเป็นครั้งสุดท้าย พี่มีแฟนแล้วและไม่มีวันที่จะปันใจไปให้คนอื่นได้นอกจากผู้หญิงคนที่พี่รัก เขาเป็นน้องปีหนึ่งที่ทั้งน่ารัก สดใสร่าเริง เห็นแล้วชุ่มชื่นหัวใจกว่าการเหลือบสายตามองน้องเป็นร้อยเท่า เมื่อน้องรู้แบบนี้แล้วขอให้น้องเข้าใจ หยุดการกระทำทุกอย่างที่เคยทำให้พี่ พี่ต้องขอบใจในความหวังดีกับสิ่งของต่างๆ ที่น้องเคยมอบให้แต่พี่อยากให้น้องทบทวนถึงตัวเองให้ดีก่อนว่าเราสองคนมีอะไรที่คู่ควรกันหรือเปล่า พี่ต้องขอโทษที่ต้องพูดตรงๆ เพราะที่ผ่านมาน้องไม่เคยฟังอะไรพี่เลย พี่ขอพูดอีกประโยคหนึ่งว่า ไปตายซะเพราะยังไงพี่ไม่มีวันมีใจไปรักน้องหรอก หมีควายอย่างน้องก็ควรจะอยู่ในป่าที่มีแต่สัตว์ประเภทเดียวกัน จะมารักหรือมาให้คนเดินดินอย่างพี่ไปสนใจมันคงเป็นไปไม่ได้ ขอโทษด้วยนะ ลาก่อนหมีควาย" ผมแทบขาดใจเมื่อได้ยินคำพูดเหล่านั้นจากปากผู้ชายคนที่ผมรักมากที่สุดในชีวิต มันเกิดอะไรขึ้นเสียงบรรดานักศึกษาชายหญิงต่างส่งเสียงหัวเราะเยาะเย้ยผมด้วยความสนุกสนานจนผมอยากจะแทรกแผ่นดินหนีตรงนั้น น้ำตาที่หลั่งไหลจากดวงตาของผมมันยิ่งพรั่งพรูรินไหลเป็นทางอย่างไม่เคยเป็นมาก่อนและอาการเดิมๆของผมก็เกิดขึ้น เมื่อผมรู้สึกหายใจไม่ออกแล้วเป็นลมล้มลงไปใต้อาคารนั้นทันที
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD