ตอนที่ 6 วาสนายังไม่สิ้น

1511 Words
"นางค่อย ๆ พยุงเขามานั่ง มีดสั้นยังปักอยู่ที่หลังแขนด้านขวาอยู่ เขาหันไปและดึงออกมาทันทีและทิ้งมีดนั้นไป มือของเขาค่อย ๆ กุมแผลเอาไว้เลือดเริ่มไหลไม่หยุด ชุนหลันหันมาและใช้ผ้าเช็ดหน้าของนางเดินเข้ามาทันที “เลือดพระองค์ออกไม่หยุด ใช้ผ้านี้พันแผลเอาไว้ก่อนนะเพคะ” “เจ้าไม่บาดเจ็บใช่หรือไม่” “ไม่เพคะหม่อมฉันปลอดภัยดี” “คุณหนู!!” “จินถิงเจ้าไม่เป็นไรนะ” “ข้าไม่เป็นไร ท่านปลอดภัยหรือไม่เจ้าคะคนร้ายถูกจับหมดแล้ว” “ข้าไม่เป็นไรแต่ว่าท่านอ๋อง…” ชุนหลันหันไปมองเขาที่หันมามองอีกครั้ง นางไม่คุ้นเคยกับสายตาเช่นนี้ของเขาเอาเสียเลยสู้ให้เขาทำเย็นชาเช่นเดิมจะดีกว่าเหตุใดต้องเข้ามาเกี่ยวข้องกันอีก “เสร็จแล้วเพคะ” “ขอบใจ เจ้านั่งรอข้าอยู่ตรงนี้ก่อน” “เอ่อ…” เขาลุกขึ้นทันทีแม้ว่าชุดสีขาวยังมีเลือดอยู่ประปรายแต่ตอนนี้เขาเดินเข้าไปสั่งการ คนร้ายที่เหลืออีกสี่คนถูกจับมานั่งรวมกันตรงหน้า “เสิ่นกงเจ้าพามันไปขังในคุกก่อนข้าจะสอบสวนมันด้วยตัวเอง” “พ่ะย่ะค่ะ” “พระองค์ได้รับบาดเจ็บรีบกลับไปทำแผลก่อนเถอะพ่ะย่ะค่ะ” “อืม คุ้มกันให้เข้มงวดก่อนที่ข้าจะไปสอบสวน ห้ามให้พวกมันตายเป็นอันขาด” ""พ่ะย่ะค่ะ"" เมื่อเขาหันไปก็ไม่พบเล่อชุนหลันแล้ว นางคงเดินออกไปช่วงที่เขาหันไปสั่งเสิ่นกงกับเสิ่นปา คิดไม่ถึงว่าจะพบนางที่นี่ “เล่อชุนหลัน…” เขาค่อย ๆ หันไปมองผ้าเช็ดหน้าที่ปักลายดอกโบตั๋นของนางที่ใช้พันแผลก่อนจะเดินออกมาจากโรงน้ำชาและกลับตำหนักทันทีเพื่อไปทำแผล จินถิงและชุนหลันที่ยังนั่งสั่นอยู่บนรถม้าก็เริ่มกลัวขึ้นมา “คุณหนูเจ้าคะ” “เรื่องนี้ห้ามบอกท่านพ่อท่านแม่เด็ดขาดนะ” “เจ้าค่ะ” เมื่อกลับถึงจวนทั้งชุนหลันและจินถิงต่างก็อยู่แต่ในห้องเงียบ ๆ นางไม่รู้เลยว่าตอนนี้ท่านอ๋องจะทำแผลแล้วหรือยังแต่ก็คงไม่ต้องห่วงเขามากเพราะบาดแผลเพียงแค่นั้นคงจะทำอะไรเขาไม่ได้ “เพราะข้าออกจากจวนงั้นหรือเหตุการณ์ถึงได้เปลี่ยนไป สุดท้ายก็ต้องเจอเขาจนได้แต่หากงานเลี้ยงคืนนี้ข้าไม่ไป เหตุการณ์น่าอึดอัดนั่นก็คงไม่เกิดขึ้นคราวนี้คงไม่มีเหตุการณ์นั้นแล้ว” วันถัดมา นางเดินออกมากินข้าวพร้อมกับฮูหยินแต่บิดาของนางเข้าวังไปตั้งแต่ช่วงเช้าแล้วเพราะราชการสำคัญ ส่วนพี่ชายก็มานั่งกินข้าวพร้อมกันก่อนจะออกไปทำงาน “อะไรนะเจ้าคะ ท่านอ๋องมิได้ไปร่วมงานเลี้ยงหรือเจ้าคะ” “ใช่แล้วล่ะเห็นว่าติดภารกิจด่วนนอกเมืองต้องไปทำ มีเพียงท่านราชครูเว่ยเท่านั้นที่ไปร่วมงาน” “ที่จริงท่านอ๋องไม่ไปก็ดีเช่นกันพวกขุนนางแก่ ๆ ในนั้นเอาแต่พูดเรื่องอภิเษกของพระองค์จนน่าอึดอัด นี่น้องรองเจ้าไม่เห็นหน้าคู่ปรับของเจ้าเมื่อคืน น่าสงสารมากเลยล่ะ” “คู่ปรับข้า… พี่ใหญ่ท่านกำลังพูดถึงลี่จินเซียน” “ก็ใช่น่ะสิจะใครเสียอีกเล่าไม่คุยแล้วท่านแม่ข้าไปก่อนนะขอรับเดี๋ยวจะสาย ไปนะหลันเอ๋อร์” แม้ว่าจะอยากถามต่อแต่นางก็ไม่ทันได้ถาม มารดาของนางจึงได้หันมาและเล่าให้ฟัง “ท่านแม่ เมื่อคืนนี้มันเกิดอะไรขึ้นหรือเจ้าคะ” “ก็เมื่อคืนนี้ท่านโหวลี่จางหย่งพาบุตรีไปหมายจะเปิดตัวอย่างยิ่งใหญ่น่ะสิ ที่สำคัญเจ้าไม่ไปงานนี้ด้วยก็เลยคิดว่าบุตรสาวจะได้โดดเด่นซึ่งนั่นก็จริงเพราะบุตรสกุลลี่เก่งทั้งการดีดพิณและยังงดงามตามวัยแต่เสียดาย นางอยากพบท่านอ๋องแต่เมื่อคืนนี้พระองค์มิได้เสด็จไป” “ไม่ไปงั้นหรือเจ้าคะหรือว่า...” “ใช่ นี่หลันเอ๋อร์ได้ข่าวหรือไม่เห็นบอกว่าเมื่อวานนี้มีการจับคนร้ายในตลาดที่หอจินเซ่อ เป็นคนต่างแคว้นเห็นว่าทำท่านอ๋องบาดเจ็บแม่จึงคิดว่าสาเหตุที่พระองค์มิได้เสด็จไปที่งานเลี้ยงเมื่อคืนคงเพราะเหตุนี้ด้วย” “ลูก…ก็ไม่ทราบเจ้าค่ะ แต่ก็ได้ยินข่าวอยู่เช่นกันแต่ว่าทำไมวันนี้ท่านพ่อเข้าวังแต่เช้าจนไม่รอพี่ใหญ่เล่าเจ้าคะ” “เห็นว่าไปหารือเรื่องชายแดนกับมีรายงานด่วนมาจากเมืองหลวงน่ะ” “อ้อ..” จากเหตุการณ์เมื่อวานก็ทำให้เล่อชุนหลันไม่กล้าออกจากจวนอีก นางไม่นึกอยากจะเสี่ยงอันตรายสักเท่าไหร่แต่คิดไม่ถึงว่าเพียงแค่เหตุการณ์เดียวที่เกิดขึ้นเมื่อวานนี้จะเปลี่ยนแปลงเรื่องราวที่เกิดขึ้นไป ห้องทรงงานท่านอ๋อง “อะไรนะพ่ะย่ะค่ะ เช่นนั้นแสดงว่า…” “เสนาบดีเล่อ ท่านอย่าได้ตกใจไปที่ข้าจะบอกก็คือนางช่วยข้าไว้มิได้ทำให้ข้าบาดเจ็บ” “แต่ว่า!! เหตุใดหลันเอ๋อร์จึงไปอยู่ที่นั่นและถูกคนร้ายจับตัวได้” “นางแค่ไปดูละครตามปกติ แต่โชคไม่ดีที่คนร้ายกลับจับตัวพวกนางเอาไว้ คิดไม่ถึงว่านางจะเอาตัวรอดได้ดีท่านสอนบุตรได้ดีมากทีเดียว” “แต่พระองค์ทรงบาดเจ็บ” “บาดแผลเล็กน้อยที่ข้าเรียกท่านเข้าวังมาแต่เช้าเพราะอยากจะปรึกษาท่านในเรื่องนี้” ท่านอ๋องยื่นกล่องใส่ราชโองการสีเหลืองทองด้านในให้เสนาบดีเล่อดู เขาค่อย ๆ หยิบออกมา “นี่คือ…” “ราชโองการของเสด็จพ่อที่ส่งมาให้ ข้ายังไม่เปิดเผยที่เรียกท่านมาในวันนี้ก็เพื่อจะหารือเรื่องการแต่งตั้งพระชายา” “พระชายา!! หรือว่านี่จะเป็น พระราชโองการสมรสหรือพ่ะย่ะค่ะ” “ท่านเข้าใจถูกต้องแล้ว ข้าเพียงอยากจะถามให้แน่ใจว่า ข้าหมายถึงบุตรสาวของท่านจะยินดีหมั้นหมายกับข้าหรือไม่” “เรื่องนี้…” หากเป็นก่อนหน้านี้เขาคงไม่ลังเลที่จะทูลท่านอ๋องว่าบุตรสาวของเขาเฝ้ารอราชโองการนี้มานานหนักหนา แต่บัดนี้เขากลับไม่แน่ใจเพราะท่าทีของบุตรสาวในช่วงสองสามวันนี้แปลกไปอย่างชัดเจน “ท่านไม่จำเป็นต้องคิดมาก ที่ข้าให้ดูเพราะให้ท่านรับรู้เอาไว้เพียงเท่านั้นและไม่ต้องไปเร่งรัดนางเพราะข้าเองก็ไม่ได้รีบร้อนตราบใดที่…” ไม่ทันที่ท่านอ๋องจะทรงได้ตรัสอะไรเสิ่นกงก็เดินเข้ามาในห้องและคำนับให้ทั้งคู่ “มีอะไร” “ทูลท่านอ๋อง ใต้เท้าลี่จางหย่งมาขอเข้าเฝ้าพ่ะย่ะค่ะ” “ลี่จางหย่ง หึ คิดเอาไว้ไม่มีผิดเวลานี้สินะ รู้แล้วเจ้าบอกให้เขารออยู่ด้านนอกก่อนข้ายังคุยกับเสนาบดีเล่อยังไม่เสร็จ” “พ่ะย่ะค่ะ” “ใต้เท้าเล่อ เรื่องนี้… ข้าหวังว่าท่านจะเก็บเป็นความลับก่อนอย่าพึ่งบอกผู้ใด” “กระหม่อมทราบแล้วพ่ะย่ะค่ะ ส่วนบุตรสาวของกระหม่อมเอาไว้หากมีโอกาส...” “อ้อ เรื่องนั้นให้ข้าจัดการเองเถอะ ยังมีอีกหลายเรื่องที่ข้าต้องค่อย ๆ คุยกับนาง” “เช่นนั้นกระหม่อมทูลลาพ่ะย่ะค่ะ” เสนาบดีเล่อเดินออกไป เขาสวนกับ “ลี่จางหย่ง” ท่านโหวที่กินตำแหน่งขุนนางขั้นที่สองเพราะน้องสาวเป็นพระสนมของฝ่าบาทและวันนี้เขาก็พาบุตรสาวมาด้วย “เล่ออันจ้าน” เพียงแค่ทักทายกับพวกเขาเท่านั้นและรีบออกมา “ใต้เท้าลี่ เชิญขอรับ” ทั้งสองพ่อลูกเดินเข้าไปในห้องทรงงาน ท่านอ๋องที่กำลังเก็บราชโองการอยู่หันมามองผู้ที่พึ่งเดินเข้ามา ซึ่งเข้าใจว่าลี่จางหย่งมาเพียงคนเดียวแต่วันนี้เขากลับพาบุตรสาวของเขามาด้วยซึ่งเมื่อวานนี้ไม่ได้มีโอกาสพบกับนางในงานเลี้ยงเพราะเขาไม่ได้ไปร่วม “กระหม่อมลี่จางหย่งถวายบังคมท่านอ๋อง” “หม่อมฉันลี่จินเซียนถวายบังคมท่านอ๋องเพคะ” “ลุกขึ้นแล้วค่อยพูดเถอะ” เมื่อทั้งสองลุกขึ้นและยืนขึ้นท่านอ๋องก็มองไปยังท่านโหวผู้ละโมบผู้นี้ ในสายตาของเขามันบ่งบอกว่าต้องการตำแหน่งเสนาบดีที่ว่างลงอยู่หนึ่งตำแหน่งและที่พาบุตรสาวมาในวันนี้ก็คงไม่พ้นที่อยากจะพานางเข้าวังซึ่งในเมืองเหลียงโจวนี้ผู้คนต่างก็รู้ดีว่านอกจากเล่อชุนหลันที่งดงามและมีความรู้ความสามารถและเป็นสตรีอันดับหนึ่งแล้ว รองลงมาก็คือ “ลี่จินเซียน” “ลี่จางหย่งท่านมาหาข้าแต่เช้ามีเรื่องอะไรด่วนงั้นหรือ”
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD