อีซาพูดพร้อมกับมองหน้าลุตฟีและมามะ “คงอีกไม่นานพ่ะย่ะค่ะ ที่เราจะรู้ความจริง คำพูดของพวกมันเมื่อสักครู่ได้เบาะแสหลายอย่าง พระองค์ทรงพระปรีชาสามารถนัก” “มันพูดถึงครอบครัวของพวกมัน” อีซาบอกด้วยดวงตาเป็นประกายกล้า “น้อมรับคำบัญชาพ่ะย่ะค่ะ” ทั้งลุตฟีและมามะได้ยินคำพูดของนายเหนือหัว ล่วงรู้ว่าทรงคิดการใด ทั้งสองมองสบตากันนิ่งเพราะรู้ใจของกันและกันดี “ดีมาก ไปสืบดูว่าครอบครัวไอ้สองคนนั่นอยู่ไหน มันเป็นพวกเร่ร่อนจริงหรือว่าไม่ใช่” เสียงทรงอำนาจสั่งกร้าว องครักษ์ทั้งสองจึงรีบรุดไปสืบข่าวทันทีทันใด อีซารู้ว่าคนในประเทศของเขาเป็นคนที่รักครอบครัวยิ่งสิ่งใด ดังนั้นจุดอ่อนของคนที่นี่คือครอบครัว แม้แต่นายพลสุกรีก็เช่นกัน เมื่อลุตฟีและมามะเดินออกไปจากตำหนัก มาเลย์น่ามาเข้าเฝ้าสุลต่านหนุ่มทันที “ถวายบังคับเพคะฝ่าบาท” “ฮันนี่มาพอดีเลย ฉันกำลังคิดถึงเธออยู่เลย” อีซาคลายใบหน้าเคร่งเครียดลง

