บทนำ
แหวนกลมเกลี้ยงสีเงินวาวบนนิ้วนางข้างซ้ายบ่งบอกว่าหญิงสาวไม่ได้อยู่ในสถานะโสดอีกต่อไป แม้ว่าจะปราศจากการเข้าพิธีแต่งงานระหว่างบ่าวสาว ปราศจากงานเลี้ยงฉลองงานแต่งงาน และปราศจากการจดทะเบียนสมรสเพื่อประกาศความเป็นสามีภรรยาทางกฏหมายอย่างที่ควรจะเป็น แต่นั่นไม่ได้ทำให้พระจันทร์รู้สึกเดือดเนื้อร้อนใจนักเพราะทราบดีว่าการแต่งงานเรียบง่ายที่เกิดขึ้นระหว่างกันนั้นเพราะอะไร เจ้าบ่าวของเธอไม่ได้เต็มใจในเรื่องนี้ ไม่เลยสักนิด ส่วนตัวเธอเองนั้นก็ตกอยู่ในภาวะจำยอม เธอไร้ทางเลือก และไม่สามารถปริปากคัดค้านใดๆ ได้ทั้งนั้น ตอนนี้คนเป็นเจ้าบ่าวของเธออยู่ในห้องน้ำ ส่วนตัวเธอนั้นนั่งนิ่งหลังเหยียดตรงราวกับไม้บรรทัดอยู่ที่ปลายเตียงนอน ซึ่งเธอไม่แน่ใจว่าสามารถเรียกมันว่าเตียงนอนสำหรับการส่งตัวคู่แต่งงานเข้าห้องหอได้หรือเปล่า เพราะมันดูเรียบง่ายเสียเหลือเกิน ไม่มีแม้กระทั่งกลีบกุหลาบที่โรยบนที่นอนอย่างที่เคยเห็นผ่านตาจากพิธีการส่งตัวบ่าวสาวเข้าห้องหออย่างที่ควรจะเป็น ร่างบางลอบถอนหายใจออกมาเบาๆ ในขณะที่ในหัวนึกถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นก่อนหน้านี้ที่คฤหาสน์หลังงามของครอบครัวฟรีเดล
“ครอบครัวเราไม่ได้ตั้งใจมาทวงสัญญา แต่เป็นเพราะว่าตอนนี้พวกเราลำบากจริงๆ ”
กอบชนม์ บิดาของหญิงสาวกล่าวพร้อมยื่นซองสีน้ำตาลที่ภายในบรรจุุเอกสารบางอย่างไปให้คนเป็นเจ้าของคฤหาสน์ฟรีเดล เอริคกับฟลอเรนซาคู่สามีภรรยาเจ้าของคฤหาสน์เหลือบสายตามองบิดาของเธอเล็กน้อย แต่ถึงกระนั้นเอริคก็รับซองสีน้ำตาลนั้นเอาไว้ แล้วหยิบเอกสารด้านในขึ้นมาอ่าน
“ขอตัวสักครู่นะครับ”
เพียงครู่เดียวเขาก็วางมันลง ก่อนทั้งคู่จะขอตัวลุกออกไปจากโซฟาบุนวมหรูหราคล้ายกลับต้องการขอเวลาปรึกษาหารือกัน ทิ้งครอบครัวของเธอเอาไว้ที่ห้องรับแขก
“ลูกต้องทำยังไงก็ได้ให้ได้แต่งงานกับลูกชายของบ้านนี้ ถือเสียว่าทำเพื่อครอบครัวของเรา”
กิ่งกาญจน์ มารดาของเธอเน้นย้ำอีกครั้งเมื่อเอริคกับฟลอเรนซาพ้นระยะสายตาไปแล้ว พระจันทร์ได้แต่บีบมือเข้าหากันแน่นในขณะที่ดวงตาสีดำขลับหลุบลงต่ำ ภายในอกเต็มไปด้วยความอึดอัดอย่างที่ไม่เคยมาก่อน
“เข้าใจที่แม่บอกหรือเปล่า”
“พระจันทร์ทราบแล้วค่ะ”
หญิงสาวจำต้องเหลือบสายตาขึ้นสบตากับมารดาเพื่อตอบคำถามเมื่ออีกฝ่ายเน้นย้ำด้วยน้ำเสียงที่เข้มขึ้น แต่ถึงกระนั้นความหวั่นใจก็มีอยู่ไม่น้อย เพราะเรื่องนี้ไม่ได้ขึ้นอยู่กับเธอเพียงคนเดียว แต่ขึ้นอยู่กับเขาต่างหาก เขาที่เธอยังไม่เคยเห็นหน้าคาดตา ไม่รู้จักแม้กระทั่งนิสัยใจคอ ทราบเพียงแค่ว่าอีกฝ่ายชื่อเอเรียส คาสซาโน่ ฟรีเดล เป็นบุตรชายคนกลางของตระกูลฟรีเดลเท่านั้น
หากอีกฝ่ายปฏิเสธ เธอจะทำเช่นไรได้ แต่ถึงกระนั้นหญิงสาวก็จำต้องรับคำมารดาอย่างไร้ทางเลือก
เวลาผ่านไปเรื่อยๆ จนกระทั่งในอีกครึ่งชั่วโมงเอริคกับฟลอเรนซาก็กลับมา และก็ไม่ได้กลับมาเพียงลำพัง มีคนๆ หนึ่งเดินตามพวกเขามาด้วย ชายหนุ่มในชุดเสื้อโปโลสีกรมท่า บนอกซ้ายปักลายโลโก้ที่มองเพียงแวบเดียวก็ทราบว่าเป็นเสื้อยี่ห้อดังคู่กับกางเกงยีนส์สีซีด แม้จะอยู่ในชุดลำลอง ทว่าอีกฝ่ายกลับดูดีจนทำให้พระจันทร์ใจเต้นแรงอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน เส้นผมสีบลอนด์เข้มตัดสั้นที่ปกคลุมบนศีรษะเข้ากับใบหน้าหล่อคมที่มีไรเคราจางๆ ล้อมกรอบหน้า จมูกโด่งที่มีสันจมูกชัดเจนรับกับริมฝีปากหยักสวย ชายหนุ่มมีคิ้วดกหนาที่พาดเหนือดวงตาเรียวรีสีฟ้าคราม นัยน์ตาคู่นั้นดูทรงเสน่ห์อย่างร้ายกาจ พระจันทร์เผลอสบเข้าเพียงเสี้ยววินาทีก็ต้องรีบดึงสายตากลับเพราะมันทำให้หัวใจของเธอเต้นรัวขึ้นอย่างน่ากังวล ดวงตาคู่สวยหลุบลงต่ำแม้กระทั่งตอนที่ได้ยินเจ้าของบ้านแนะนำผู้มาใหม่แก่บิดาและมารดาของเธอ
“นี่เอเรียส ลูกชายคนกลางของผม” เอริคบอกก่อนจะหันไปหาเอเรียส “นี่คือคุณกอบชนม์กับคุณกิ่งกาญจน์ ส่วนนั่นหนูพระจันทร์”
เมื่อถูกกล่าวชื่อพระจันทร์จำต้องเงยหน้าขึ้นเพื่อไม่ให้เป็นการเสียมารยาท หญิงสาวไม่ทันได้กล่าวทักทายออกไป อีกฝ่ายก็เอ่ยปากมาก่อน
“สวัสดีครับคุณกอบชนม์ คุณกิ่งกาญจน์”
เอเรียสกล่าวก่อนที่นัยน์ตาสีฟ้าครามจะหยุดสายตาที่เธอ ไร้คำกล่าวทักทาย มีเพียงสายตานิ่งๆ ที่จ้องมองมา ทำเอาพระจันทร์ประหม่าและทำตัวไม่ถูกกับเหตุการณ์ที่อยู่ตรงหน้า สุดท้ายหญิงสาวก็ทำได้แค่หลุบสายตาลงต่ำเพื่อหลบสายตาคมเข้มคู่นั้น
“สวัสดีครับ”
กอบชนม์บิดาของหญิงสาวทักทายกลับ ก่อนจะขยับยิ้มที่มองปราดเดียวก็ดูออกมานั่นเป็นรอยยิ้มการค้า กิ่งกาญจน์เองก็ทำเฉกเช่นเดียวกันกับคนเป็นสามี
“คุณเอเรียสคงทราบเรื่องจากคุณเอริคกับคุณฟลอเรนซาแล้วใช่ไหมครับ” กอบชนม์พยายามถามด้วยน้ำเสียงสุภาพมากที่สุดเท่าที่จะทำได้
“ครับ ผมทราบแล้ว”
“แล้ว…”
กอบชนม์กล่าวแค่นั้น ทว่าดวงตาของเขามองไปที่เอเรียสอย่างคาดหวังกับคำตอบว่าจะเป็นไปในทิศทางที่ดี กิ่งกาญจน์เองก็ทำเช่นเดียวกัน เอเรียสเองก็สบตาคู่สนทนาอย่างไม่หลบเลี่ยงสายตา
“ผมจะยอมทำตามข้อตกลงแต่ผมมีเงื่อนไข”
เพียงแค่เอเรียสออกปากว่ายอมทำตามข้อตกลงถึงแม้ว่าจะมีคำว่าเงื่อนไขตามมา ทำให้กอบชนม์กับกิ่งกาญจน์ดีอกดีใจอย่างออกนอกหน้า ทั้งคู่หันมาจับมือกันพลางขยับยิ้มกว้าง ความหนักอึ้งทั้งหมดจึงตกอยู่ที่พระจันทร์อย่างไม่อาจเลี่ยงได้
นี่เธอต้องแต่งงานจริงๆ อย่างนั้นหรือ กับคนที่เธอไม่เคยรู้จัก ไม่ทราบนิสัยใจคอ แล้วอย่างนี้จะสามารถใช้ชีวิตร่วมกับอีกฝ่ายได้อย่างไรกัน
คิดได้แบบนั้น ครู่หนึ่งหญิงสาวก็เผลอช้อนสายตาขึ้นสบเข้ากับนัยน์ตาสีฟ้าครามที่ไม่ทราบว่าเขามองมาที่เธอตั้งแต่เมื่อไรกัน เพียงแค่นั้นกล้ามเนื้อในอกซ้ายของหญิงสาวก็เต้นถี่ขึ้นราวกับจังหวะรัวกลอง สุดท้ายก็รีบหลุบสายตาลงต่ำเช่นเดิม
“ไม่คิดจะฟังเงื่อนไขของผมสักหน่อยหรือครับ”
เอเรียสถามอย่างตรงไปตรงมา นั่นทำให้กอบชนม์กับกิ่งกาญจน์ยอมผละออกจากกัน แล้วหันมามองเอเรียส อย่างสนอกสนใจ
“คุณเอเรียสว่ามาเลยครับ”
“จะไม่มีพิธีแต่งงานและการจดทะเบียนสมรส ถ้าพวกคุณรับได้ผมก็ตกลง”
“ไม่มีปัญหาครับ”