EP.2

2430 Words
เวลาต่อมา "ฮ่าๆ โอ๊ยช่วยด้วยกูหายใจไม่ออกฮ่าๆๆ" ฉันกอดอกนั่งไขว้ห่างมองหน้าเพื่อนทั้งสองที่กำลังนั่งหัวเราะกันอยู่ตรงหน้าอย่างเอือมระอา เพราะตอนนี้ฉันโอเคขึ้นแล้วถึงจะนกไปเมื่อไม่ถึงชั่วโมงก่อนก็เถอะ หน้าเสียอยู่หน่อยๆ แต่ตอนนี้โมโหที่เพื่อนทั้งสองกำลังซ้ำเติมมากกว่า "หัวเราะซะให้สะใจวันไหนมึงสองคนทะเลาะกับผัวมาอย่าหวังว่ากูจะปลอบ" "โถ่อย่าน้อยใจสิวะใครๆก็นกได้ไม่เว้นแต่คนสวยฉิบหายอย่างมึงนะอลิซ!" เหมือนจะชม แต่ก็หลอกด่ากูนั่นแหละแต่ก็ต้องเข้าใจเพื่อน เพราะนานๆทีพวกมันจะได้ล้อฉันบ้างน่ะนะ ฉันถอนหายใจออกมาเบาๆและมองไปรอบๆร้านอาหารที่เรามานั่ง มันคล้ายบาร์นะเพราะที่นี่มีเหล้าเบียร์ขายทุกรูปแบบแต่ราคามันค่อนข้างแรงไม่ค่อยเหมาะกับกลุ่มวัยรุ่นเท่าไหร่ ร้านนี้คงเน้นลูกค้าต่างชาติแล้วก็พวกกระเป๋าหนักเหมือนพวกฉัน แต่มันก็น่านั่งนะ เหมาะสำหรับนั่งให้เพื่อนล้อเรื่องนกดี "แต่อลิซมันก็ไม่ดูตาม้าตาเรือจริงๆนะ แทนที่จะรอถามทีน่าหน่อยก็ไม่รอ" "จริง ทำไมมึงไม่ดูลาดเลาก่อนวะปกติไม่ใจร้อนแบบนี้หนิ" "มึงคิดว่ากว่ากูจะเจอคนที่ตรงสเปกกูมากๆสักคนมันยากขนาดไหนล่ะ" "อื้ม..ตั้งแต่รู้จักกันเฮียทศก็คนแรกนะที่มึงสนใจขนาดนี้" "ก็จริง" ทั้งทีน่าและนามิต่างพยักหน้าไปตามๆกัน ขณะที่ฉันกำลังนั่งหั่นสเต๊กอยู่ "เฮียทศน่ะหล่อแบดบอยขนาดนั้นจะมีแฟนคือไม่แปลก" นามิว่าต่อขณะที่ฉันก็เหลือบมองทีน่าที่กำลังจะพูดต่อ "อือ เฮียทศรักใครรักจริงด้วยผัวกูเคยเล่าให้ฟังว่าเขาคบกับพี่เมจิมาเข้าปีที่เจ็ดแล้ว" "โห นานฉิบหาย" "นานจนใกล้จะขอแต่งงานแล้วล่ะมึง เห็นเพื่อนๆเขาพูดกันถ้าไม่ติดว่าพี่เมจิต้องบินบ่อยๆเขาคงขอแต่งงานนานล่ะ" "เธอเป็นแอร์สินะ" "ใช่ เมื่อกี้นี้คงเห็นแล้วสิลากกระเป๋ามาขนาดนั้น" ฉันวางส้อมและมีดลงบนจานพร้อมกับถอนหายใจออกมาเบาๆ ขณะที่ปากก็กำลังเคี้ยวเนื้อริบอายในปากอย่างไม่สบอารมณ์นัก "เขาเหมาะสมกันมาก" แต่สุดท้ายฉันก็อดจะพูดคำนี้ออกไปไม่ได้ "ทำใจนะมึง ลองไปร้านสักร้านอื่นไหมคนรูปร่างแบบนี้สักลายแบบนี้เยอะแยะ" "ถ้ากูชอบคนง่ายแบบนั้นกูไม่โสดมาจนถึงตอนนี้หรอก" เพื่อนทั้งสองต่างพยักหน้าเห็นด้วยหลังจากฉันตอบไปแบบนั้น ก่อนฉันจะขมวดคิ้วมองคู่รักที่กำลังเดินเข้ามาในร้าน...โอ้โห นี่ตามมาหลอกหลอนกันถึงนี่เลยเหรอกะจะให้เพื่อนได้ล้อไปถึงชาติหน้าเลยไหมเนี่ย "มาแล้วเหรอครับเฮียทศ สวัสดีเจ๊เมจิบินมาคงเหนื่อยน่าดูนะครับเนี่ย" "ขนาดไปบินเกือบเดือนปากก็ยังเจี๊ยวแจ้วเหมือนเดิมเลยนะเล็ก" "แหม ก็เป็นพ่อค้านี่ครับ" "ผู้จัดการร้านเถอะ นี่ไม่ใช่ร้านอาหารตามสั่งนะใช่ไหมทศ" "อืม ไปนั่งก่อนเถอะเดี๋ยวทำไรให้กิน" "โอเคค่ะ เค้ารอที่เดิมนะ" "ครับ" ฉันจิ๊ปากมองคุณแอร์แฟนเฮียทศที่ขยับไปหอมแก้มเฮียทศโชว์ลูกค้าทั้งร้านอย่างไม่สบอารมณ์อีกครั้งจนเพื่อนต่างพากันหันมองด้วยความเป็นห่วง "ย้ายร้านไหมมึง?" "ย้ายได้ไงข้าวที่นามิมันสั่งก็ยังไม่ได้" ทีน่าเม้มปากมองฉันด้วยความเป็นห่วงแต่ฉันก็ส่ายหน้าไปมาแทนคำตอบ "กูไม่รู้จริงๆว่าร้านนี้เฮียเขาจะรู้จัก" "กูไม่ว่าอะไรหรอก ดีเหมือนกันจะได้ตัดใจได้ง่ายๆ" "เชื่อแล้วว่าชอบเฮียเขามากน่ะ" นามิว่าเสียงเบา เพราะเพลงที่เปิดคลอให้คนทั้งร้านฟังมันไม่ได้ดังถึงขนาดจะกลบเสียงคุยได้ ฉันนั่งกอดอกมองแฟนเฮียที่เดินไปนั่งที่มุมด้านในที่ดูส่วนตัวกว่าด้านนอกด้วยความสนใจ เธอเป็นคนที่สวย หน้าก็ออกฝรั่งต่างจากฉันที่หน้าไทยจ๋าซะแถมส่วนสูงของเธอยังเกือบจะสูงเลยไหล่ของเฮียอีก เอาง่ายๆคือกูแพ้ตั้งแต่ส่วนสูงเลย ดูแล้วสเปกเฮียเขาคงไม่ใช่แนวฉันเลย "เฮ้อ" "ยังเสียดายอยู่รึไง?" "อืม มันแบบยังไงล่ะ..ทำไมเวลาเจอคนถูกใจมากๆต้องเป็นแฟนคนอื่นด้วยทำไมเขาไม่ได้เจอกับกูก่อนอะไรแบบนี้อ่ะ" ฉันพูดออกมาจากใจหลังจากที่เรากินอาหารกันเสร็จ และออกมาจากร้านขณะที่ตอนนี้เฮียทศกำลังนั่งกินข้าวกับแฟนของเขาอยู่ เฮียยิ้มง่ายมากเวลาอยู่กับแฟนเขาอ่ะ พอคิดถึงตอนที่เขาเมินฉันแล้วมันรู้สึกอายแฮะ "เอาเถอะคนอย่างอลิซเดี๋ยวก็เจอโว้ยคนที่ถูกใจน่ะ" "เออ อย่าเสียดายไปเพื่อน" "อืม เดี๋ยวก็คงเจอ" ฉันตอบกลับเพื่อนทั้งสองจากเบาะหลังขณะที่รถของทีน่าก็กำลังขับออกมาจากหน้าร้านอาหารนั้น ฉันจึงมองพวกเขาเป็นครั้งสุดท้าย เพราะถึงจะโดนใจสุดๆยังไงแต่ถ้ามีแฟนแล้วฉันก็ต้องตัดใจแหละ ชีวิตมันก็แค่นี้ 1 เดือนต่อมา 11.21 am. "อาจารย์ว่ากลิ่นมันฉุนไปนะ ถ้าจะให้เข้ากับซัมเมอร์จริงๆกลิ่นของน้ำหอมควรออกมาสดชื่นและสดใสกว่านี้" "ค่ะ งั้นหนูจะปรับอีกทีนะคะ" "จ้า อาจารย์หวังว่าเธอจะเจอกลิ่นที่ใช่เร็วๆนะ" "ขอบคุณสำหรับคำแนะนำนะคะ" ฉันก้มหัวให้อาจารย์ประจำคลาสปรุงน้ำหอมที่เป็นวิชาเอกของฉัน ก่อนฉันจะหันมาดมกลิ่นน้ำหอมที่ตัวเองออกแบบมาซึ่งมันก็ยังติดจะฉุนอยู่จริงๆ ฉันกะจะให้มันเข้ากับซัมเมอร์ให้ได้กลิ่นนี้แล้วรู้สึกสดชื่นจนอยากจะฉีดออกไปเล่นน้ำทะเลอีกน่ะสิ "ต้องปรับอีกเยอะสินะ" "อลิซทางมึงเป็นไงบ้าง?" "เป็นไงล่ะ ก็ปรับสูตรอีกตามเคยน่ะสิ" ฉันหันไปมองร่างสูงที่เพิ่งจะเดินเข้ามาหา ไอ้สกายเพื่อสนิทฉันในเอกนี้เลิกคิ้วขึ้นด้วยความสงสัยก่อนมันจะโน้มหน้ามาดมหลอดน้ำหอมในมือฉันและพยักหน้า "มันฉุนไป" "อาจารย์ก็บอกงี้" "ปรับอีกนิดเดียวก็ดีแหละ แล้วเที่ยงนี้ไปไหนนะที่มึงบอกกูเมื่อคืนกูจำไม่ได้?" "ไปเป็นไม้กันหมาไง กูก็บอกอยู่ทำไมลืมตลอด" "ซอรี่ เดี๋ยวเลิกคลาสแล้วเจอกันที่เดิม" "อืม" สกายพยักหน้าก่อนจะเดินกลับไปที่โต๊ะตัวเองท่ามกลางสายตาของผู้หญิงในเอกที่แอบมองมัน สกายเป็นผู้ชายสูงหุ่นนายแบบแถมยังหน้าตาดีราวกับส่งตรงจากเกาหลี เพราะงั้นมันถึงฮอตมากๆ แต่ที่แปลกคือมันเป็นคนหล่อคนเดียวที่หลงเข้ามาเรียนที่เอกนี้ เอกที่เรียนเกี่ยวกับการปรุงน้ำหอมโดยเฉพาะ เอกที่ผู้หญิงมากกว่าผู้ชายถึงสามเท่าอ่ะ แต่ที่ฉันกับมันสนิทกันมากๆ เพราะเคยเจอกันในงานน้ำหอมระดับโลกแล้วก็บังเอิญเรียนที่เดียวกันอีก สกายจึงเป็นคู่หูกับฉันในคณะไปโดยปริยาย ส่วนทีน่ากับนามิมันเรียนคนละคณะกับฉันแต่ที่สนิทกันเพราะครอบครัวเรารู้จักกันแต่เด็ก เวลาต่อมา "แล้ววันนี้จะหักอกใครล่ะ?" "เหมือนจะเป็นเด็กคณะบริหารนะ" "ทำไมถึงว่าเหมือนจะ?" "ก็กูจำไม่ได้" ฉันตอบสกายไปตามจริงระหว่างที่เรากำลังนั่งกินข้าวกันอยู่ที่ร้านประจำแถวมหาลัย "แล้วนึกไงไปคุยกับคนเด็กกว่าปกติรุ่นพ่อไม่ใช่เหรอสเปกมึงอ่ะ" "เพราะกูไม่อยากยึดติดกับสเปกตัวเองแล้วไง" "แล้วเป็นไง?" สกายเลิกคิ้วถามฉันด้วยท่าทางยียวนเหมือนจะรู้คำตอบอยู่แล้ว แต่ถึงอย่างนั้นฉันก็ไม่คิดจะโกหกมัน "ไม่ได้เลย คุยมาจะเป็นเดือนไม่ได้ทำให้ใจกูเต้นแรงสักนิดแล้วเด็กนั่นมันคงคิดว่ากูโง่ดูไม่ออกมั้งว่ามันหวังจะเคลมกูอยู่น่ะ" "พวกเด็กเห่อไง ได้คุยกับสาวสวยแถมยังรวยขนาดนี้มันก็ต้องอยากได้เป็นธรรมดา" "เฮอะ อยากได้จนออกนอกหน้าแถมยังทำตัวเป็นเด็ก อายุก็จะยี่สิบอยู่แล้วแต่ไม่มีความรับผิดชอบ เข้าเรียนก็ไม่อยากจะเข้าอยากแต่จะมาหากูน่ารำคาญเป็นบ้า" "เพราะงี้ไงมึงเลยหลุดจากสเปกที่ตัวเองตั้งไว้ยาก" สกายที่กำลังมองฉันด้วยรอยยิ้มทำให้ฉันรู้ได้ทันทีว่ามันจริง "ก็พยายามเปิดใจแล้วนะ แต่แบบ...มันไม่ได้จริงๆว่ะ" "แล้วจะยังไงนัดมันมาแล้วเหรอ?" "อืม มาแล้วนั่นไง" "นี่มึงนัดมาร้านเลยเหรอ?" "อืม ไปที่อื่นก็เสียเวลาอ่ะ" ฉันตอบสกายก่อนจะเหลือบมองน้องดรีมที่กำลังเดินเข้ามาในร้าน และทันทีที่เด็กนั่นเห็นฉันเขาก็ยิ้มให้ และเดินมาที่โต๊ะก่อนจะชะงักเมื่อเห็นไอ้สกายนั่งอยู่ข้างๆฉัน มันเร็วไหมล่ะที่สามารถย้ายที่นั่งมานั่งข้างฉันได้โดยใช้เวลาไม่ถึงเสี้ยววิน่ะ "เอ่อ ใครอ่ะครับอลิซ?" "โห นี่อายุน้อยกว่าไม่เรียกอลิซว่าพี่เลยเหรอ?" "ก็เราคบกันอยู่" "แค่คุยยังไม่ได้คบ" ฉันตอบดรีมด้วยเสียงนิ่งเรียบ ก่อนจะพยักหน้าให้เขานั่งลงซึ่งเขาก็นั่งลงบนเก้าอี้ตรงข้ามฉัน และมองมาที่ฉันสลับกับสกายด้วยความสงสัย "อลิซนัดดรีมมากินข้าวเหรอ?" "เปล่า พี่นัดมาเพื่อตอบเรื่องที่เราถามพี่เมื่อคืนน่ะ" "เอ่อ..งั้นเราคุยกันสองคนดีไหม?" "ไม่ต้องหรอก คุยที่นี่แหละพี่แค่จะบอกเราว่าพี่คบด้วยไม่ได้แค่นั้นเอง" "คบไม่ได้?" "อืม พี่ไม่ได้ชอบเราเลยน่ะตอนแรกก็อาจจะชอบที่หน้าตาแต่พอคุยกับน้องแล้วมันไม่ใช่ จริงๆพี่ก็เคยบอกดรีมแล้วแต่ดรีมไม่ฟัง" "แต่พี่ครับดรีมไม่ดีตรงไหนอ่ะพี่บอกดรีมดิ เดี๋ยวดรีมเปลี่ยนแปลงทุกอย่างเพื่อพี่เอง" ฉันลอบถอนหายใจออกมาเบา เพราะนี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่ฉันปฏิเสธดรีมยังไงล่ะถึงได้ขอให้สกายมันมาด้วย "เปลี่ยนแปลงไปมันก็ไม่ช่วยให้อะไรดีขึ้นหรอก เพราะน้องไม่ใช่สเปกมัน" "ฮะ?" "จริงๆน้องเองก็โชคดีสุดๆแล้วนะที่อลิซมันให้โอกาสถึงขนาดได้เป็นคนคุยแบบนี้ แต่ทำไมไม่ใช้โอกาสนี้เผด็จศึกวะ?" "แล้วพี่เป็นใครมายุ่งอะไรด้วยวะ!?" "ใจเย็นครับพ่อเลือดร้อนพี่แค่เป็นไลฟ์โค้ชเท่านั้นเอง แล้วก็นะถ้าอลิซมันมีคำตอบอยู่ในใจอยู่แล้วว่ายังไงก็ไม่ยอมคบก็คือไม่คบอ่ะครับ ต่อให้น้องเปลี่ยนตัวเองยังไงมันก็ไม่เอาสู้น้องไปหาจีบคนอื่นดีกว่า" "แต่ว่าผมชอบพี่อลิซ พี่จะมาให้ผมตัดใจง่ายๆแบบนี้ได้ไง!?" "หน้าตาเอ็งก็ไม่ใช่ขี้ๆไง เพราะงั้นตัดใจจากอลิซมันเถอะแล้วไปหาเป้าหมายใหม่ซะ" ฉันยิ้มออกมาบางๆหลังจากที่ดรีมยอมสงบลงไปมาก จะว่ายังไงล่ะเพราะสกายรู้ใจฉันทุกอย่างแบบนี้ไงฉันเลยไว้ใจพามันมาด้วยน่ะ "พี่ขอโทษจริงๆนะดรีมที่ทำให้เสียเวลากับพี่" "พี่ไม่มีโอกาสให้ดรีมจริงๆเหรอครับ?" ฉันส่ายหน้าไปมาแทนคำตอบจนดรีมเม้มปากแน่น ก่อนจะลุกขึ้นและมองมาที่ฉันด้วยแววตาที่เต็มไปด้วยความผิดหวังอย่างเห็นได้ชัด "พี่ขอโทษนะ" "ใจร้ายฉิบหายเลย" "โอ้ว" พรึบ! น้องดรีมที่พลุ่งพล่านออกไปจากร้านทำให้สกายหัวเราะออกมาเบาๆ ก่อนมันจะหันมามองล้อฉันอย่างขำๆ "ใจร้ายฉิบหายเลยว่ะ" "ขอบใจนะที่ซ้ำเติม กลับไปนั่งที่เดิมได้แล้ว" ฉันผลักไอ้สกายออกห่างจนมันเดินไปนั่งลงที่ตรงข้ามฉันด้วยรอยยิ้ม ฉันถอนหายใจออกมาเบาๆและกินข้าวต่อ "มึงรู้สึกผิดบ้างไหมวะเวลาทำแบบนี้?" สิ่งที่สกายถามทำให้ฉันเลิกคิ้วและเหลือบมองมัน "แบบไหน?" "ก็ให้ความหวังคนอื่นไปทั่วแล้วสุดท้ายก็ปฏิเสธเขาแบบนี้" "รู้สึกผิดสิ แต่มันผิดเหรอถ้ากูอยากมีความรักบ้าง" "ก็ไม่ผิดนะ เพราะถ้ามึงเจอคนที่มึงถูกใจเร็วๆคงไม่จบแบบนี้" "หรือจริงๆกูอาจจะไม่มีแฟนคงดีที่สุดก็ได้นะ แต่มันก็เบื่ออ่ะเพื่อนทุกคนก็มีแฟนกันหมดล่ะ" "กูไง กูก็ยังโสดไหมล่ะ?" เราสองคนมองสบตากันทันทีที่สกายมันพูดแบบนั้นพร้อมกับผายมือใส่ตัวเอง เราสองต่างมองสบตากันเป็นนาทีจนเราต่างหลุดขำกันออกมา เพราะคิดยังไงมันก็ไม่ได้จริงๆ "ถ้าเราคบกันคงมีแต่คนว่าเหมาะกันมากเยอะแน่ๆ" ฉันตอบสกายไปอย่างขำๆขณะที่สกายกำลังยิ้มขำพร้อมยักไหล่อย่างกวนๆ "คู่รักนักปรุงน้ำหอมก็ไม่เลวนะ" "อ่าฮะ แต่พักก่อนเถอะถ้าวันไหนมันหมดหนทางจริงๆค่อยว่ากันใหม่นะ" "โอเค เพราะคิวทางกูก็เยอะเหมือนกันอ่ะ" "ฮ่าๆ" "แต่มึงดีลกะกูไว้แล้วนะว่าคืนนี้จะไปดูหนังด้วยน่ะ" "ก็บอกแล้วไงว่าจะเลี้ยง" "สุดยอด!" ฉันยิ้มตอบสกายก่อนเราสองคนจะกินข้าวกันต่อก่อนจะแยกย้ายกลับไปพักผ่อนที่คอนโดตัวเองแล้วค่อยออกมาเจอกันใหม่ตอนหนังรอบค่ำ
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD