ตอนที่ 2 บัตรคิวใบที่เก้า

1258 Words
“เมื่อวาน! มึงหักอกพี่หมอตรัยของพวกกู นังสีดามึงมันชั่ว มึงมันเลว แบบนี้กูจะเอาหน้าที่ไหนเข้าไปตรวจคลินิกพี่เขา” “ไม่เห็นเกี่ยว” คนถูกเพื่อนด่าพูดอย่างไม่เดือดร้อน ผิดกับคนด่าที่มองเพื่อนตาขวาง เพราะเป็นคนแนะนำให้เพื่อนรู้จักกับพี่หมอตรัยลูกค้าที่ตัวเองรับตรวจสอบบัญชีให้ “ไม่เกี่ยวอะไร มึงรู้มั้ยเวลาทีมกูเข้าตรวจทั้งน้ำทั้งขนมทั้งผลไม้วางเต็มโต๊ะ เอกสารก็แทบไม่ต้องขอ” วินทร์เอ่ยเสียงดัง ยอมรับแหละว่าทีมของตัวเองได้อภิสิทธิ์เพราะเพื่อนเป็นคนพิเศษเจ้าของคลินิก “มันเป็นหน้าที่เขาป่ะ มึงเป็นผู้สอบบัญชีคลินิกเขา เขาเตรียมเอกสารให้มึงตรวจก็ถูกแล้ว” “กูเกลียดหน้าตาใสซื่อของมึงมาก” “อ้าว” คนถูกเกลียดถึงกับยิ้มกว้าง ก่อนจะหันไปมองฟางที่มองมาอย่างสงสัย “พี่หมอเขาก็ดูสเปกมึง? อะไรทำให้ไม่ไปต่อ ที่กูเห็นเขาก็ดูแลเทคแคร์มึงดี” ฟางเอ่ยถามอย่างสงสัย “เออ กูก็อยากรู้เหมือนกัน กูบอกเลยผู้ชายที่เข้ามาจีบมึงพี่หมอตรัยของกูคือที่สุดแล้ว หน้าที่การงานมั่นคง ฐานะทางบ้านก็ดี รถก็มี คอนโดก็ไม่ต้องผ่อน เทคแคร์ดูแลก็ที่หนึ่ง มึงเทเขาเพื่อ?” คนเป็นพ่อสื่อยังโกรธไม่หาย “ไม่รู้สิ มันยังไม่คลิกมั้ง” "อะไรคือไม่คลิก คุยกันมาตั้งหลายเดือนบอกไม่คลิก" ไม่พูดเปล่าแต่มือหนายื่นไปผลักศรีษะได้รูปอย่างหมั่นไส้ “ก็มันไม่ใช่ ไม่รู้จะคุยต่อทำไม ปล่อยพี่เขาไปเจอคนที่ใช่ไม่ดีกว่าหรือไง” “แหม! ดูเป็นคนดีขึ้นมาเลยนะมึง งั้นมึงก็เก็บจิ๋มไว้รอพระรามเหมือนเดิมเถอะ” คนถูกเพื่อนประชดมองค้อนทันที พูดอย่างกับว่ามันจะมีคนที่ชื่อพระราม แต่ถึงมีจริงก็ไม่เห็นเกี่ยว นางสีดาอย่างเธอไม่จำเป็นต้องมีสามีชื่อพระราม "สีดา" "ว่า?" สีดาหันไปมองอิงเอยที่อยู่ๆก็เรียกเธอเสียงดัง เธอเห็นนะว่าอีกฝ่ายหันไปสบตากับคู่แฝดของตัวเองอย่างอบอุ่น เวลาที่สองคนนี้คิดอะไรตรงกันจะหันไปมองหน้ากันทันที เรื่องที่คิดเหมือนกันครั้งนี้ก็พ้นไม่พ้นเรื่องเธอ "มึงว่ากูสวยป่ะ?" "หื้อ หน้ามึงแบน นมมึงเล็ก กูสวยกว่า” “อิเลว” อิงเอยมองเพื่อนตาขวาง บลูลี่อะไรก็บลูลี่ได้แต่จะมาบลูลี่นมเธอไม่ได้ ถึงนมเธอจะเล็กแต่ก็เล็กอย่างมีสไตล์ “ทำไม? กลัวกูเปลี่ยนไปชอบผู้หญิง?” สีดาเลิกคิ้วถาม “ไม่ต้องกลัวกูยังชอบผู้ชายเหมือนเดิม” “ใครจะไปรู้ ผู้ชายมาชอบกี่คนๆมึงก็เทเขาหมด” “ก็มันยังไม่ใช่” เธอก็ไม่อยากเทหรอก แต่คุยกันแล้วมันไม่ใช่จะให้เธอทำยังไง หรือความจริงแล้วเธอกำลังรอพระรามอย่างที่เพื่อนว่า “แล้วอีกห้าคนคืออะไร?” นับยังไงผู้ชายที่เธอปฏิเสธก็มีแค่สามคน "ก็ที่มึงหักอกเขาตอนอยู่มหา'ลัยไง แหมแค่นี้ทำเป็นจำไม่ได้" คนที่ตอบคือชายหนุ่มคนเดียวในกลุ่ม ซึ่งคำตอบของอีกฝ่ายก็ได้รับการพยักหน้ายืนยันจากพยานทั้งสามทันที สีดาถึงกับเบ้ปากเมื่อเห็นเพื่อนพยักหน้าพร้อมเพียง ดีนะที่พวกมันไม่ขุดมาตั้งแต่สมัยมัธยมไม่อย่างนั้นเธอคงได้ชื่อว่าเทผู้ชายไม่ต่ำกว่าสิบคน “สนใจเหรอวะ?” นายแพทย์รัญชน์เอ่ยถามเพื่อนเมื่อมั่นใจว่ากลุ่มลูกค้าที่เพิ่งลุกออกจากโต๊ะจะไม่ได้ยินในสิ่งที่ตัวเองพูด “อะไร?” คนถูกถามหันกลับมามอง เพิ่งรู้ว่าตัวเองเผลอมองตามผู้หญิงคนนั้นกับกลุ่มเพื่อนของเธอเมื่อได้ยินคำถามจากเพื่อนที่นั่งอยู่ฝั่งตรงข้าม “บัตรคิวใบที่เก้าไง” คุณหมอหนุ่มยักคิ้วส่งให้ "สเปกมึงเลยนิ เสียดายพวกเธอน่าจะไม่ได้ทำงานแถวนี้ โอกาสได้เจออีกท่าจะยาก" ไม่ได้ตั้งใจที่จะแอบฟัง แต่เพราะโต๊ะอยู่ห่างกันไม่มากบวกกับอีกฝ่ายไม่ได้กักเก็บเสียงพูดทำให้เขากับเพื่อนได้รู้เรื่องไปด้วย "มึงรู้ได้ไง" รามิลเลิกคิ้วมองเพื่อน "ร้านนี้กูเข้าเกือบทุกวันถ้าพวกเธอทำงานแถวนี้จริงกูก็ต้องเคยเห็นสิวะ" คุณหมอหนุ่มตอบ ร้านกาแฟนี้ตั้งอยู่หน้าโรงพยาบาล ก็ไม่แปลกที่เขาจะเข้ามาใช้บริการบ่อย "ตกลงคือสนใจ?" "ก็สวยดี แต่ยังไม่ใช่" "หล่อเลือกได้?" คนมีเพื่อนเป็นอดีตหนุ่มฮอตของโรงเรียนทำหน้าเอือม อดหมั่นไส้คำพูดของเพื่อนไม่ได้ แม้จะรู้ว่าสิ่งที่เพื่อนพูดไม่เกินจริง ผู้หญิงที่รามิลเคยคบสวยเทียบชั้นดาราเลยก็ว่าได้ "ตกลงมาหากูมีไร?" "กูนอนไม่หลับ จัดยานอนหลับให้หน่อยสิ" "เครียดหรือหมกมุ่นวะ" "หมกมุ่นบ้านพ่อง!" ไม่ด่าอย่างเดียวแต่ยังเตะปลายเท้าไปที่หน้าขาอีกฝ่ายเต็มแรง "ไอ้ห่า! เตะมาได้..." คุณหมอหนุ่มที่เผลอพูดคำไม่สุภาพเงียบเสียงลงแทบไม่ทัน หันไปมองโดยรอบส่งยิ้มอ่อนให้กับทุกคนในร้าน ซึ่งลูกค้าส่วนใหญ่ล้วนเป็นบุคลากรของโรงพยาบาลที่คุ้นหน้ากันดี "เป็นมานานยัง?" "สองอาทิตย์" ก็น่าจะถึง ตั้งแต่รับโปรเจคใหม่เขาก็แทบไม่ได้นอน พอมีเวลาได้พักกับนอนไม่หลับซะงั้น "สองอาทิตย์? แต่มึงเพิ่งมาหากูนี่นะ" "ช่วงนี้กูยุ่ง" "ยาน่ะกูสั่งจ่ายมึงได้ แต่มึงจะเอาแต่ทำงานไม่ดูแลตัวเองไม่ได้เว้ย ร่างกายต้องพักผ่อน ไอ้เครื่องออกกำลังกายที่คอนโดมึงซื้อมาก็รู้จักใช้งานบ้างไม่ใช่ปล่อยทิ้งให้ฝุ่นมันจับ" รู้ดีว่าเพื่อนเป็นคนบ้างาน แต่ทำงานจนไม่ดูแลตัวเองมันก็เกินไป ทั้งที่ตัวเองก็ไม่ได้ลำบากอะไร แต่ทำงานอย่างกับเป็นหนี้ร้อยล้าน เพราะเป็นเพื่อนกับรามิลมาตั้งแต่เด็ก เรียนด้วยกันมาตลอดกระทั่งจบมัธยม ก่อนจะแยกย้ายกันไปเรียนต่อในระดับมหาวิทยาลัย โดยที่เขาเลือกเรียนหมอ ส่วนรามิลเลือกเรียนวิศวะ หลังจากเรียนจบปริญญาตรีรามิลก็เดินทางไปเรียนต่อปริญญาโทที่อังกฤษทันที พอเรียนจบก็ทำงานอยู่ที่โน้นต่อเกือบสี่ปีก่อนจะย้ายกลับมาทำที่บริษัทลูกซึ่งเป็นสาขาประจำประเทศไทยเมื่อสามปีก่อน รามิลเกิดและเติบโตมาจากครอบครัวที่มีฐานะดี จะเรียกว่ารวยเลยก็ว่าได้ ต่อให้ไม่ทำงานก็มีเงินใช้ไม่ขาดมือ แต่อีกฝ่ายก็ยังทำงานไม่หยุด "มิล" "หือ?" "ตั้งแต่เลิกกับออยมึงยังไม่คบใครใช่มั้ย?" ออยหรืออรปรียาคือผู้หญิงที่รามิลคบด้วยหลังจากที่กลับมาจากอังกฤษ ก่อนจะเลิกกันไปเมื่อสองปีก่อน หลังจากนั้นเขาก็ไม่เห็นว่าเพื่อนจะคบใครอีก "ทำไม?" “มึงไม่เหงา?” “ไม่” "แต่เรื่องนั้นมันก็ต้องปลดปล่อย ผู้ชาย..."
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD