ย้อนนึกไปถึงตอนนั้น เธอเรียนคณะวิทยาศาสตร์ ตั้งใจว่าจบมาจะเป็นนักวิทยาศาสตร์ ด้วยผลการเรียนและงานวิจัยของเธอ ทำให้สถาบันวิจัยมาจองตัวเธอให้เข้าทำงานตั้งแต่ยังเรียนไม่จบ แต่เพราะความรักบังตา ทำให้เธอปฏิเสธการเข้าทำงานที่สถาบันวิจัยแห่งชาติ แต่กลับไปสมัครงานที่บริษัทเล็กๆของอาชวีช่วยทำโครงการหลายโครงการ จนบริษัทประสบผลสำเร็จเข้าตลาดหลักทรัพย์ กลายเป็นบริษัทจดทะเบียนขนาดใหญ่อย่างทุกวันนี้
เธอยอมทิ้งความฝันเพื่อผู้ชายที่ให้เธอเป็นแค่ของเล่น ไม่มีตัวตน ไม่เคยยอมรับเธอเหตุการณ์ที่เขาทำร้ายเธอเพื่อผู้หญิงในใจของเขาจนเธอต้องเสียลูกไป มันทำให้เธอคิดได้ และชีวิตนี้เธอจะไม่ขอยุ่งเกี่ยวกับเขาอีก
" ตอนนี้ทางสถาบันกำลังวิจัยเรื่องการยับยั้งเซลล์มะเร็ง เรื่องนี้สำคัญมากเพราะมีข่าวว่ามีการค้นพบกล้วยไม้สีรุ้ง"
" กล้วยไม้สีรุ้ง มันเกี่ยวอะไรกับการวิจัยเหรอค่ะศาสตราจารย์"
" เกี่ยวสิเกี่ยวแน่นอน เพราะในตำราบอกไว้ว่ามันสามารถยับยั้งเซลล์มะเร็งได้"
" ศาสตราจารย์หมายความว่ากล้วยไม้สีรุ้งช่วยรักษามะเร็งได้"
" ถูกต้อง"
" แต่ศาสตราจารย์ครับ ในตำราโบราณจะเชื่อถือได้มากน้อยแค่ไหน"
" ผมเชื่อนะ ถ้าเราได้ตัวอย่างมาวิจัยผมว่ามีความเป็นไปได้สูง"
" แล้วเราจะไปเอากล้วยไม้สีรุ้งมาจากไหน"
"หุบเขามรณะ"
ในห้องประชุม ศาสตราจารย์อธิบายรายละเอียดให้ทุกคนฟัง
" หุบเขามรณะเป็นเทือกเขาสูงสลับซับซ้อนเทือกเขาทอดตัวเป็นแนวยาว ส่วนหนึ่งอยู่ฝั่งไทยและอีกส่วนอยู่ฝั่งประเทศเพื่อนบ้าน"
" แล้วไอ้หุบเขามรณะนี่มันอยู่ฝั่งไหนเหรอครับ"
" คาดว่าจะอยู่ฝั่งพาม่า เพราะหุบเขานี้มีแค่เทือกเขาส่วนหน้าเท่านั้นที่อยู่ฝั่งไทย ตามแนวชายแดนตะวันตก"
" หูย แค่ชื่อก็น่ากลัวแล้วอ่ะ นี่พวกเราต้องไปตามหากล้วยไม้สีรุ้งกันจริงๆใช่ไหม"
ดารินเอ่ยขึ้นมา
" ผมจะไม่บังคับ แต่ขอความสมัครใจ ใครที่ไม่อยากไปก็ให้ทำงานอยู่ที่นี่ ส่วนคนที่จะไปผมมีเงินพิเศษให้ เป็นเงินทุนจากมิสเตอร์โจเซฟ ที่สนับสนุนโครงการวิจัยของเรา ครั้งนี้คนที่ไปจะได้คนละ5ล้านพร้อมประกันชีวิตมูลค่า10ล้าน ถ้ากลับมาจะมีโบนัสพิเศษให้อีก"
ทุกคนมองหน้ากัน
" ผมไปครับ ยังไงผมก็ตั้งใจจะไปตั้งแต่แรกอยู่แล้ว"
กิตติศักดิ์พูดขึ้นมาก่อนจะหันไปถามธารธารา
"แล้วน้ำหล่ะจะไปหรือเปล่า"
ธารธาราพยักหน้า กิตติศักดิ์ยิ้มดีใจจนเห็นลักยิ้มแก้มบุ๋ม โมรีมองทั้งสองก็รู้สึกอิจฉาเธอแอบชอบกิตติศักดิ์มานาน เขาไม่เคยยิ้มให้เธออย่างอ่อนโยนแบบนี้มาก่อน สายตาที่เขามองธารธารา มันช่างแตกต่างกับที่เขามองผู้หญิงคนอื่น เธอรู้มาว่าเขายังไม่มีแฟนแต่มีคนในใจที่แอบรักมาหลายปี คนๆนั้นคงไม่ใช่ธารธาราหรอกใช่ไหม
" โม โม"
" หือ"
" แกจะไปรึเปล่าได้5ล้านเลยนะ แกว่าคุ้มไหมอ่ะที่เราต้องไปลำบากลำบนเสี่ยงชีวิตในป่าหน่ะ"
" ฉันไป"
เดิมทีเธอไม่อยากไปลำบากในป่าเขาหรอกฟังดูชื่อหุบเขาสิ หุบเขามรณะ มีแต่อันตรายรออยู่ ไปแล้วไม่รู้จะได้กลับออกมาหรือเปล่า ที่สำคัญกล้วยไม้สีรุ้งนั่นจะมีจริงหรือเปล่าก็ไม่รู้ แต่กิตติศักดิ์ไป เธอจึงต้องไปด้วย ขอแค่ได่เห็นหน้าเขาในทุกๆวันก็พอ
" อืม ถ้าแกไปฉันก็ไปด้วย "
" ลูกคุณหนูอย่างแกเนี่ยนะจะเข้าป่า แกไม่กลัวลำบากเหรอ เงินแค่5ล้านทำยังกะบ้านแกจน"
" ก็ชีวิตมันเรียบง่ายเกินไปไง เลยต้องออกไปหาอะไรตื่นเต้นทำบ้าง ก็คิดซะว่าไปเข้าค่ายลูกเสือ เชื่อเหอะ ไปไม่นานหรอก พอหาไม่เจอเดี๋ยวก็ต้องกลับออกมา"
" เอาหล่ะ ใครที่จะไปให้ลงชื่อที่นี่"
ศาสตราจารย์ส่งแฟ้มเอกสารให้กิตติศักดิ์เป็นคนแรก
"แล้วเราจะออกเดินทางกันเมื่อไหร่ค่ะศาสตราจารย์"
" อีก7วันข้างหน้า"
" ศาสตราจารย์จะไปกับพวกเราไหมครับ"
" ไม่"
" อ้าว"
" ผมเป็นศาสตราจารย์ เป็นหัวหน้าของสถาบันแห่งนี้ ต้องอยู่ดูแลที่นี่ แต่ไม่ต้องห่วง ผมเตรียมแผนการเดินทางการไว้ให้พวกคุณแล้ว การเดินทางครั้งนี้ผมจะให้กิตติศักดิ์เป็นหัวหน้านำทีม กิตติศักดิ์นี่คือข้อมูลของพรานมูเล่ เป็นพรานป่าที่ชำนาญเมื่อไปถึงหมู่บ้านให้คุณติดต่อเขานำทาง "
" ครับศาสตราจารย์ ว่าแต่มีแค่พรานคนนี้คนเดียวเหรอครับ แล้วคนอื่น"
" ต้องเป็นคนนี้คนเดียวเท่านั้น"
" เพราะอะไรเหรอครับ"
" เพราะเขาเป็นคนเดียวที่เคยเข้าไปในหุบเขามรณะ แล้วสามารถกลับออกมาได้ พูดง่ายๆว่าเขาเป็นคนเดียวที่เคยไป และเคยเห็นนั่นแหละ"
" แสดงว่าคนอื่นที่เข้าไปไม่มีใครกลับออกมาเลยใช่ไหมครับ"
ภาสกรถามขึ้นมา ศาสตราจารย์พยักหน้าแทนคำตอบ
โรงอาหารสถาบันวิจัยแห่งชาติ
โมรีถือจานข้าวจ้องมองไปที่กิตติศักดิ์ที่กำลังนั่งกินข้าวอยู่กับธารธารา ดารินปรุงเครื่องก๋วยเตี๋ยวเสร็จหันมา เห็นโมรียืนมองกิตติศักดิ์ก็พูดขึ้น
" มัวแต่แอบมองแอบชอบอยู่อย่างนี้จะไปเกิดประโยชน์อะไร คนใหม่ที่พึ่งเข้าสถาบันคนนั้นสวยมากเลยนะ ฉันรู้มาว่าเคยเป็นน้องรหัสของพี่กรุ๊ปมาก่อน เขาเลยสนิทกันเป็นพิเศษ ไปเถอะเราไปนั่งกับพวกเขากัน"
ดารินเดินนำหน้าพาโมรีไปนั่งโต๊ะเดียวกับกิตติศักดิ์ พอดีกับที่ภาสกรและดุษฎีถือจานข้าวเข้ามานั่งด้วย
" หวัดดีจ๊ะฉันชื่อดารินเรียกรินก็ได้ ส่วนนี่ชื่อโมรีชื่อเล่นโมเราสองคนอายุ25เท่ากัน"
ดารินแนะนำตัวเองกับธารธารา ส่งยิ้มให้อย่างเป็นมิตร ธารธาราส่งยิ้มกลับ
" ฉันชื่อธารธาราเรียกสั้นๆว่าน้ำก็ได้อายุ25เท่ากับพวกเธอ"
" ดีเลย งั้นพวกเราก็เป็นเพื่อนกันเนอะ"
" อืมได้สิ"
" เธอก็จะเดินทางไปหุบเขามรณะด้วยใช่ไหมฉันเห็นเธอลงชื่อ"
" ใช่"
" ฉันกับโมก็ไปเหมือนกัน ดีเลยจะได้มีเพื่อนช่วยเหลือกัน"
" อะแฮ่ม พี่ชื่อภาสกรเรียกพี่ว่าพี่กรนะครับพี่ก็ไปด้วย"
" ส่วนพี่ชื่อด้วงแล้วก็ไอ้หน้าตาหื่นๆข้างพี่เนี่ยชื่อไฟ แต่มันไม่ได้ไปหุบเขามรณะกับเราหรอกนะมันติดเมียหน่ะ"
ดุษฎีแนะนำตัวเองและธวัชชัยให้ธารธารารู้จัก
" พี่รู้อยู่แล้วว่าน้องชื่อน้ำ เป็นน้องรหัสของไอ้กรุ๊ปมันตอนเรียนมหาลัย มันเล่าเรื่องของน้ำให้พวกพี่ฟังบ่อยๆ ขนาดในโทรศัพท์มันยังมีแต่รูปน้ำ โอ้ย"
กิตติศักดิ์รีบเตะขาดุษฎีก่อนที่จะพูดมากไปกว่านี้ ใช่ในโทรศัพท์ของเขามีแต่รูปของธารธารา เขาแอบรักเธอมาหลายปีแต่เขารู้ว่าเธอไม่เคยคิดกับเขาเกินคำว่าพี่ชาย เขาถึงได้แต่เก็บความรู้สึกนั้นไว้ กดให้ลึกสุดใจ
" รีบกินเถอะน้ำ ก๋วยเตี๋ยวเย็นแล้วจะไม่อร่อยนะ "
กิตติศักดิ์บอกให้ธารธารากิน แล้วยังคีบลูกชิ้นในชามของตัวเองให้เธออีก โมรีมองดูทั้งสองก็ยิ่งเศร้าใจ ตักข้าวเข้าปากไม่รับรู้รสอะไรมีแต่ความขื่นขม ดารินเห็นเพื่อนเศร้าก็ไม่รู้จะปลอบใจยังไง เลยคีบลูกชิ้นในชามก๋วยเตี๋ยวให้เพื่อน
" อะ ฉันให้ กินเยอะๆจะได้มีเนื้อมีหนังบ้างผอมไปแล้วแก ผู้ชายหน่ะเขาชอบอวบๆดูมๆเด้งๆรู้ไหม"
โมรีก้มมองตัวเองที่หน้าอกแบนราบ อดไม่ได้ที่จะมองดูธารธาราที่นั่งอยู่ฝั่งตรงข้ามธารธาราทั้งสวยทั้งอกอวบใหญ่ น่าอิจฉาจังกลับออกมาจากป่าครั้งนี้ เธอจะเอาเงินที่ได้ไปทำนม
ธารธารารับรู้ได้ถึงสายตาที่จ้องมองมา พอเงยหน้าก็เห็นโมรีจ้องมองเธออยู่ จึงยิ้มให้โมรีรู้ว่ามองธารธารานานไปก็ได้สติ ส่งยิ้มกลับคืนไป แล้วก้มหน้ากินข้าวในจานตัวเองต่อ