3.21 pm.
"มึงกูนัดช่างแล้วจริงๆ มึงต้องไปกับกูนะอลิซ!"
"แล้วทำไมมาบอกตอนนี้ล่ะ วันนี้กูต้องกลับไปกินข้าวกับที่บ้านนะ"
"ขออาทิตย์นึงไม่ได้เหรอ น่านะผัวกูก็ไม่อยู่กูไปคนเดียวกูก็กลัว"
"แล้วมึงจะอยากสักทำไมนัก"
ฉันถอนหายใจออกมาอย่างหงุดหงิดหลังทีน่าเอาแต่รบเร้าฉันให้ไปร้านสักอะไรนั่นด้วยไม่หยุด ปกติไปกี่ครั้งกี่ครั้งผัวก็พาไปตลอด แล้วทำไมครั้งนี้มายุ่งยากฉันได้
"ก็มันต้องเติมลายแบบต่อเนื่องอ่ะ ถ้ากูไม่ไปตามนัดมีหวังกูได้ถูกเลื่อนไปอีกเป็นเดือนแน่นะๆไปกับกูหน่อยนามิก็ตกลงไปแล้ว"
"นามิก็ไปเหรอ?"
"อืม ขี้เกียจฟังมันพูดน่ะเลยตกลงไป"
นามิถอดแอร์พอตมาตอบฉันจนฉันถอนหายใจออกมาอีกครั้ง ขนาดนามิที่ติดผัวยังต้องยอมไปด้วยฉันที่ไม่มีผัวกับเพื่อนจะไปอ้างอะไรได้ล่ะ
"ให้ตาย แล้วมันน่ากลัวอะไรนักหนาไปไม่รู้กี่ครั้งละ"
"ถึงจะไปบ่อยแต่กูก็ไม่ชินโว้ย ถ้าไม่ติดว่าผัวกูรู้จักกับพี่เขากูก็ไม่กล้าไปสักหรอก"
"เขาน่ากลัวเหรอ?"
ด้วยความสงสัยมันเลยทำให้ฉันอดถามไม่ได้
"ก็...ไม่รู้ว่ะบรรยากาศรอบตัวช่างมันดูกดดันตลอดการสักเลย"
"แต่ลายสักสวยนะ"
นามิที่นั่งเงียบอยู่นานเอ่ยขึ้น ก่อนจะเอื้อมมือไปดึงเสื้อนักศึกษาของทีน่าขึ้นโชว์รอยสักที่ยังไม่เสร็จดีที่ตรงสีข้างของเธอ รอยสักรูปดอกกุหลาบที่ขยับขยายเกาะเกี่ยวไปกับดาบมันก็ดูสวยจริงๆนั่นแหละ ดูแล้วงานนี้คงจะประณีตไม่น้อย
"แล้วไม่เจ็บเหรอ เขามียาชาให้ป่ะ?"
"ช่างคนนี้ไม่ให้ทายาชา"
"ฮะ?"
ทั้งฉันและนามิต่างร้องขึ้นด้วยความประหลาดใจ ก่อนทีน่าจะถอดเสื้อนักศึกษาตัวเองออกเพื่อไปสวมเสื้อตัวใหม่เตรียมตัวที่จะไปสักในอีกไม่กี่ชั่วโมงข้างหน้านี้ แต่ไม่ให้โป๊ะยาชาเนี่ยนะ?
"ร้านเขาถ้ารับความเจ็บไม่ได้ก็ไม่รับอ่ะ เพราะเขากลัวลายเขาเคลื่อนเวลาทายาชามันจะสักไม่ลง"
"แล้วมึงไม่เจ็บเหรอ?"
"ถามแปลก มันเจ็บสิวะแต่ก็ไม่ใช่ว่าเขาไม่ให้ยาอะไรเลยเขามีแบบสเปรย์ฉีดให้มันเย็นพอลงเข็มก็เลยพอทนได้"
"แต่ก็ยังไปสักนะ"
"กูชอบความเจ็บปวดอ่ะ แต่พี่ช่างเขาชมกูด้วยนะว่าอดทนเก่งมากไม่ร้องเลยแต่จะให้กูร้องได้ไงเวลาหันมองเห็นสายตาช่างกูก็ไม่กล้าปริปากอะไรแล้ว"
ฉันหัวเราะออกมาเบาๆ ก่อนจะเท้าคางไปกับพนักโซฟา
"พูดซะอยากเห็นหน้าช่างเลย"
"หล่อมากค่ะ มึงเห็นแล้วอย่าไปหลงรักเขาก็พอ"
"ชีวิตกูเห็นคนหล่อมาจนชินตา"
"กูไม่เถียงนะเพราะแฝดมันอีกสองคนคือหล่อจริง"
นามิหันมายิ้มให้ฉันจนฉันส่ายหน้าไปมาอย่างเอือมระอา ยัยนี่มันแฟนคลับฝาแฝดฉันจริงๆเลยนะ
"อาคินก็หล่อนิสัยยังกะเทวดา ส่วนองศาก็หล่อขี้เล่น แต่ใดๆคือทุกคนรวย"
"พอๆ เลิกเพ้อได้แล้ว"
"มันคงเบื่อจริงๆล่ะไปไหนใครก็ให้ติดต่อฝาแฝดให้"
"เบื่อสิ" ฉันเบะปากนิดๆ ก่อนจะซบใบหน้าลงบนแขนตัวเองอย่างเซ็งๆ "กูเบื่อจริงๆนะช่วงนี้"
"หาแฟนสิ"
ทีน่าหันมาบอกหลังเธอเดินออกมาจากห้องแต่งตัวของเธอ
"ง่ายซะที่ไหน"
"ไม่แปลกหรอก คนอย่างอลิซสเปกสูงเฉียดฟ้า"
"สเปกสูงไม่พออายุยังสูงอีก"
"เออ สเปกอายุมากกว่าตัวเองสิบปีเนี่ยนะมันจะไปเหลืออะไรเขามีเมียกันหมดแล้ว"
"กูก็บอกแล้วไงว่าไม่ชอบแล้ว จะไม่ชอบแล้วคนอายุเยอะกว่าน่ะ"
"นางโดนมาเยอะฮ่าๆ"
"เดี๋ยวเถอะทีน่าเดี๋ยวกูงอนกลับบ้านซะเลยหนิ"
"หยอกๆ คนอย่างอลิซอ่ะใครมันจะกล้าปฏิเสธวะถ้าเพื่อนกูอยากได้อ่ะเนาะนามิ"
"อ่าฮะ"
"เกลียดพวกมึงว่ะ"
"ป่ะๆ เจ๊พร้อมโดนแทงล่ะ"
ฉันขยับลุกขึ้นยืนพร้อมกับหยิบกระเป๋าใบละเกือบล้านของตัวเองขึ้นมาถือ พวกเราสามคนเดินออกจากห้องของทีน่า และเธอเป็นคนเดียวที่อยู่บ้านเพราะพ่อกับแม่สร้างไว้ให้ ส่วนฉันกับนามิเราอยู่คอนโดกัน พ่อแม่ฉันไม่ชอบอยู่ในเมืองน่ะท่านว่ามันไม่สบายการเดินทางก็ลำบาก...ก็นะมันก็เป็นเรื่องธรรมดาของในเมืองแหละ เพราะคนเยอะเรื่องราวมันก็เยอะเป็นธรรมดา
5.11 pm.
"เข้าไปกันก่อนนะเดี๋ยวโทรบอกพ่อก่อน"
"เคๆ รีบตามมาล่ะ"
"อืม"
ฉันพยักหน้าให้เพื่อนอีกสองคนที่เดินเข้าไปในร้านสักที่ออกแบบค่อนข้างจะดูดีเลย ซอยนี้ฉันไม่ค่อยได้มานะ เพราะว่ามันเป็นแหล่งอโคจรแบบเต็มรูปแบบ ที่นี่เป็นศูนย์รวมของร้านเหล้า และร้านอาหารที่หากินได้ง่ายเด็กมหาลัยจึงมาเดินกันเยอะ ตอนเย็นก็เป็นถนนคนเดินส่วนตอนค่ำก็เป็นถนนโลกีย์..เพราะงั้นฉันเลยไม่มายังไงล่ะ
"ฮัลโหลพ่อคะ"
(อืม ว่าไงเจ้าหญิงของพ่อ)
"โถ่ อลิซก็บอกอยู่ว่าอย่าเรียกแบบนี้"
(หึ ไม่ต้องเขินหรอกน่าแล้วนี่มาแล้วเหรอจะมาพร้อมองศาเหมือนเดิมไหม?)
"วันนี้อลิซไม่ได้กลับนะคะพ่อ พอดีเพื่อนรบเร้าให้มาทำธุระด้วยน่ะค่ะ"
(เหรอ โอเคงั้นก็ผ่อนคลายกับเพื่อนเถอะนะ)
"ขอโทษนะคะพ่อ"
(ไม่เป็นไร เดี๋ยวอาทิตย์หน้าค่อยมาก็ได้พ่อไม่โกรธหรอกแต่แม่ไม่แน่)
"โถ่ ยังไงก็ฝากบอกแม่ด้วยนะคะ"
(ได้ครับ)
"ค่ะ คิดถึงนะคะคนแก่ทั้งสอง"
(น่าตีจริงๆลูกคนนี้)
ฉันยิ้มออกมาอย่างขำๆหลังวางสายจากพ่อ ก่อนจะเก็บโทรศัพท์ไว้ในกระเป๋าและเงยหน้ามองร้านสักสองชั้นตรงหน้า ทุกอย่างถูกออกแบบให้เป็นสีขาวดำและด้านหน้าที่มีโลโก้ของร้านที่ถูกออกแบบมาอย่างเป็นเอกลักษณ์ใครผ่านมาผ่านไปสามารถหยุดถ่ายรูปได้เลย เพราะงั้นการออกแบบแบบนี้ฉลาดเลยทีเดียว เพราะการอัพรูปของคนสมัยนี้สามารถทำให้ร้านเป็นที่รู้จักได้ง่ายๆผ่านการเช็กอิน
"ความคิดดีมาก"
เจ้าของร้านนอกจากจะสักลายสวยเป็นเอกลักษณ์แล้วยังฉลาดเรื่องการทำการตลาดด้วยนะ ฉันคิดพลางเดินเข้าไปในร้านก่อนจะมองไปทั่วทั้งชั้นหนึ่งของร้านที่มีพนักงานประจำเคาน์เตอร์รอต้อนรับอยู่
"สวัสดีครับสนใจสักลายใช่ไหมครับ?"
ฉันมองพนักงานต้อนรับตรงหน้าก่อนจะหรี่ตานิดๆ เพราะเธอหล่อมากทั้งผมสีเงินและการแต่งตัวสไตล์เกาหลีทำให้ดูออกยากเลยว่าเป็นผู้หญิง...เธอเป็นทอมที่สมบูรณ์แบบ
"ไม่ค่ะฉันมาหาเพื่อน เพื่อนมาสักน่ะค่ะ"
"อ่อ ถ้าคุณทีน่าเธอเพิ่งขึ้นไปเตรียมตัวสักที่ชั้นสองนะครับ"
"ค่ะ"
ฉันพยักหน้า และเดินขึ้นบันไดแคบๆมาบนชั้นสองแต่กลับต้องชะงักเพราะมันมีห้องอยู่สองห้อง...เขาคิดว่าฉันรู้เหรอถึงไม่ได้บอกอ่ะ แล้วข้างบนมันค่อนข้างมืดเอาเรื่องเลยนะ
"ไม่เปิดไฟหน่อยเหรอ?"
ขณะที่บ่นฉันก็เดินไปที่ห้องทางขวามือ เพราะดูแล้วห้องสักจะต้องอยู่ทางนี้น่ะนะ ประตูห้องก็มีลวดลายกว่าห้องทางซ้ายด้วยแหละ
แกร๊ง!
"อ๊ะ!?"
ดวงตาฉันเบิกกว้างมองเข้าไปด้านในด้วยความตกใจ เพราะทันทีที่เปิดประตูออกก็เผยให้เห็นคนที่กำลังยืนเปลือยท่อนบนอยู่ด้านใน และเขาเองก็คงจะตกใจไม่น้อยไปกว่าฉัน แต่ทันทีที่เจ้าของร่างกายที่เต็มไปด้วยมัดกล้ามสุดเร้าใจตรงหน้าหันมามองฉันฉันกลับยกมือขึ้นปิดปากด้วยหัวใจที่กำลังเต้นแรง
ร่างกายที่เต็มไปด้วยมัดกล้ามเป็นผลของการออกกำลังกายอย่างหนัก แต่ถึงอย่างนั้นมันกลับดูเซ็กซี่สุดๆ เพราะผิวสีแทนของเขา นี่ยังไม่รวมรอยสักที่ลากยาวตั้งแต่ไหล่ลงมาจนถึงข้อมือทั้งสองข้างของเขา มันเป็นรอยสักที่ถูกออกแบบมาอย่างดีจนเขากับเขาราวกับเกิดมาก็มีมาแต่เกิด มันไม่ได้ดูน่าเกลียดแถมยังส่งให้เขาดูดีซะจนฉันเผลอกลืนน้ำลายทั้งที่ยังไม่ได้เห็นหน้า
"คุณเข้าห้องผิดนะ"
"อ๊ะ อ่อขอโทษค่ะนึกว่านี่คือห้องสัก"
"เปล่า นี่ห้องนอนผม"
ครั้งนี้ฉันได้มองเห็นหน้าเขาแบบชัดๆเลยล่ะ คนตรงหน้าสวมเสื้อกล้ามและเลิกคิ้วมองฉันที่ยังคงยืนมองหน้าเขาอยู่ด้วยความสงสัย
"ห้องสักด้านหลังครับ"
"ค่ะ ขอโทษจริงๆนะคะ"
"หน้าไม่คุ้นนะครับ มากับเพื่อนเหรอ?"
"ค่ะ มากับทีน่า"
"อ่อ งั้นฝากบอกเธอด้วยนะครับว่าผมกำลังไปบอกเธอนอนรอเลย"
"ค่ะ"
แม้แต่เสียงที่ทุ้มต่ำสุดเซ็กซี่นั้นยังเข้ากับเขา ฉันหันหลังเดินมาที่หน้าห้องสักแต่ก็อดจะหันไปมองเข้าไปในห้องของช่างสักอีกครั้งไม่ได้ หน้าเขาหล่อมากนะดูก็รู้ว่าต้องเป็นลูกครึ่ง ทั้งดวงตาเรียวดุดัน คิ้วดก จมูกโด่งเป็นสันรับกับริมฝีปากน่าจูบนั้น..
ทำไงดีเขาโดนใจฉันสุดๆไปเลย!
2 ชั่วโมงผ่านไป
"เดี๋ยวเหลือลงสีอีกหนึ่งรอบนะ เดี๋ยวให้โบนัสลงนัดให้"
"โอเคค่ะ"
"งั้นเดี๋ยวเฮียขอถ่ายรูปรอยสักหน่อยนะ เจอกันที่สตูที่เดิม"
"ค่ะ"
ร่างสูงที่กำลังนั่งถอดถุงมือยางสีดำออกทำเอาฉันละสายตาไม่ได้ ไม่สิจริงๆแล้วฉันไม่ได้ละสายตาจากเขาเลยตั้งแต่เขาเริ่มสัก และตอนนี้ฉันได้รู้แล้วว่าเขาชื่อทศแต่ทุกคนเรียกเขาเฮียทศหมด แล้วก็นะเวลาเขาตั้งใจสักสายตาเขามันโคตรจะเร้าใจเลยเอาจริงๆ
"อลิซ...อีอลิซ!"
"อ๊ะ!?" ดวงตาฉันเบิกกว้างหลุดจากภวังค์ ก่อนจะหันมองนามิที่กำลังสะกิดฉันอยู่ "อะไร?"
"มึงจะไม่ลงไปรึไง?"
"ไม่ลงได้เหรอ?"
"เอ้าอีนี่ อีทีน่ามันสักเสร็จแล้ว"
ฉันลุกขึ้นเดินตามแรงดึงของนามิแม้สายตาจะยังคงหันมองเฮียทศที่กำลังนั่งเก็บอุปกรณ์การสักของเขาอยู่ เขาเงยหน้ามามองฉันก่อนจะพยักหน้าให้เมื่อเห็นว่าฉันยังเอาแต่มองอยู่ ฉันจึงใช้โอกาสนี้ที่รอมานานขยับริมฝีปากระบายยิ้มให้เขา และทุกคนล้วนยกให้รอยยิ้มนี้ของฉันเป็นรอยยิ้มพิฆาตที่ไม่ว่าใครโดนฉันยิ้มใส่ก็จะ..
พรึบ
เอ๋...ฉันขมวดคิ้วมองเฮียทศที่ขยับลุกเดินเอาของไปเก็บหน้าตาเฉยอย่างไม่เชื่อสายตา จนตัวเองต้องหันมาเดินลงบันไดอย่างหน้าเสีย อะไรกันเมื่อกี้เขาต้องเห็นสิว่าฉันกำลังยิ้มให้แต่เขากลับเมินเนี่ยนะ?
เมินกันได้ซึ่งๆหน้าเลยอ่ะ!
"มึงชอบช่างสักนั่นใช่ไหม?"
ฉันหันมามองหน้านามิขณะที่มันกำลังหรี่ตามองฉันอย่างจับผิด หลังจากเราออกมานั่งรอแถวประตูทางเข้าของร้าน
"อะไร?"
"อย่ามาตอแหลนะ กูเห็นมึงเอาแต่นั่งมองหน้าช่างเป็นชั่วโมง!"
"กูทำแบบนั้นเหรอ?"
"เออสิ มึงจ้องเขาปานจะกลืนกินขนาดนั้นใครจะดูไม่ออกบ้าง!"
"พูดขนาดนี้แล้วกูจะปฏิเสธยังไงล่ะเนี่ย"
"แล้วบอกจะไม่ชอบคนแก่แล้วนะคนเรา"
"เขาแก่เหรอ?"
"มึงเอาแต่มองหน้าเขาจนไม่ดูใบประกอบการร้านเนาะ"
"อายุเท่าไหร่?"
"สามสิบเอ็ด"
"หูย เอาไรมาแก่นี่เขาเรียกว่าวัยแด๊ดดี้.."
"สติ"
"กูว่าจะไปขอไลน์เขา"
นามิเบิกตามองฉันอย่างไม่เชื่อสายตา ขณะที่ทีน่าเพิ่งเดินออกมาจากสตูของร้านด้วยความสงสัย
"เสร็จแล้วเหรอ?"
"เออ แล้วเป็นไรกันทำไมนามิมันทำหน้าตกใจขนาดนั้น"
"ก็อีอลิซน่ะสิ!"
พรึบ
นามิที่กำลังจะฟ้องเรื่องของฉันกับทีน่าหุบปากทันทีเมื่อเฮียทศเดินตามออกมาจากสตู ฉันจึงเดินไปด้านหน้าและยิ้มให้เขาแต่ครั้งนี้เหมือนเขาจะยิ้มฉันตอบนะ เฮียทศกำลังยิ้มให้ฉันจริงๆ!
ครืด..
"มาแล้วเหรอเมจิ"
"อือ มารอกันแบบนี้คงคิดถึงเค้ามากอ่ะดิ"
หัวใจที่กำลังเต้นแรงหล่นตุ้บลงพื้นทันทีที่ได้ยินเสียงของผู้หญิงจากด้านหลัง เธอเดินเข้ามาในร้านและเข้าไปสวมกอดเฮียทศที่กอดเธอตอบจนตัวลอยด้วยความคิดถึง...ฉันหันหน้ากลับมาทางเพื่อนตัวเองด้วยความรู้สึกชาที่ใบหน้าขณะที่นามิเองก็ยิ้มแห้งไม่ต่างกัน
เกือบไปแล้วไหมล่ะกู ใครจะไปรู้วะว่ามีเมียแล้ว!!