ตอนที่ 1บทเมียตัวปลอม

1826 Words
โรงแรมต้าเหรินแกรนด์ กลิ่นน้ำหอมจางๆของดอกพิโอนีลอยคลุ้งในห้องลองชุดส่วนตัว ม่านสีครีมกั้นห้องเป็นชั้นๆ แสงไฟส่องกระทบกระจกบานสูงสะท้อนเงาหญิงสาวคนหนึ่งที่กำลังนั่งนิ่งบนเก้าอี้หน้าโต๊ะเครื่องแป้ง ลี่เหม่ย นั่งตัวตรงแขนสองข้างวางบนตักอย่างเกร็งๆ ริมฝีปากขบเข้าหากันแน่นเธอไม่ได้พูดอะไรนับตั้งแต่เข้ามาในห้องนี้ ทีมสไตลิสต์มืออาชีพของโรงแรมพยายามพูดคุยผ่อนคลายบรรยากาศ แต่ไม่มีใครกล้าละลาบละล้วง เพราะสีหน้าของเธอชัดเจนว่าไม่เต็มใจจะมานั่งอยู่ตรงนี้ ดวงตากลมโตมองเงาตัวเองในกระจก สะท้อนภาพหญิงสาวหน้าหมวยที่เหมือนเจ๊ลี่หานเป๊ะ...แต่เธอไม่ใช่ลี่หาน ไม่ใช่คนที่ควรจะสวมชุดเจ้าสาวราคาเจ็ดหลักและยิ่งไม่ใช่คนที่ควรจะยืนข้างเขาในงานคืนนี้ “ฉันจะเป็นเจ้าสาวที่ไม่มีชื่อในทะเบียนและไม่มีตัวตนในความทรงจำของเขา” เสียงพึมพำบางเบาหลุดออกจากริมฝีปากอิ่ม ดวงตาในเงาสะท้อนไร้แววมั่นใจ มีแค่คำถาม...เธอกำลังทำอะไรอยู่กันแน่? ก๊อกก๊อกๆ เสียงเคาะประตูทำให้ร่างบางสะดุ้งจากภวังค์ความคิด พร้อมกับผู้ช่วยของทางโรงแรมเดินเข้ามาพร้อมเอกสารในมือ “คุณลี่คะ ทางทีมงานฝ่ายเจ้าบ่าวแจ้งเปลี่ยนรายละเอียดเวทีค่ะ” “เปลี่ยน?” เธอขมวดคิ้วมุ่นอย่างสงสัย “เปลี่ยนอะไร?” “ยกเลิกการถ่ายทอดสดออนไลน์ค่ะ แขกสื่อมวลชนบางส่วนถูกตัดออกจากลิสต์ เหลือแค่กลุ่มปิด...คำสั่งจากคุณเสิ่นจวิ้นเหวินโดยตรง” ลี่เหม่ยใจสั่นวูบรู้สึกเหมือนกำลังเดินเข้าสู่สนามรบที่อีกฝั่งวางหมากไว้แล้ว และเขา...เสิ่นจวิ้นอาจรู้ว่าเธอไม่ใช่ว่าที่ภรรยาตัวจริง 'แล้วทำไมเขาไม่หยุดพิธี ยกเลิกการแต่งงาน ทำไมแค่ลดจำนวนคนที่จะได้เห็นความลวงนี้ลง' ทีมสไตลิสต์ช่วยสวมผ้าคลุมหน้าให้ ปิดครึ่งใบหน้า แต่ไม่สามารถปิดความรู้สึกภายใน “คุณเสิ่นจวิ้น...คุณคิดอะไรอยู่กันแน่!?” เธอครุ่นคิดในใจ พลางหลับตาลง หายใจเข้าลึกๆก่อนจะลืมตาขึ้นช้าๆมองภาพตัวเองที่ตอนนี้แต่งตัวเหมือน 'เจ้าสาวของใครบางคน' แม้ว่าในความเป็นจริง... เธอไม่ใช่เมีย ไม่ใช่คนรัก ไม่ใช่แม้แต่คนที่เขาเลือก ... ทว่าเธอไม่รู้เลยว่า...ในอีกห้องหนึ่งบนชั้นเดียวกัน ชายหนุ่มในสูทสีดำยืนพิงหน้าต่างกระจกสูง ดวงตาคมของเขาเหม่อมองออกไปยังแม่น้ำด้านล่าง เสิ่นจวิ้น รู้ดีว่าเจ้าสาวที่เขากำลังจะจับมือขึ้นเวที...ไม่ใช่ 'ลี่หาน' ตามที่ตกลงกันไว้ แต่เขากลับไม่แสดงท่าทีใดๆ “ถ้าเธอเลือกจะเล่นบทเมียตัวปลอม...ฉันก็จะเล่นบทให้ว่าที่ผัวดูหน่อย” . . ณ ห้องบอลรูม “จินหยวน” บนชั้นพิเศษของโรงแรมต้าเหรินแกรนด์ ตกแต่งอย่างหรูหราด้วยดอกกล้วยไม้ขาวและกุหลาบสีเงินที่นำเข้าจากเอกวาดอร์ โคมไฟคริสตัลระยิบระยับเหนือศีรษะท่ามกลางแสงไฟอุ่น กลิ่นหอมอ่อนของไวท์มัสก์ลอยในอากาศราวกลั่นขึ้นเพื่อพิธีแห่งความสมบูรณ์แบบ ถึงกระนั้นบรรยากาศกลับเย็นเยียบพอให้รู้ว่าพิธีนี้ไม่ได้มีไว้ให้หัวใจเต้นแรง ลี่เหม่ย ก้าวเข้ามาในห้องพร้อมชายชราเจ้าของนามสกุลลี่โอบแขนเธอแน่น เขาคือผู้ที่ผลักเธอเข้าสู่พิธีนี้แทนพี่สาวฝาแฝดที่หายไป แต่ในสายตาของแขกเหรื่อ เขาคือพ่อผู้แสนภูมิใจที่กำลังส่งมอบลูกสาวให้กับชายผู้เพียบพร้อม ร่างบางเดินช้าๆ ผ่านทางเดินที่โรยกลีบกุหลาบเทียมที่ไม่หรูเกินไปและไม่เวอร์จนเกินควร ทุกอย่างถูกจัดให้ดูสมจริง แม้ความจริงในใจจะหล่นหายไปหมดแล้ว ปลายทางคือเวทีหมั้นขนาดพอดียกสูงจากพื้นเพียงเล็กน้อยถูกตกแต่งอย่างหรูหราสมฐานะ ชายหนุ่มรูปร่างสูงโปร่งในชุดทักซิโด้สีดำยืนอยู่ตรงกลางเวที ดวงตาคมเฉียบเส้นผมถูกเซตเรียบตามแนวข้าง ริมฝีปากบางไม่แสดงอารมณ์ เสิ่นจวิ้นเจ้าบ่าวของวันนี้ชายที่เธอไม่ควรเจอในชีวิตจริงแต่กลับยืนรอเธอด้วยแววตาที่ไม่ใช่ของคนที่กำลังดีใจ มือเรียวเล็กยื่นออกไปตามพิธี พยายามรักษาความนิ่งแต่ภายในหัวใจกลับดังกึกก้องยิ่งกว่ากลองในขบวนแห่ ใบหน้าหล่อเหลาไร้รอยยิ้ม ไม่แม้แต่จะจับมือเธอในจังหวะอ่อนโยนเหมือนเจ้าบ่าวในละคร “คุณลี่…พร้อมหรือยัง?” เสียงทุ้มต้ำเอ่ยเบาๆแต่กระแทกใจราวกับสายน้ำแข็งกระแทกหน้า มือเล็กกำมือแน่นแต่ไม่แสดงออก แค่นยิ้มเล็กน้อยตามมารยาท “พร้อมค่ะ...คุณเสิ่น”เสียงเธอเรียบแต่หูแดงเล็กน้อย เพราะรู้ว่านี่ไม่ใช่คำถามธรรมดา ว่าที่เจ้าบ่าวไม่ตอบกลับเพียงแค่ยื่นมือออกมาจับมือเรียวเล็กไว้แน่น เสิ่นจวิ้นมองมือเล็กในมือเขา 'มือก็เล็ก แต่ไม่สั่น...เธอกำลังแสดง หรือกำลังท้าทายกันแน่?' มือหนากระชับมือเธอไว้แน่นเกินความจำเป็นนิ้วเรียวยาวเหมือนจะจงใจบีบแน่นตรงกระดูกอ่อน พลางกระซิบเสียงต่ำชิดใบหู “ไม่ต้องพยายามนิ่งขนาดนั้น...ฉันไม่ได้โง่” ใบหน้าหวานชะงักหัวใจกระตุกวูบ ไม่กล้าสบตาเขาตรงริมฝีปากเม้มแน่นราวกับกำลังเก็บอาการ “งั้นก็ขอให้คุณ...สนุกกับการเดาไปเรื่อยๆ ก็แล้วกันค่ะ” ใบหน้าหล่อนิ่งไป รอยยิ้มมุมปากจางๆผุดขึ้นเพียงเสี้ยววินาทีก่อนจะปล่อยมือเธอช้าๆ แล้วหันไปเผชิญหน้ากับพิธีกร ระหว่างพิธีดำเนินต่อไปไม่มีใครรู้ว่าคำสาบานของเจ้าบ่าวไม่ได้มีคำว่า “รัก” มีแค่การมองตรงมาที่เธอด้วยสายตาที่บอกว่า “เธอไม่ใช่คนที่ฉันต้องแต่งด้วย…แต่เธอคือคนที่ฉันจะไม่ยอมปล่อยไปง่ายๆ เช่นกัน” “และในช่วงเวลาสำคัญนี้...ขอเรียนเชิญเจ้าบ่าวและเจ้าสาวแลกแหวน แทนคำมั่นสัญญา” เสียงพิธีกรดังก้องผ่านไมโครโฟนในห้องบอลรูม แสงไฟค่อยๆหรี่ลงเหลือเพียงสปอตไลต์ดวงเดียวสาดลงบนเวทียกพื้น ทุกสายตาจับจ้องมาที่พวกเขาสองคน แต่สิ่งที่ ลี่เหม่ยรู้สึกในตอนนี้ไม่ใช่ความโรแมนติก...แต่คือแรงกดดันที่แหลมคมเย็นเยียบและหนักขึ้นทุกวินาที เสิ่นจวิ้น หันไปหยิบกล่องกำมะหยี่สีดำสนิทจากโต๊ะเล็กข้างตัวมือของเขานิ่งเรียบเกินไป ราวกับเคยทำพิธีนี้มานับครั้งไม่ถ้วนแต่แววตาของเขากลับฉายความไม่ไว้ใจอย่างเห็นได้ชัด มือหนาเปิดกล่องช้าๆเผยให้เห็นแหวนทองคำขาวดีไซน์เรียบเฉียบแต่หรูหรา วางคู่กับแหวนเพชรเม็ดกลางประดับเพียงหนึ่งเดียว ก่อนจะเอื้อมหยิบแหวนของเจ้าสาวขึ้นมาแต่ยังไม่ยื่นให้เธอ เขากลับหันมามองเจ้าสาวที่ยืนอยู่ตรงหน้า จ้องลึกลงไปในดวงตากลมโตของเธอ “เธอใส่แหวนนิ้วนางซ้าย...แต่รอยตรงข้อมือคือคนถนัดขวา” ลี่เหม่ยเบิกตาขึ้นเล็กน้อยหัวใจตกวูบ เธอไม่ได้เตรียมรับการที่จะโดนจับผิดแบบเจาะจงขนาดนี้ คนตัวเล็กพยายามรักษาสีหน้าไว้ แต่หางเสียงยังสั่น “นี่คุณ...จับผิดฉันเหรอ?” เขายกมุมปากขึ้นเล็กน้อยอย่างพอใจราวกับรู้ว่าเธอกำลังฝืนทั้งหมด “ฉันไม่เคยแต่งงานมาก่อน...” “แต่ก็ไม่คิดว่าภรรยาจะมีจังหวะหายใจเหมือนคนซ้อมบทละคร” "..." เสียงรอบห้องเงียบกริบแม้จะยังมีพิธีกรยืนอยู่ใกล้ๆ ราวกับว่าทุกเสียงนั้นหายไปหมดมีเพียงเสียงเต้นของหัวใจในอกของเธอที่ดังขึ้นเรื่อยๆ ว่าที่เจ้าสาวพยายามฝืนยิ้มแต่น้ำเสียงของเขา...