เกือบสองวันเต็ม ๆ กว่าพลรบจะทำเรื่องย้ายปรายดาว มารักษาตัวต่อที่กรุงเทพ คราแรกคิดจะพาบัญชากับภูตะวันมาที่นี่ แต่ใจร้องค้านคุณลุงสุขภาพไม่ค่อยแข็งแรงแถมเจ้าตัวแสบยังต้องไปโรงเรียน ทำเรื่องส่งตัวหญิงสาวไปรักษาต่อย่อมเป็นทางออกที่ถูกต้องกว่า เจ้าของสถานีโทรทัศน์หนุ่มลงทุนบินไปรับด้วยตนเองพร้อมเฮลิคอปเตอร์ส่วนตัวจนเธอก่นด่าว่าเวอร์วัง
“ปรายไม่ได้เป็นไรซะหน่อย ทำไมพี่รบต้องเล่นใหญ่ อีกไม่กี่วันหมอก็ให้กลับบ้านแล้ว”
“พี่มารับปรายอะดีแล้ว อยู่ที่นี่ต่อไหนต้องเดินทางต้องพักฟื้นยุ่งยากกว่านี้อีก”
เขาแทบอยากเขกหัวยายคนซุ่มซ่าม รู้ว่าตนเองว่ายน้ำไม่เป็นทำไมถึงได้เหลอหลาพลัดตกลงไปได้
“เลยใช้เงินแก้ปัญหางี้ ?” แม่คุณตัวแสบถามตาแป๋ว
“โหไรเนี่ย คนทำดีไม่ได้ดี เซง”
“ปรายก็ขอบคุณพี่แล้วไงคะ แต่ทีหลังไม่อยากกวนจริง ๆ ปรายเกรงใจ” เสียงหวานพูดขณะสูดลมหายใจ
“พี่รบมีงานตั้งเยอะแยะ แค่ฝากรับส่งน้องภูก็รบกวนมาก ๆ”
“เคยบอกแล้วไงว่าจะดูแล” พลรบไม่ได้แก้ตัวซะทีเดียว เขาเพียงอธิบายช้า ๆ
“พูดไว้แบบไหนก็แบบนั้นแหละ”
เหมือนเดิมตาเรียวเฉี่ยวขยิบให้หนึ่งที ก่อนหมุนกายเพื่อลงไปรับบัญชาและภูตะวันข้างล่าง
ผ่านไปเกือบครึ่งชั่วโมงพอพาทั้งสองคนเข้ามาคนรอก็นั่งย่นหน้าขมวดคิ้วหมุน
เขาเข้าใจเธอแหละว่าคิดถึงเจ้าลูกลิงแถมห่วงพ่อ ก็ทั้งสองแทบไม่ได้มาเยี่ยมเลยตั้งแต่เข้าโรงพยาบาล
บัญชาทำงานหนักที่ร้านส่วนเจ้าภูกว่าจะเลิกเรียนมาที่นี่ก็กินเวลาไปเกือบสามชั่วโมง จนปรายดาวเกรงว่าเด็กน้อยอาจหมดพลังไปโรงเรียนในวันถัดไป
“แฮปปีเบิร์ทเดย์ทูยู แฮปปีเบิร์ทเดย์ทูยู ~”
ทว่าวันนี้ไม่พามาไม่ได้ เพราะนี่คือวันเกิดคนไข้สุดสวย ภูตะวันตบมือร้องเพลง เขาถือเค้ก ส่วนบัญชาเพียงยิ้มบาง ๆ ส่งให้ลูกสาว เล่นเอาคนตัวเล็กน้ำตาคลอเบ้า
“อะไรกันคะเนี่ย ซื้อมาตั้งแต่เมื่อไร”
“พิเศษใส่ใจวันเกิดแม่ปรายไงครับ”
เจ้าตัวเล็กหัวเราะร่าบอก ปกติต้องมีธรรมเนียมฉลองกันที่บ้านทุกปี ชนะศึกและแพรทองแวะเวียนร่วมงานบางโอกาส แต่วันนี้พวกท่านติดธุระ… บิดามีประชุมด่วนส่วนมารดานัดปฏิบัติธรรมต่างจังหวัดกับเพื่อนพ้อง
“ขอให้มีแต่ความสุขความจริงนะคนเก่งของพ่อ” บัญชาโถมกอดลูกสาวเชื่องช้า คนเป็นพ่อลูบเรือนผมเงางามแผ่วเบา
“หมดเคราะห์ พ้นโศกนะ”
เวลาผ่านไปนานแค่ไหนในสายตาผู้ให้กำเนิดบุตรสาวยังคงเป็นเด็กน้อยเช่นเดิม แม้บัดนี้มีตัวแสบเพิ่มมาอีกคน
“แฮป ๆ ครับแม่ปราย รักที่สุดในโลก”
ภูตะวันปีนขึ้นหามารดาตามประสา วัยกำลังโตเช่นนี้ยิ่งซุกซน
“ขอบคุณครับตัวแสบ รักพ่อนะคะ” ปรายดาวหันมองทั้งคู่ด้วยแววตาซาบซึ้ง แต่กับเขาแปรเปลี่ยนเป็นเอาเรื่องฉับพลัน
“ยิ้มเยอะ ๆ นะปราย สุขสันต์วันเกิด” พลรบแทรกขึ้นประหนึ่งใจดีสู้เสือ
“นี่ของขวัญ”
เขายื่นให้ทั้งยังก้มหน้าก้มตาไม่กล้าจ้องคนรับ ใจลึก ๆ รู้แหละปรายดาวไม่อยากให้ภูตะวันมาที่นี่เท่าไร ส่วนกับบัญชาเธอก็ห่วงจับใจ ความรู้สึกทั้งหมดผุดขึ้นเพราะหวังดีไม่อยากให้ใครเหนื่อยเพื่อตนเอง
“ตัดเค้กกันดีกว่า หิวแล้วใช่ไหมน้องภู” คนชราโพล่งบ่ายเบี่ยงบรรยากาศมาคุ
“เดี๋ยวผมไปเอามีดให้นะครับ น่าจะอยู่แถว ๆ ทางนู้น”
ห้องพักปรายดาวถูกแบ่งเป็นสัดส่วน มีทั้งโซนรับแขกเพื่อรองรับญาติคนป่วย ครัวเล็ก ๆ มีพร้อมทั้งช้อนและส้อม ส่วนถัดไปสามสี่ก้าวก็เป็นห้องน้ำแต่เปิดออกไปมีวิวระเบียง เรียกได้ว่าทุกอย่างครบวงจรทีเดียว
ย่างก้าววุ่นหาอุปกรณ์ทานอาหารอยู่พักใหญ่ ชายหนุ่มไม่เห็นอะไรนอกจากมีดจนสมองนึกขึ้นได้ว่าเมื่อเที่ยงพยาบาลเอาไปล้าง ปลายเท้าเบี่ยงเกือบถึงประตู
“จะไปไหนครับ ลุงรบ” แต่อยู่ ๆ เจ้าตัวแสบมาจากไหนไม่รู้ก็สะกิดข้างหลัง
“ลุงจะไปเอาช้อนส้อมให้น้องภูไง กดเรียกพยาบาลเมื่อกี้ไม่รับซะที”
“เดี๋ยวน้องภูไปเรียกคุณพยาบาลเองครับ” ภูตะวันขันอาสา
“ไหวเหรอ”
“น้องภูแข็งแรง อีกอย่างลุงรบเหนื่อยแล้วทั้งดูแลแม่ปรายรับส่งน้องภู นั่งรอสบาย ๆ ดีกว่า”
“ก็ได้ครับ จำหมายเลขห้องได้ใช่ไหม”
พลรบหน้างุนงงปรับอารมณ์แทบไม่ทัน ภูตะวันฉลาดเกินเด็กทั่วไปจึงไม่มีอะไรต้องกังวลนัก อีกอย่างเคาน์เตอร์พยาบาลเดินไม่กี่ก้าวก็ถึง
“ได้ครับ น้องภูเก่งน้าได้รางวัลหนูน้อยมิตรภาพดีด้วย คุยกับพี่พยาบาลแป๊บเดียวรู้เรื่อง”
“ครับคนเก่ง” ตอบแล้วก็เปิดประตูให้เจ้าตัวแสบ นัยน์ตาคมกริบมองเด็กน้อยชั่วครู่พลางระบายลมหายใจเฮือกใหญ่ หาก ภูตะวันเป็นลูกเขาคงจะดีไม่น้อย… ไฮโซหนุ่มคิดในใจคล้ายเพ้อฝัน เพราะสิ่งเหล่านั้นไม่มีวันเป็นจริง!
อีกด้านหนึ่งร่างสูงจ้ำอ้าวพร้อมกระเช้าผลไม้ในมือ เรือนกายสง่าสวมสูทสีเข้มช่วยให้เขาดูภูมิฐานขึ้น ภายนอกดูเป็นผู้ใหญ่แต่ลึกข้างในคละคลุ้งไปด้วยอารมณ์ฉุนเฉียว ภวัฒน์โกรธจนแทบคลั่งหลังทราบข่าวการย้ายคนไข้จากหมอ ชายหนุ่มต่อเที่ยวบินตรงกลับมาที่นี่โดยไม่สนใจคนรัก เขาทิ้งอรนิชาให้กลับพร้อมทีมงานจนเจ้าหล่อนโทรมาอาละวาดแต่ซาตานร้ายก็ไม่แยแส
ปลายเท้าดุ่ม ๆ เร่งรีบเพื่อไปถึงหมายเลขห้องดังกล่าว ตาเหลือบมองตามป้ายโดยไม่สนใจเบื้องหน้า วินาทีนี้มุ่งหาแต่ ปรายดาวเท่านั้น เดินไปเรื่อย ๆ กระทั่งใกล้ถึงจุดหมายแต่ก็ชนเข้ากับร่างเล็กที่วิ่งไม่ดูตาม้าตาเรือ
“โอ๊ย!” เด็กน้อยกุมแขนฉับพลัน ยามรู้สึกถึงอาการเจ็บปวด ภวัฒน์ย่อกายสำรวจทุกตารางนิ้วจนย่นคิ้วถาม
“จะไปไหนครับตัวเล็ก พ่อแม่เราล่ะ”
“พอดีน้องภูจะวิ่งกลับไปหาแม่ปรายครับ คุณแม่รักษาอยู่ที่นี่” ชื่อแม่น้องภูเล่นเอาหัวใจแกร่งเต้นกระหน่ำราวกลองชุด เพ่งพิศใบหน้าขาวสะอาดถ้วนทั่ว นัยน์ตากลมโตประหนึ่งยิ้มทีโลกสดใส ริมฝีปากหยักระเรื่อพูดแล้วน่าเอ็นดูทันใด ไม่ผิดแน่…
ภูตะวันคล้ายเขาอย่างกับแกะ
“แม่ปราย ?” แกล้งประคองพลางซักไซ้ต่ออย่างชาญฉลาด
“ครับ พอดีแม่ป่วย คุณตากับลุงรบเลยพามารักษาที่นี่”
ภูตะวันอธิบายตามประสาเด็กทั่วไป หนุ่มน้อยใสซื่อเล่าให้ผู้มาใหม่ฟังอย่างไม่คิดปิดบัง
“แล้วพ่อน้องภูล่ะครับ คุณแม่ป่วยพ่อไปไหน”
“คะ…คุณพ่อเหรอครับ” ริมฝีปากหยักชะงักชั่วครู่ นัยน์ตาสุกสกาวดั่งดวงอาทิตย์เจือแววเศร้าใจ
“คุณพ่ออยู่บนท้องฟ้าครับ”
“งั้นเหรอครับ”
“ครับแม่บอกว่า คนเราพอกระโดดเข้าหม้อไฟก็จะเป็นดาวลูกไก่อยู่บนท้องฟ้า คุณพ่อก็แบบนั้นแหละครับ” น้ำเสียงเจื้อยแจ้วทำเอาคนฟังกัดฟันกรอด ภวัฒน์หมั่นนับหนึ่งถึงสิบในใจซ้ำ ๆ ระงับอารมณ์เดือดดาลไว้ในอก ปรายดาวโกหกลูกได้อย่างไร เขาไม่ได้เป็นดาวลูกไก่ซะหน่อย น้องภูมีพ่อ ทำไมพ่อต้องอยู่บนท้องฟ้าทั้งที่ตัวเป็น ๆ ยืนหัวโด่ตรงนี้!
“ว่าแต่คุณแม่น้องภูพักอยู่ห้องไหนเหรอครับ”
“ตรงนู้นครับ” ปลายนิ้วป้อมชี้ไปสุดทาง
“เดี๋ยวพะ…ลุงเดินไปส่ง” ฝืนแทนตนเองว่าลุงไปก่อน แม้ใจร่ำร้องอยากบอกให้หนูน้อยรู้เหลือเกินว่าเขานี่แหละบิดาที่แท้จริง ภวัฒน์จูงภูตะวันกระทั่งถึงหน้าห้องกว้าง นักธุรกิจหนุ่มลูบเรือนผมดำขลับอย่างรักใคร่ คงเพราะสายใยพ่อลูกกระมังเขาถึงได้เอ็นดูตัวเล็กตั้งแต่แรกเจอ
“ลุงไปก่อนนะครับ ไว้พบกันใหม่”
“ลาครับคุณลุง”
ภูตะวันยกมือกระพุ่มไหว้ ฝ่ายภวัฒน์ยิ้มพรายแล้วหันหลังจากไป คราแรกคิดเยี่ยมเยียนคนป่วยแต่เวลานี้คงไม่จำเป็น ‘เซอร์ไพรส์’ ที่เธอฝากไว้เล่นเอาชายหนุ่มประหลาดใจจนแทบทำตัวไม่ถูก เขาต้องตั้งหลักเพื่อสืบประวัติน้องภู อย่างน้อยลูกควรได้รับสิ่งวิเศษที่สุดไม่ใช่ความเป็นอยู่ตอนนี้ พ่อไปทางแม่ไปทางจะมีคุณภาพชีวิตเพียบพร้อมอย่างไรกัน
คิดได้ดังนั้นก็กดต่อสายหานักสืบมือดี สั่งการให้รวบรวมการเคลื่อนไหวของปรายดาวตลอดเจ็ดปีที่ผ่านมา นักธุรกิจหนุ่มต้องการรู้ทุกเรื่องโดยเฉพาะเกี่ยวกับบุตรชาย… ข้อมูลทั้งหมดต้องได้ภายในสามชั่วโมง
อำนาจเงินเนรมิตให้ทุกอย่างไม่ยากเย็น เพราะสุดท้ายเมื่อเหยียบคันเร่งรถหรูออกจากโรงพยาบาลพอถึงคฤหาสน์ แฟ้มดังกล่าวก็ถูกวางไว้เรียบร้อยบนโต๊ะทำงาน
นัยน์ตาคมกริบเพ่งพิศดูเอกสารเริ่มสั่นเทา เธอคลอดภูตะวันก่อนเรียนจบด้วยซ้ำ…
ช่วงเวลาทุกข์ทรมานเหล่านั้นปรายดาวผ่านไปมาได้คงเพราะลูกนั่นเอง เธอสูญเสียมารดาที่รักปานดวงใจ แถมพอกลับไปเรียนใหม่ย่อมถูกเหยียดหยาม
ภาพเลวร้ายปานขุดจากนรกอเวจีภวัฒน์ไม่ได้อยากให้หลุดออกไป ครั้นเขาไม่คิดว่าเรื่องบัดซบจะบานปลายเช่นนี้ ตอนถ่ายมัน จำได้เพียงถูกยั่วยุผ่านกันย์ พอปรายดาวเมามายคำพูดมากมายของเพื่อนกรอกหูเขาซ้ำ ๆ …
‘ยายนี่ไม่ได้รักมึงหรอก ใครก็รู้แม่งเด็กไอ้รบ’
‘พูดเหี้ยไรวะ!’
‘หลินบอกกูว่าแฟนสุดที่รักมึงเอาของไปให้ไอ้รบถึงบ้านก่อนมาเจอมึงอีก ถ้าเขาเห็นมึงสำคัญจริงโกหกว่ามีเรื่องขนาดนั้นต้องรีบมาปะวะ’
‘เพ้อเจ้อ’
‘กล้าพิสูจน์ไหมล่ะ ถ้าคืนนี้มึงเจาะแฟนมึงได้กูจะเชื่อว่ามึงเด็ดกว่าไอ้รบ’
‘ทำไมกูต้องพิสูจน์ ปรายแฟนกู กูรู้ดีว่าเขาคิดอะไรอยู่’
‘มึงแม่งอ่อนว่ะ กูไม่แปลกใจเลยที่มึงแพ้ไอ้รบตลอด’
แรงยั่วยุประจวบกับฤทธิ์แอลกอฮอล์ทำให้ภวัฒน์ขาดสติ เขาทำร้ายผู้หญิงคนหนึ่งโดยการแอบถ่ายรูปตอนหลับนอนส่งให้เพื่อนสารเลวอย่างกันย์ พอเรื่องแดงถามอีกฝ่ายก็ปฏิเสธเสียงแข็ง กันย์แสร้งบอกว่าไม่รู้เรื่องไม่ได้ติดประกาศอะไร จะทำอย่างนั้นไปทำไมกันพอแพ้พนันเขามันต่างหากที่เสียหน้า
สุดท้ายภวัฒน์จับมือใครดมไม่ได้กลายเป็นไอ้ชั่วร้ายทำเธอเสียหาย ความสุขเดียวในมือหลุดลอยไป เพราะเขาขยี้ใจดวงน้อยแถมฝังมันลงด้วยตนเอง
“ผมขอโทษปราย…” น้ำตาลูกผู้ชายรินไหลเปรอะผิวแก้ม นัยน์ตาแดงก่ำสะอื้นเงียบเหงาทุกข์ระทมในอก
“พ่อมันไม่ได้เรื่อง สมควรไปอยู่บนดาวลูกไก่อย่างที่แม่บอกจริง ๆ นั่นแหละน้องภู” พึมพำหาลูกชายยามมองชื่อบิดาบนใบเกิด เด็กน้อยภูตะวันมีเพียงมารดาเท่านั้นเป็นผู้ปกครอง ส่วนพ่อไม่เอาไหนเช่นเขาก็ไม่มีตัวตนต่อไป
แม้คำว่า ‘พ่อ’ ยังไม่มีสิทธิ์ได้ยินจากปากลูก สรรพนามว่า ‘ลุง’ กระแทกหัวใจแกร่งจนแทบหมดแรงกองอยู่กับพื้น ยิ่งความจริงปรากฏคนโง่บรมยังเป็นภวัฒน์เช่นเดิม
ชายหนุ่มเริ่มต้นใหม่ เขาทอดทิ้งลูกทิ้งเมียกระทั่งเสียดวงใจทั้งสองพร้อม ๆ กัน เวลานี้ควรทำอย่างไรกุมขมับจนปวดหัวไปหมด
ถ้าขอโอกาสปรายดาวจะยอมหรือเปล่า… กลัวใจแกร่งดั่ง หินผาเช่นเธอไม่มีวันหวนกลับมาหาเขา แววตาซึ่งอดีตคนรักใช้มองตั้งแต่กลับมาพบกันเจือเรียบเฉยบางครั้งติดเย็นชาเสียด้วยซ้ำ
แถมสาวเจ้ายังบอกนิ่ง ๆ เป็นนัยประเคนเขาแต่งงานกับอรนิชาทำราวกับผู้ชายคนนี้เป็นตัววุ่นวายในชีวิตเธอ
ไม่มีวัน เขาไม่ยอมหรอก!
คนเป็นพ่อควรได้รับสิทธิ์เลี้ยงดูลูก ไม่ใช่ ‘ลุงปลอม ๆ’ แต่อยากเป็นพ่อจนตัวสั่นอย่างไอ้พลรบ เห็นมันเคียงข้างหญิงสาวตลอดตั้งแต่วันวานกระทั่งบัดนี้หัวยิ่งปวดหนึบ ภวัฒน์หมายทวงทุกสิ่งคืนอย่างน้อยเขาต้องมีสิทธิ์เข้าใกล้ภูตะวันไม่แพ้คู่อริ
มือขยำภาพคู่ระหว่างบุตรชายกับมารหัวใจพร้อมปาทิ้งลง ถังขยะ ดวงตาคู่คมลุกเพลิงโทสะพร้อมมอดไหม้รอบกายเป็นจุณ
ภวัฒน์ประกาศก้องในใจ ต้องได้ทุกอย่างที่เป็นของตนกลับมาทั้งลูกทั้งเมีย!