ตอนที่ 2
เสียงเตือนจากห้องเล็ก
....เอกอี้เอ้กเอิ้กๆๆ
เสียงไก่ขันในเวลาเกือบรุ่งสาง ทำให้ร่างบางที่นอนคุดคู้อยู่ภายใต้ผ้าห่มขยับตัว เปลือกตาคู่สวยของ จำปา กระพริบติดกันก่อนจะเหลือบมอง ไกรศร ผัวของตน ที่ยังคงหลับใหลอาจจะเพราะเขาบริกรรมคาถาต่อเนื่องมาหลายคืน เพื่อเตรียมตัวบำเพ็ญศีลใหญ่ในไม่กี่วันนี้ แถมเมื่อคืนก็บรรเลงบทรักปรนเปรอเธอต่อเนื่องยาวนาน
แค่คิดถึงความวาบหวามเมื่อคืน สองแก้มเปล่งของหญิงสาวก็แดงซ่านขึ้นมาอีกรอบ เธอจึงลุกขึ้นอย่างระมัดระวัง และยกแขนแข็งแรงของเขาที่โอบกอดเธอออกอย่างเบามือที่สุด
แม้จะอยู่ในสถานะเมียของพ่อครูแล้ว แต่ทุกเช้า จำปา ก็ต้องลงไปเตรียมสำรับพร้อมกับสร้อย และคนงานอื่นๆเช่นดั่งปกติ เหมือนเมื่อครั้งเป็นสาวรับใช้ในเรือน ด้วยต้องการทำหน้าที่ดูแลผัวและเรือนให้ดีที่สุด
วันนี้ก็เช่นกัน
หญิงสาวหยิบผ้าถุงมาสวม และเสื้อฝ้ายหนาสองชั้น เพราะอากาศช่วงเช้าค่อนข้างหนาวเย็น หากไม่ทำร่างกายให้อบอุ่นอาจจะเป็นใข้หรือไม่สบายได้ง่าย
กึกๆ
เสียงไม้กระดานพื้นเรือนดังเมื่อสองเท้าของเธอเหยียบลง ด้วยเพราะความชื้นในมวลอากาศ ทำให้ไม้ประดู่หดตัวนั่นทำให้ จีรยา ย่างก้าวด้วยความระมัดระวัง ด้วยไม่อยากจะให้เกิดสุ้มเสียงที่เป็นการรบกวนพ่อครูไกร อย่างน้อยให้เขาได้พักผ่อนนอนต่ออีกสักหน่อยก็ยังดี เธอจึงถือตะเกียงเดินออกจากห้องและปิดประตูด้วยความเบามือที่สุด
“ฮิๆๆ”
เสียงหัวเราะแหลมเล็กดังแว่วมาจากห้องเล็ก นั่นทำให้ จำปา ชะงักเท้าเล็กน้อย ก่อนจะเงี่ยหูฟังว่าเสียงนั้นเป็นใคร หรือว่าเป็นเพราะเธอหูแว่วไปเอง
“คิดเหรอว่าได้แต่งงานกับพ่อครูแล้วเธอจะมีความสุข ฮิๆๆ” เสียงแหลมนั้นดังก้องอยู่รอบตัว เหมือนไม่ใช่มาจากห้องเล็ก แต่ดังอยู่ในหูของเธอเอง
“ใครนะ! ต้องการอะไร?”
จำปา ตะโกนถามเมื่อเดินมาตรงชานเรือน ยกมือที่ถือตะเกียงขึ้นสูง เพื่อสอดส่องหาต้นกำเนิดของเสียงนั้น แม้จะนึกถึงเรื่องราวที่สร้อยเคยเล่าให้ฟังเกี่ยวกับ แก้ว เมียเก่าของพ่อครู แต่เธอก็ไม่เคยเห็นและสัมผัสได้สักครั้ง
นอกจากเคยเจอในนิมิตคราวนั้นหลังจากเจอ ป้ารัตน์!
แต่ตอนนี้เธอมาอยู่บนเรือนใหญ่ในฐานะ เมียของพ่อครูไกรศร แล้ว ไม่แน่ใจว่าจะเป็นการสร้างความขุ่นข้องหมองใจให้กับสัมภเวสีเหล่านั้นเหรอไม่
“เอ็งก็รู้จำปา ว่าข้าเป็นใคร”
เสียงนั้นยังคงดังอยู่รอบตัว แต่ไม่ปรากฎร่างของผู้เอ่ยแม้แต่น้อย นั่นทำให้ขนอ่อนในกายของ จำปา ลุกชูชันขึ้น
อย่าบอกนะว่า เธอเจอกับ ผี อีกแล้ว
“ฉันไม่ได้ปรารถนาจะลบลู่ใคร เธอต้องการอะไรจากฉัน ในเมื่อเราอยู่คนละภพกันแล้ว ถ้าเธอรักพ่อครูจริงก็คงต้องการให้เขามีชีวิตที่ดีและมีความสุขต่อไปใช่มั้ย?”
พูดไปแล้ว จำปาก็รู้สึกชื่นชมตัวเองในใจ ที่สามารถเอ่ยบอกผีได้อย่างไม่กลัวเกรง ดั่งเช่นแต่เก่าก่อน
“ฮิฮิๆๆ พ่อครูเขารักข้า ..อย่าหวังเลยว่าอย่างเอ็งจะมีลูกให้เขาได้ อย่าหวังๆๆ ฮิๆๆ”
เสียงหัวเราะแหลมแสบแก้วหูดังก้องไปทั่วเรือน จนตะเกียงในมือของ จำปา หลุดลงจากมือ
ปึกๆ
“ไม่ๆๆ นะ”
“จำปา! เป็นอะไรรึ?”
เสียงนุ่มทุ้มต่ำข้างหู ตะโกนอยู่ข้างๆ ก่อนที่วงแขนแข็งแรงจะโอบร่างที่สั่นระริกของเธอเข้ากับตัว คิ้วหนาของ ไกรศร ขมวดขึ้นเล็กน้อยเมื่อสัมผัสได้ถึงพลังงานบางอย่าง
“ฉันได้ยินเสียงแก้วบอกว่า อย่าหวังฉันจะมีลูกให้พี่ได้”
น้ำเสียงของ จำปา สั่นระริกและซุกหน้ายังอกกำยำของเขา ด้วยความตระหนก ความจริงช่วงหลังเธอเริ่มชินกับการเห็นวิญญานและผีเรือนหลายตนแล้ว แต่นี่เป็นครั้งแรกที่ได้ยินคำขู่แบบชัดๆเต็มสองหูเช่นนี้
“ไม่ต้องกลัวๆ เดี๋ยวพี่จัดการเอง”
ไกรศร ลูบเรือนผมสลวยของเธอเบาๆ เพื่อปลอบประโลม ดวงตาคู่สีนิลเข้มมีแววครุ่นคิดเล็กน้อย เมื่อเหล่มองไปยังห้องเล็กข้างห้องพัก “พี่ผิดเองที่นำเถ้าแก้วมาไว้ที่นี่ แม้จะบำเพ็ญภาวนา และทำบุญให้ตลอด แต่เขาก็ยังยึดติดกับตัวพี่”
“หือ พ่อครูรู้มาตลอดยังงั้นรึ? ว่าแก้วยังคอยวนเวียน”
จำปา เงยหน้าถามอย่างตระหนก แต่เข้าใจว่าเขาเป็นถึงระดับพ่อครูหมอผี ที่เลี้ยงเหล่าสัมภเวสีและภูตผีไว้หลายตน การจะเลี้ยงวิญญานเมียเก่าตัวเองไว้คงไม่แปลกอันใด
“อืม พรุ่งนี้พี่จะทำพิธีปลดปล่อยเขาไป” แววตาของชายหนุ่มอ่อนแสงลงเล็กน้อย เมื่อคลายวงแขนออกจากร่างเธอ
“อย่ากังวลเลย เดี๋ยวพี่จะจัดการเอง”
เขาเอ่ยย้ำด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน นั่นทำให้ จำปา ก้มลงหยิบตะเกียงบนพื้นเรือนเพื่อเตรียมจะเดินลงไปด้านล่าง เมื่อได้ยินเสียงถ้วยจานชามในครัว ซึ่งคาดว่า สร้อย น่าจะเริ่มก่อไฟหุงหาอาหารเตรียมสำรับมื้อเช้าแล้ว
“งั้นฉันไปช่วยสร้อยเตรียมสำรับก่อนนะ วันนี้จะทำแกงมะรุมใส่ปลาช่อนที่พ่อครูชอบจ้ะ”
จำปา บอกเขาเสียงหวานขณะถือตะเกียงเตรียมก้าวลงจากบันใด แม้ลึกๆในใจจะยังรู้สึกไม่สบายใจเท่าที่ควร แต่เมื่อเห็นสีหน้าและการรับปากของพ่อครูแล้ว เธอเองก็ไม่อยากจะเซ้าซี้เขาให้มากกว่านี้
เขาอาจมีเหตุผลบางอย่างถึงได้เลี้ยงผีเมียเก่าไว้เช่นนี้
ไกรศร มองตามร่างบางของเมียเดินลงบันไดจนลับตา จึงผ่อนลมหายใจออกมาเล็กน้อย แล้วหันหลังเดินเข้าไปยังห้องเล็กข้างห้องพระ กลิ่นหอมดอกมะลิผสานกับกลิ่นธูปโชยเข้ามาแตะจมูก ทำให้คิ้วหนาเข้มบนหน้าหล่อเหลาย่นเข้าหากันเล็กน้อย
“พี่ขอโทษที่รั้งแก้วไว้ในเรือน แต่คงถึงเวลาแล้วที่แก้วควรจะไปสู่ภพภูมิอื่นที่ดี เพราะคนเหล่านั้นก็ล้วนได้รับกรรมตามสมควรไปแล้ว”
พ่อครู เอ่ยเสียงราบเรียบ มือหนาเอื้อมจับโกฐสีทองที่วางไว้ตรงมุมโต๊ะแล้วลูบเบาๆ “พี่ไม่เคยโกรธแก้วไม่ว่าเรื่องนั้นจะผิดร้ายแรงแค่ไหน ไม่ว่าแก้วจะอยู่ในภพภูมิไหนพี่ก็ปราถนาดีต่อแก้วด้วยใจจริง”
“ฮึกๆ”
เสียงสะอื้นให้ดังแว่วแผ่วเบา มาจากโกศอันนั้น ก่อนจะเงียบหายไป เมื่อน้ำมนต์ศักดิ์สิทธิ์ถูกพรมด้วยยอดมะยมจนเปียกชุ่ม ก่อนจะถูกห่อด้วยผ้าขาวบางและพันด้วยด้ายสายสินธุ์อีกหลายรอบ ก่อนที่ พ่อครูจะสวดบริกรรมภาวนาคาถา
“กัมมะโตเมตัง กัมมะกันทะนัง ข้าขอปลดปล่อยวิญญานของนังแก้ว ให้สู่ภพภมิที่ดีด้วยเทอญ....”
.
.
“เมื่อคืนมึงได้ยินเสียงแปลกๆรึไม่?”
สร้อย เอ่ยถามเบาๆ เมื่อไอ้เข่ง ยกฟืนเข้ามาในลานครัว ขณะที่จำปา กำลังหั่นมะรุมและแกะเปลือกออกอย่างตั้งใจ แต่หูยังคอยเงี่ยฟังทั้งสองคุยกันอย่างตั้งใจ
“ได้ยินซิ เสียงมากจากคอกวัวใช่มั้ย”
“มันเดินไปมาทั้งคืน คงเข็ดตอนนั้นที่พ่อครูเสกคาถาใส่เลยอาจจะยังไม่กล้ายุ่มย่ามเท่าใด อีกอย่างผีพรายทิศใต้น่าจะทำหน้าที่ของพวกมันอยู่”
ไอ้กล้า เดินเข้ามาสมทบ ก่อนจะส่ายหน้าไปมาอย่างเหนื่อยอ่อนคล้ายไม่ได้หลับนอนทั้งคืน ด้วยพะวงกับเสียงแปลกประหลาดรอบเรือนทั้งคืน
“แต่ยายสายแกตายไปแล้วไม่ใช่รึ? เห็นพ่อครูบอกว่าแกไม่ได้ส่งเชื้อปอบให้อีวิไลนี่นา และตอนนี้มันก็ไปมาหาสู่กับคุณภพอยู่นะ ....แล้วจะเป็นใครไปได้”
เข่ง หันมาถามเบาๆ อย่างระมัดระวัง นั่นทำให้หน้าของ กล้า เข้มขึ้นกว่าเดิม และสร้อยเองก็ชะงักมือที่กำลังหย่อนฟืนเข้าเตาแทบจะทันที และหันมามองหน้าของทั้งคู่
“หมายความเช่นไร? จะบอกว่าอีวิไลเป็นบอปเชื้อรึ”
“ชู่ว์!”
ไอ้กล้าจุ๊ปากเล็กน้อย เมื่อหันมามอง จำปา ที่เงยหน้ามามองพวกตนอยู่ก่อนแล้ว ด้วยเกรงว่าหากตนพูดไปโดยพละการและไม่มีหลักฐานจะโดนตำหนิเอาได้ เพราะตอนนี้ จำปา ถือว่าเป็นเมียของพ่อครู เจ้านายของพวกตน
“ข้าก็ไม่แน่ใจนัก แต่คิดว่าบอปเชื้อส่วนใหญ่มันจะถ่ายทอดโดยทางสายเลือดโดยตรงได้เลย”
คำบอกของ ไอ้กล้านั้นทำให้ จำปา ชะงักมือ ด้วยเธอรู้มาตลอดว่า สักวันหนึ่งตามเนื้อเรื่องในนิยายยังไง วิไล ก็ต้องกลายเป็นบอปดั่งเช่นผู้เป็นแม่ และที่ผ่านมาเธอได้พยายามอย่างที่สุดเพื่อจะหยุดยั้งสิ่งนั้น
...แต่เหมือนไม่เป็นผล วิไลอาจจะรับเชื้อปอบมาจริงๆ