ไม่ใช่แค่ทิ่มแทงมันเหมือนกำลังเปิดบททดสอบโดยที่เธอไม่รู้จะผ่านได้ยังไง ลี่เหม่ยไม่ตอบโต้แค่ยื่นมือตามบทในพิธีปล่อยให้เขาสวมแหวนให้ตามหน้าที่ เพราะเธอรู้ดีในสายตาเขา เธอไม่ใช่เมียเธอแต่คือปริศนา คือบทละครหนึ่งที่เขาเลือกจะยังไม่ฉีกบท…เพราะอยากดูตอนต่อไป ใบหน้าหล่อเหลาเปลี่ยนเป็นเย็นชา ไร้รอยยิ้มหลังใส่แหวนเสร็จ มีเพียงกระซิบเบาๆด้วยน้ำเสียงเรียบเกินจริงอีกครั้ง “อย่าลืมบทนะ...คุณลี่” “คนที่กำลังมองอยู่ ไม่ได้มีแค่ฉัน” ในขณะที่หันไปเผชิญหน้ากับแขก เสิ่นจวิ้นจับมือเรียวเล็กของเธอขึ้นเล็กน้อยตามบทของเจ้าบ่าวผู้แสนเพียบพร้อม มือหนาเย็นเยียบแต่กระชับเหมือนล็อกคำลวงไว้ด้วยความจริงอันเฉียบคม . . เสียงล้อรถบดทับพื้นหินแกรนิตหน้าทางออกโรงแรมต้าเหรินแกรนด์ดังเบาๆในความเงียบรถยนต์สีดำรุ่นลิมิเต็ดของตระกูลเสิ่นแล่นออกจากลานจอดชั้นใต้ดินอย่างนุ่มนวล ภายในห้องโดยสารเงียบสนิท อุณหภูมิพอเหมาะแต่บรรยากาศกลับเย็นเยียบจนน่าหายใจไม่ทั่วท้อง ลี่เหม่ยนั่งชิดฝั่งหน้าต่างมือเรียวกำชายกระโปรงชุดเจ้าสาวที่เริ่มยับไปบางส่วนหลังพิธีจบ เธอพยายามไม่ขยับ พยายามไม่หายใจแรง และพยายามไม่สบตาคนที่นั่งอยู่ฝั่งตรงข้าม เสิ่นจวิ้นเจ้าบ่าวของเธออย่างเป็นทางการทว่าในความรู้สึก...เขาเหมือนผู้คุมที่กำลังตัดสินว่าเธอควรมีสิทธิ์มีชื่อในทะเบียนสมรสจริงหรือไม่ ร่างสูงพิงเบาะอย่างสงบนิ่ง ดวงตาคมทอดมองออกไปยังวิวเมืองยามค่ำคืนผ่านกระจกนิรภัยไฟถนนสาดเป็นลำเส้นยาวสะท้อนบนใบหน้าคมที่อ่านไม่ออกว่าเย็นชาหรือโกรธ หรือแค่...เฉย คนตัวเล็กเริ่มหงุดหงิดไม่ใช่เพราะเขาไม่พูด แต่เพราะเขาเงียบเหมือนรู้ทุกอย่างแต่รอให้เธอยอมรับเอง “คุณจะไม่ถามอะไรเลยเหรอคะ?” มือเล็กกำชายกระโปรงชุดแต่งงานแน่น เขาเงียบไปอึดใจ ก่อนจะเอ่ยเสียงทุ้มต่ำผ่านกระจกมองหน้า “ไม่จำเป็น...” “เธอไม่ใช่คนที่ควรยืนข้างฉัน...ฉันรู้” ลี่เหม่ยเองก็พอจะดูออกว่าเขารู้ตั้งแต่ต้น แต่เขากลับรู้มากกว่าที่เธอคิด ใบหน้าหมวยฝืนยิ้มมุมปาก ตอบกลับแบบไม่ยอมแพ้ “คุณก็ไม่ได้อยากแต่งงานเหมือนกันไม่ใช่เหรอคะ? เราแค่ทำตามข้อตกลงของผู้ใหญ่” คนตัวโตหันมามองเธอเต็มตาในครั้งแรกของค่ำคืนนี้...สายตานั้นเย็นชาจนเธอสะดุ้ง “ใช่...แต่จากนี้ไป เธอจะอยู่ในบ้านฉัน” “และกฎของฉัน...จำไว้ให้ดี”
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD