บทที่ 5 มีข้าอยู่ใครก็ทำอะไรเจ้าไม่ได้

1506 Words
เสียงปึงปังหน้าประตูดังขึ้นทำให้ชุยชิงชิงที่เก็บกวาดห้องด้านบนอยู่ต้องลงมาดูว่าเกิดอะไรขึ้น ส่วนจื่อเถาเองก็มองหน้าประตู รับรู้แล้วว่าสตรีร้ายกาจผู้นี้ต้องการให้เด็กสองคนนี้เป็นเครื่องระบายความโกรธของนาง จื่อเถาไม่ยอมให้เป็นอย่างนั้นแน่อย่างไรเมื่อช่วยแล้วก็ต้องช่วยเด็กสองคนนี้ให้สุดกำลัง แต่ดูเหมือนว่ามารดาของนางเป็นกังวลใจไม่น้อย “จะดีหรือลูก” ชุยชิงชิงทำสีหน้าลำบากใจ หากไปยุ่งเรื่องบ้านผู้อื่นจะกลายมาเป็นเรื่องนินทาเสียหายหรือเปล่า “ท่านแม่วางใจเถอะ” จื่อเถาให้เด็กทั้งสองไปแอบอยู่หลังมารดาส่วนตนเองจะไปจัดการกับสตรีใจร้ายผู้นั้น แอ๊ด!!!! เสียงประตูบานเฟี้ยมแกะสลักเมฆมงคลเปิดออกแล้วพบว่าสตรีจิตใจอำมหิตยื่นอยู่ด้านหน้า ใบหน้าบวมปูดก็อดขำไม่ได้ แต่ก็พยายามกลั้นเอาไว้ พร้อมบอกด้วยท่าทีห่วงใยเล็กน้อย “ข้าว่าท่านไปหาหมอดีหรือไม่” จื่อเถาแนะนำด้วยความหวังดี คงเพราะท่านลุงลู่จื้อสิ้นความอดทนกับคนชั่วช้าเช่นนางแล้วกระมัง ถึงลงไม้ลงมือ อีกอย่างปากนางก็ดีแต่กล่าววาจาหยาบคาย สมควรโดนสั่งสอน ‘สมควรแล้วที่ต้องโดนสั่งสอน’ “นางเด็กสามหาว เจ้าหลบไปเอาลูกข้าคืนมา” เจินหนิงโหวกเหวกจนลู่จื้อได้ยิน จึงออกมาจัดการกับสตรีชั่วผู้นี้อีกครั้ง “เจ้ายังไม่ไปอีกรึ อย่างไรเจ้าก็ไม่ใช่ภรรยาข้าแล้ว หากเจ้ายังขืนระรานไปทั่ว ข้าจะไปแจ้งทางการ” ลู่จื้อแม้ศึกษามาน้อย แต่ก็พอรู้กฎหมายครัวเรือนอยู่บ้าง เรื่องการปลดภรรยา พรุ่งนี้เขาจะเอาหนังสือไปให้นายอำเภอประทับตราอีกที วันนี้ส่งหนังสือให้นางไปก่อน เพื่อให้นางพ้นหูพ้นตา และปกป้องเด็ก ๆ อีกด้วย เขาปล่อยให้นางทำร้ายลูกของเขามามากพอแล้ว เขาจะไม่ยอมให้เกิดขึ้นอีก “นี่เจ้า...ตระกูลข้าอยู่อานฮุย เจ้าจะให้ข้านอนที่ใด แล้วอีกอย่างเด็กสองคนนั่นก็ลูกข้า จะทำอันใดก็เรื่องของข้า” เด็กทั้งสองได้ยินมารดากล่าวเช่นนั้นก็ร้องไห้กระจองอแงทันที เพราะพวกเขาไม่อยากอยู่กับมารดาใจร้าย พวกเขาอยากอยู่กับบิดา “ลูกข้า ข้าเลี้ยงเอง เจ้าไม่คู่ควรหากเจ้ายังขืนวุ่นวายก็จงไปนอนในคุก เจ้ารู้หรือไม่ทำร้ายผู้อื่นไม่มีความผิดโทษสถานใด” นอกจากคู่สามีภรรยาที่ลงไม้ลงมือสั่งสอนได้ หากบุตรไม่ได้ทำความผิดลงโทษมั่วซั่วหากแจ้งทางการก็เอาผิดได้เช่นกัน ต่อให้เรื่องนี้จะอ้างว่าต้องการสั่งสอน แต่ก็ต้องดูตามเหตุและผล ไม่อย่างนั้นจะมีสำนักยุติธรรมไว้ทำสิ่งใด “เจ้า...เจ้าต้องการให้ข้าเหนื่อยจนตายใช่หรือไม่ ข้าจะเอาพวกเขาไปใช้แรงงาน” “เจ้าแน่ใจนะว่าจะไม่ขายพวกเขาเป็นทาส” จื่อเถาทนฟังไม่ได้ สตรีผู้นี้อาจจะมีแผนบางอย่างชั่วร้าย การขายบุตรเป็นทาสมีเกลื่อนถนนในยุคนี้ หากเจ้าหนูน้อยไปตกระกำลำบากจะเป็นเช่นไร “เจ้า!” เจินหนิงไม่คิดว่านังเด็กหญิงผู้นี้จะรู้เท่าทันความคิดของนาง นางตั้งใจจะเอาลูกไปขู่สามีหากไม่คืนดีกับนางจะขายพวกเขาเสีย แต่กลับโดนเด็กปากไม่สิ้นกลิ่นน้ำนมดักคอเสียได้ “เจ้า...คิดจะขายลูกข้ารึ” ลู่จื้อกำหมัดแน่นเดินตรงไปกระชากนางให้ออกไปเสีย “ไปให้พ้นจากหน้าข้า หากเจ้าไม่อยากตาย” เจินหนิงรู้สึกหวาดกลัวสามีในตอนนี้นัก นางไม่เคยเห็นเขาโกรธนางเพียงนี้เลย วันนี้เขาถึงกับขู่ฆ่า นางไม่อยากตายอยากมีชีวิตอยู่ เงินที่เขาให้ติดตัวมายี่สิบตำลึงเงิน นางต้องเก็บไว้เดินทางกลับบ้านเกิด ‘จบสิ้นแล้ว นางจบสิ้นแล้ว’ สตรีที่เป็นม่ายล้วนเป็นที่รังเกียจทั้งนั้น เพราะหากไม่ชั่วช้าจริง ๆ สามีก็คงไม่หย่าร้างง่าย ๆ แต่นี่นางทำผิดนัก คิดแล้วก็เสียใจที่ตัวเองดันร้ายกาจคิดว่าสามีรักเอาใจ “ลู่จื้อ...เจ้าไม่เห็นแก่ความรักของเราหน่อยหรือ” เสียงขอร้องสั่นเครือนั้นหากใครไม่รู้ก็คงสงสารนางไปแล้ว แต่คนทั่วไปเห็นแล้วก็เมินเฉย นางสมควรโดนแล้วคิดทำร้ายเด็กไม่มีความผิดแค่นี้ยังน้อยไป “ข้าให้โอกาสเจ้ามานานแล้ว ต่อไปนี้อย่าหาว่าข้าใจร้าย” ลู่จื้อตัดเป็นตัด ไม่คิดหวนกลับทำให้จื่อเถาแอบยกนิ้วให้ในใจ ‘จิตใจเข้มแข็งมาก’ สุดท้ายสุดจะทัดทาน เจินหนิงก็เดินจากไป เพราะนางพูดแต่เรื่องโม่เฉียวจนสามีไม่ทนนางอีกต่อไป เขาย่อมปกป้องบุตรชายของตนก่อนที่บุตรชายจะเจ็บป่วยเพราะแม่ใจร้าย “เจ้าสองคนออกมาได้แล้ว ต่อไปก็ช่วยพ่อเจ้าทำงานดี ๆ เล่า” จื่อเถาเห็นเจ้าหนูน้อยทั้งสองโผล่แค่หน้ามามองเมื่อไม่เห็นมารดาเขาสองคนก็เบาใจ “ต่อไปนี้เราจะไม่มีท่านแม่ชอบตีคนแล้ว” ลู่หลงกล่าวขึ้นปลอบใจน้องชาย ลู่จื้อขอบใจสองแม่ลูกที่ช่วยตนดูแลบุตรชาย แล้วก็ขอบอกขอบใจกันอยู่พักใหญ่ เมื่อซักถามได้ความแล้วพบว่าเป็นเพื่อนบ้านกันลู่จื้อจึงกลับไปเอาซาลาเปามาให้เป็นของขวัญวันย้ายบ้าน ชีวิตจะได้มีแต่โชคเพราะความหมายของมันคือ ‘ห่อโชค’ ต่อไปการค้าจะได้ราบรื่นมีโชคด้านการค้า จื่อเถารับด้วยความเต็มใจ หลังจากแยกย้ายกับบ้านสองแฝด นางจึงเข้าไปช่วยท่านแม่ปัดกวาดเช็ดถู แล้วก็ต้องออกไปซื้อเครื่องนอนกันอีกด้วย เพราะด้านบนมีแต่เตียงทั้งสองห้องแต่เครื่องนอนยังไม่มี “ท่านแม่เจ้าคะ ไปดูด้านหลังเป็นอย่างไรบ้างเจ้าคะ” “ห้องสุขา ห้องอาบน้ำดีอยู่ลูก เพียงตักน้ำเข้ามาก็ได้แล้ว” จื่อเถาได้ยินดังนั้นก็เบาใจ นางเช็ดถูด้านบนเสร็จพอดี เห็นพื้นที่ในร้านก็เตรียมคิดให้คนมาทำเตาให้ตรงด้านหน้าจะได้ทำเต้าหู้ทอดขายกับน้ำจิ้มรสเด็ด ส่วนหลังบ้านก็ทำเป็นที่ทำเต้าหู้ ขายทั้งทอดและขายทั้งเป็นชิ้นอย่างไรก็ขายได้อยู่แล้ว “ท่านแม่เจ้าคะ ไปซื้อเครื่องนอนกับไปร้านทำโต๊ะทำตู้กันเถอะเจ้าค่ะ ข้าจะเปิดร้านขายเต้าหู้ยังขาดโต๊ะอีกเจ้าค่ะ ท่านแม่จะขายน้ำชาด้วยก็ได้นะเจ้าคะ” นางมองไปรอบ ๆ ฝั่งนี้ไม่มีร้านนั่งทานมากนัก ซื้อของกินก็เดินกิน หากมีร้านนางนั่งทานก็ดีไม่น้อย แล้วนางจะทำนมถั่วเหลืองหอม ๆ ให้คนที่นี่ได้ชิมกันด้วย ทั้งอร่อยทั้งมีประโยชน์เช่นนี้ใครบ้างไม่ทานกัน “ได้แม่ไปอาบน้ำเปลี่ยนชุดก่อน เจ้าก็ด้วยเนื้อตัวมอมแมม” ชุยชิงชิงต่อให้ไม่ใช่ฮูหยินตระกูลฟู่เฉียนแล้ว นางก็อยากใช้ชีวิตให้ดี การไปข้างนอกต่อให้เป็นสตรีหย่าร้างแล้วอย่างไร การได้ยืนได้ด้วยตัวเองต่างหากที่เป็นเรื่องน่ายกย่อง “เจ้าค่ะท่านแม่” หลังจากจื่อเถาและชุยชิงชิงอาบน้ำ ก็เดินถือตะกร้าออกไปด้วยกันแล้วไม่ลืมหยิบถุงตำลึงมาด้วย ห้าร้อยตำลึงทองก็เป็นเงินไม่ได้น้อย ใช้อย่างประหยัดก็อยู่ได้สบายไปจนตาย แต่ทว่าลูกสาวพูดถึงเรื่องอยากทำการค้า นางก็ไม่ขัดใจเพียงแต่ลูกสาวนั้นจะทำเต้าหู้ได้จริง ๆ หรือ นางยังไม่มั่นใจนัก ขณะที่ท่านแม่ของจื่อเถาเดินไปด้านหน้า นางเดินตามรั้งท้ายรู้สึกเย็นวาบที่ฝ่ามือก็รู้สึกประหลาดใจ นางถูมือไปมาชั่วครู่ แล้วก็แบมือออก พบเมฆมงคลภาพเดียวกับหน้าประตูร้านของนางลอยวนอยู่บนฝ่ามือน้อย ๆ ของตน ภายในมีห้วงมิติที่สามารถเข้าไปอยู่ได้ มีบ่อน้ำพุเล็ก ๆ ที่ในมโนสำนึกของนางรับรู้ได้เองโดยอัตโนมัติว่านี่คือน้ำพุวิเศษ แล้วพื้นที่รอบ ๆ ก็เป็นพื้นที่ปลูกผักและผลไม้หลายอย่าง จื่อเถามองเห็นเหมือนชั้นวางที่เก็บผลผลิตแล้วก็ตกใจ “นั่นน้อยหน่า กับทับทิม โอ้โหลูกใหญ่มาก” นางอุทานเบา ๆ แล้วก็กะพริบตาไปมาไม่อยากเชื่อภาพที่เห็น แล้วเอามือเข้าไปในแขนเสื้อแล้วเอามืออีกข้างล้วงเข้าไป “อุ้ย....!”
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD