ความฝันและความต้องการของผมไม่อาจจะเกิดขึ้นได้ถ้าปราศจากความช่วยเหลือจากอาจารย์คณบดีท่านนั้นที่ผมได้เปิดใจคุยกับท่านเมื่อสามเดือนก่อน
บรรยากาศเดิมๆ สถานที่เดิมๆ ภายในมหาวิทยาลัยชื่อดัง ที่ผมย่างก้าวลงจากรถยนต์สปอร์ตสุดหรูบริเวณด้านหน้าตึกคณะนิเทศศาสตร์ ทันทีที่ผมก้าวขาลงจากรถแล้วปิดประตูรถยนต์ของตนเองต่างก็มีกลุ่มนักศึกษาทั้งชายหญิงส่งเสียงกรี๊ดกร๊าดชื่นชมตัวผมไม่ขาดสาย พวกเขาพากันซุบซิบนินทากันว่าผมเป็นใคร มาทำอะไร ทำไมถึงได้หล่ออะไรขนาดนี้ เมื่อผมได้ฟังเช่นนั้นจึงรู้ผลที่จะเกิดขึ้นในอนาคตอันใกล้นี้เลยว่าความฝันของผมต้องประสบผลสำเร็จอย่างแน่นอน หลังจากที่ผมปิดประตูรถยนต์สปอร์ตสุดหรูแล้วก็มีชายชุดดำที่นั่งซ้อนมอเตอร์ไบค์คันใหญ่ลงมาเปิดประตูด้านคนขับของรถสปอร์ตสุดหรูของผมแล้วขับออกไปยังลานจอดรถแทนผม
เมื่อทุกอย่างเรียบร้อยดีผมจึงก้าวขาขึ้นตึกคณะนิเทศศาสตร์ไปโดยไม่ลืมที่จะยิ้มทักทายกลุ่มนักศึกษาทั้งชายหญิงเหล่านั้นอย่างมีไมตรีจิตก่อนจะเดินตรงไปยังห้องคณบดีเพื่อติดต่อเรื่องการกลับมาเรียนอีกครั้งของผมซึ่งผมได้ให้อาจารย์คณบดีท่านนั้นที่ทำงานฝ่ายกิจการนักศึกษาได้พูดคุยกับอาจารย์คณบดีของคณะนิเทศศาสตร์ไว้ล่วงหน้าว่าผมจะกลับมาเรียนอีกครั้งในฐานะนักศึกษาใหม่ที่ย้ายมาจากมหาวิทยาลัยอื่นพร้อมทั้งเปลี่ยนชื่อนามสกุลและข้อมูลใหม่ทั้งหมด ผมก็เข้าไปติดต่อและทำธุระเกี่ยวกับการลงทะเบียนการเรียนต่อเนื่องโดยที่ไม่มีใครทราบมาก่อนว่าผมได้ทำงานส่งอาจารย์แต่ละวิชาตามปกติเช่นนักศึกษาคนอื่นๆ ในระหว่างที่ผมหายไปตลอดระยะเวลาสามเดือนที่ผ่านมา
ก่อนที่ผมจะก้าวเข้ามาในมหาวิทยาลัยอีกครั้งผมก็ไม่ลืมที่จะติดต่อเพื่อนรักของผมอย่างไอ้ธีมและไอ้เคไว้ล่วงหน้าและบอกแผนการของผมแก่มันทั้งสองคนให้รู้เรื่องโดยที่ไอ้ธีม มักจะพูดเตือนสติผมอยู่ตลอดว่าสิ่งที่ผมทำมันไม่ถูกต้องแต่ผมก็อธิบายถึงเหตุผลและวัตถุประสงค์ของผมที่จะทำตามสิ่งที่ต้องการให้มันฟังมันจึงพยายามทำความเข้าใจกับสิ่งที่ผมทำและมันสองคนก็ให้ความร่วมมือที่ดีแก่ผมที่จะทำให้ผมกลายเป็นนักศึกษาที่พึ่งย้ายมาจากมหาวิทยาลัยอื่นตามที่คนอื่นเข้าใจนั่นเองแต่หลังนอกเวลาเรียนผมก็จะติดต่อพูดคุยกับพวกมันอยู่ตลอดเพื่อไม่ให้ขาดการสื่อสารจนผมได้ข้อมูลจากกลุ่มนักศึกษาหลายๆ กลุ่มที่มีปฏิกิริยาต่อผมว่าพวกเขาอยากทำความรู้จักและที่สำคัญก็มีรุ่นพี่ทั้งชายและหญิงหลายคนต่างต้องการเข้ามาจีบผม นั่นก็แปลว่าความฝันของผมใกล้จะเป็นจริงเข้ามาทีละน้อยๆ แล้วแต่บุคคลสำคัญที่ผมอยากให้เขาสนใจผมมากกว่าคนอื่นนั่นก็คือพี่ไรเฟิล ราชภูมิเพราะที่ผมเปลี่ยนแปลงตัวเองในครั้งนี้ก็เพื่อเขาคนเดียวเท่านั้นและต้องเขาคนเดียวเท่านั้นที่จะได้รับผลจากการกระทำของตัวเองจนไม่มีวันลืมไปตลอดชีวิต
ผมยังเรียนอยู่ห้องเดิมเก้าอี้ตัวเดิมซึ่งนั่งอยู่ระหว่างไอ้ธีมและไอ้เคตามปกติโดยที่มันสองคนก็เล่นละครสมบทบาทตามที่ผมได้วางแผนไว้ ที่สำคัญไม่มีใครสงสัยเลยด้วยซ้ำว่าทำไมผมต้องมานั่งที่เก้าอี้ตัวเดียวกับตันตันเพื่อนรักของสองคนนี้ที่เพิ่งลาออกไปเมื่อสามเดือนก่อน
"ธีมเคได้เพื่อนใหม่คงจะลืมหมีควายได้แล้วนะ" ระหว่างที่เราทั้งสามคนกำลังพูดคุยแนะนำตัวและเล่าเรื่องราวชีวิตสู่กันฟังอยู่นั้น ก็มีเสียงหนึ่งดังแทรกขึ้นมาระหว่างการสนทนาของพวกเราส่วนผมก็อดที่จะมองคนที่พูดตาขวางเสียไม่ได้แต่ผมก็ทำสีหน้าได้เพียงสงสัยและเชิงตกใจเล็กน้อยเท่านั้นแต่ไม่วายที่ไอ้เคตะคอกใส่เพื่อนคนนั้นจนหน้าถอดสี
"กูบอกมึงตรงๆ เลยนะถ้ามึงยังปากดีแบบนี้อีกจะหาว่ากูไม่เตือน ปากของมึงอ่ะควรมีไว้แดกข้าวเปล่าวะ ไม่ใช่มาพูดจาแบบนี้ใส่เพื่อนของกู เพื่อนกูเป็นคนไม่ใช่หมีควายเข้าใจไว้ด้วย" ผมได้ยินแบบนี้ก็รู้สึกดีใจและภูมิใจที่มีเพื่อนดีอย่างมันสองคนที่ไม่เคยว่าร้ายอะไรผมเลย ถึงรูปร่างของผมจะไม่สมบูรณ์เหมือนกับพวกมันหรือคนอื่นๆ มันก็ยังคงรักผมและคอยดูแลผมเสมอมาแม้กระทั่งช่วงเวลาที่ผมไปเปลี่ยนแปลงตัวเองที่ประเทศเกาหลีก็ตามแต่เพื่อให้เหตุการณ์มันสมจริงผมจึงเอ่ยถามไอ้คนที่ปากดีที่เรียกผมว่าหมีควาย
"เอ่อ..เราขอโทษนะคนที่นายเรียกเขาว่าหมีควายเนี่ย เขาไปทำอะไรนายเหรอเราสงสัยน่ะ” หลังจากที่มันได้ฟังคำถามจากผมมันมีอาการอ้ำอึ้งเล็กน้อย ก่อนจะตอบคำถามผม
"ก็เปล่านะแค่เห็นคนอื่นเรียกเราก็เลยเรียกตามน่ะ จะว่าไปรูปร่างมันเหมือนหมีควายจริงๆ นะถ้านายเห็นคงก็คิดเหมือนกับเรานี่แหละ" ยิ่งผมได้ฟังคำอธิบายจากมันผมก็รู้สึกไม่ค่อยพอใจขึ้นมาจนเกือบจะควบคุมอารมณ์ไม่ได้แต่ก็ตีเนียนต่อไป
"เราเห็นแล้วล่ะเคเอารูปของตันตันให้เราดูเมื่อกี้ เขาก็ไม่ได้น่าเกลียดอะไรนะแค่มีรูปร่างอ้วนใหญ่ผิวดำใส่แว่นตาหนาๆ ก็แค่นั้นเอง เรากลับคิดว่าเขาน่าเห็นใจมากกว่าถูกคนอื่นประณามหรือถูกล้อเลียนนะเพราะคนเราทุกคนมันเลือกเกิดไม่ได้เรื่องนี้เรารู้ดี" จากการเสนอความคิดเห็นของผมส่งผลให้ไอ้ธีมและไอ้เคหันมามองหน้าผมเป็นตาเดียวอย่างเข้าใจแต่ไม่วายที่เพื่อนร่วมห้องปากดีคนนั้นจะเสนอความคิดเห็นอย่างไม่เป็นท่า
"นายก็ต้องรู้ดีอยู่แล้วเพราะนายมีอะไรหลายๆ อย่างที่ต่างจากมันมากจนเปรียบกันไม่ได้ ถึงมันจะเลือกเกิดได้ก็คงมีสภาพไม่ต่างจากที่มันเป็นในปัจจุบันเท่าไหร่หรอกพูดแล้วก็ขำ...ฮ่าๆๆ" เสียงหัวเราะของมันสร้างความเจ็บใจให้ผมมากผมจึงส่งสัญญาณให้ไอ้เคจัดการมันจนร่วงเก้าอี้อย่างไม่คาดฝันและไม่มีคนสงสารมันด้วย มันจึงต้องรีบลุกขึ้นจากพื้นห้องแล้วเก็บข้าวของที่ตกเกลื่อนพื้นอย่างอับอายแล้ววิ่งออกไปจากห้องเรียนอย่างเร่งรีบแต่มันต้องล้มหงายหลังเพราะวิ่งไปชนกลุ่มรุ่นพี่ทั้งชายหญิงกว่าสิบคนที่ต่างถือของเข้ามาภายในห้องเรียนของผมและเดินตรงมาทางผมจนผมรู้สึกหวาดระแวงลึกๆ เพราะเกรงว่าจะไม่ปลอดภัย
"พี่ให้ครับ...พี่ให้ค่ะ...น้องต้องเก็บไว้ดีๆ นะพี่ตั้งใจซื้อให้น้องเลยนะครับ...ใช่ๆ จ้าน้องชื่ออะไรคะพวกพี่เห็นน้องครั้งแรกก็ปิ๊งเลยจ้า...ทางที่ดีพี่ว่าน้องอย่าไปสนใจชะนีเลยครับสนใจพี่คนเดียวดีกว่าครับน้องน่ารักมากๆ เลย...แกจะพูดแบบนี้ก็ไม่ถูกนะยะฉันเป็นคนบอกแกนะ สนใจพี่ดีกว่าจ้ะ อิ อิ" ผมต้องนั่งอ้าปากค้างกับคำพูดของพี่ๆ ที่ต่างแย่งความสนใจจากผมไปมาอย่างน่ารักเชิงเล่นๆ กัน ผมก็เอื้อมมือไปรับของจากพี่ๆ แล้วไม่ลืมที่ผมต้องยกมือขอบคุณพวกเขาอย่างจริงใจกับทุกคนไม่มีข้อยกเว้น
"อย่าแย่งกันเลยครับพี่ๆ ผมรู้สึกดีใจนะครับที่พี่ให้ความสนใจผมแบบนี้ไม่ว่าพี่คนไหนมาก่อนหรือมาหลัง ทุกคนล้วนมีความสำคัญกับผมหมดครับ ผมขอบคุณสำหรับของที่นำมาให้ผมนะครับ ผมชื่อกรรณรส เรียกสั้นๆ ว่ากันก็ได้ครับ" ผมกล่าวทักทายพี่ๆ พร้อมกับขอบคุณกับสิ่งของที่เขานำมาให้อย่างสุภาพนอบน้อมที่มีความต่างจากรุ่นพี่สุดหล่อของผมที่เคยทำกับเหล่าแฟนคลับของเขา หลังจากที่พี่ๆ กลุ่มนั้นเดินออกไปจากห้องเรียนก็มีทั้งรุ่นพี่และรุ่นน้องกลุ่มอื่นๆ เข้ามาทำความรู้จักกับผมอย่างไม่หยุดหย่อนตลอดทั้งบ่ายเพราะในช่วงบ่ายวันนั้นเป็นช่วงที่ผมและเพื่อนๆ ว่างพอดี
ไม่รู้ว่าข่าวที่ผมเข้ามาในมหาลัยมันโด่งดังไปอย่างรวดเร็วได้อย่างไร เพียงไม่กี่ชั่วโมงที่ผมก้าวเข้ามาในมหาลัยก็เป็นที่รู้จักของกลุ่มนักศึกษามากมายกว่าพันคน เมื่อหมดชั่วโมงเรียนช่วงบ่ายผมก็ลงจากตึกคณะนิเทศศาสตร์ตามปกติพร้อมกับไอ้ธีมและไอ้เคในฐานะเพื่อนใหม่ตามบทที่มันได้รับ ผมและเพื่อนรักอีกสองคนต้องรู้สึกตกใจอย่างหนักเพราะด้านล่างของตึกคณะนิเทศต่างมีกลุ่มนักศึกษามายืนห้อมล้อมทางลงตึกเป็นพันคนจนผมรู้สึกตกใจจนทำอะไรไม่ถูกและสิ่งไม่คาดฝันก็เกิดขึ้นเมื่อพวกเขาตะโกนส่งเสียงร้องเรียกชื่อผมพร้อมกันเป็นจังหวะดังประสานหน้าตึกนิเทศศาสตร์
"น้องกัน...น้องกัน...น้องกัน.." จากเสียงประสานเรียกชื่อผมของพวกเขายังไม่พอทั้งยังมีป้ายไฟและป้ายตัวอักษรที่สะกดเป็นคำว่า กัน ทั้งภาษาไทยและภาษาอังกฤษกว่าร้อยป้าย นี่มันเกิดอะไรขึ้นกับชีวิตของผมละเนี่ย ตกลงผมเป็นนักศึกษาหรือเป็นซุปเปอร์สตาร์กันแน่ ความรู้สึกสับสนและรู้สึกตกใจและดีใจมันเกิดขึ้นแทบจะพร้อมกันหมด ถึงผมจะมีอาการอะไรเกิดขึ้นกับตัวเองตอนนี้มันก็ไม่สำคัญเท่ากับผมต้องมีสปิริตและสวมบทบาทนักศึกษาหน้าใหม่เฟรชชี่ที่มีความฮอตดึงดูดความสนใจจากทุกคนให้ดีและเหมาะสมที่สุด ผมก้าวขาลงบันไดทีละขั้นๆ อย่างภูมิใจ กับการตอบรับที่ดีเกินคาด กลุ่มนักศึกษาทั้งสองฝั่งบริเวณทางลงพวกเขาต่างส่งเสียงเชียร์ผมเป็นระยะและบริเวณด้านล่างอีกด้วย โทรศัพท์มือถือนับพันเครื่องต่างถูกยกขึ้นถ่ายรูปและวิดีโอผมอย่างไม่ขาดสาย ผมเดินไปรับสิ่งของ ดอกไม้ ขนม ช็อกโกแลตและอีกหลายๆ อย่างที่พวกเขามีน้ำใจยื่นให้ผมแต่ด้วยความที่มีคนจำนวนมากและผมเพียงคนเดียวจึงไม่สามารถที่จะรับสิ่งของเหล่านั้นได้หมด เพื่อนรักทั้งสองคนก็รู้หน้าที่ มันสองคนรีบวิ่งเข้ามาช่วยผมถือของในมือจ้าละหวั่นพร้อมทั้งยังมีเพื่อนอีกหลายคนในห้องเดียวกันก็เข้ามาช่วยกันถือของที่ได้รับจากกลุ่มนักศึกษากว่าพันชีวิต ผมรู้สึกดีใจและมีความสุขมากกับปรากฏการณ์ครั้งยิ่งใหญ่นี้ ที่ทุกคนให้ความสนใจผมเป็นอย่างดีผมก็ไม่ลืมขอบคุณพวกเขาพร้อมกับกล่าวทักทายและเซลฟี่ร่วมกับพวกเขาถึงแม้จะไม่ทุกคนก็ตามแต่พวกเขาก็คือคนสำคัญของผม ในขณะเดียวกันสายตาของผมก็เหลือบไปเห็นรุ่นพี่สุดหล่อของผมยืนมองผมอยู่อีกฝั่งหนึ่งของทางเดินลงตึกคณะนิเทศด้วยสายตาสงสัยแต่แฝงความไม่พอใจจนผมสัมผัสได้
เมื่อผมเห็นเหตุอาการเหล่านั้นของพี่ไรเฟิล ผมก็รู้สึกดีใจและคิดว่ามันคงใกล้ถึงเวลาทวงคืนศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ของผมแล้ว ผมก็ยิ่งทำท่าทางมีความสุขจนดูออกหน้าออกตาเพื่อยั่วยุให้อีกฝ่ายรู้สึกโกรธและไม่พอใจ คราวนี้แหละอยากจะรู้เหมือนกันว่าเดือนคณะอย่างพี่จะมาสู้ความฮอตของผมได้ยังไง แค่คิดก็สะใจแล้ว บทเรียนของพี่ครั้งนี้ราคาแพงมากพี่ไรเฟิล หึๆ