“เมื่อวาน! มึงหักอกพี่หมอตรัยของพวกกู นังสีดามึงมันชั่ว มึงมันเลว แบบนี้กูจะเอาหน้าที่ไหนเข้าไปตรวจคลินิกพี่เขา”
“ไม่เห็นเกี่ยว”
คนถูกเพื่อนด่าพูดอย่างไม่เดือดร้อน ผิดกับคนด่าที่มองเพื่อนตาขวาง เพราะเป็นคนแนะนำให้เพื่อนรู้จักกับพี่หมอตรัยลูกค้าที่ตัวเองรับตรวจสอบบัญชีให้
“ไม่เกี่ยวอะไร มึงรู้มั้ยเวลาทีมกูเข้าตรวจทั้งน้ำทั้งขนมทั้งผลไม้วางเต็มโต๊ะ เอกสารก็แทบไม่ต้องขอ” วินทร์เอ่ยเสียงดัง ยอมรับแหละว่าทีมของตัวเองได้อภิสิทธิ์เพราะเพื่อนเป็นคนพิเศษเจ้าของคลินิก
“มันเป็นหน้าที่เขาป่ะ มึงเป็นผู้สอบบัญชีคลินิกเขา เขาเตรียมเอกสารให้มึงตรวจก็ถูกแล้ว”
“กูเกลียดหน้าตาใสซื่อของมึงมาก”
“อ้าว” คนถูกเกลียดถึงกับยิ้มกว้าง ก่อนจะหันไปมองฟางที่มองมาอย่างสงสัย
“พี่หมอเขาก็ดูสเปกมึง? อะไรทำให้ไม่ไปต่อ ที่กูเห็นเขาก็ดูแลเทคแคร์มึงดี” ฟางเอ่ยถามอย่างสงสัย
“เออ กูก็อยากรู้เหมือนกัน กูบอกเลยผู้ชายที่เข้ามาจีบมึงพี่หมอตรัยของกูคือที่สุดแล้ว หน้าที่การงานมั่นคง ฐานะทางบ้านก็ดี รถก็มี คอนโดก็ไม่ต้องผ่อน เทคแคร์ดูแลก็ที่หนึ่ง มึงเทเขาเพื่อ?” คนเป็นพ่อสื่อยังโกรธไม่หาย
“ไม่รู้สิ มันยังไม่คลิกมั้ง”
"อะไรคือไม่คลิก คุยกันมาตั้งหลายเดือนบอกไม่คลิก" ไม่พูดเปล่าแต่มือหนายื่นไปผลักศรีษะได้รูปอย่างหมั่นไส้
“ก็มันไม่ใช่ ไม่รู้จะคุยต่อทำไม ปล่อยพี่เขาไปเจอคนที่ใช่ไม่ดีกว่าหรือไง”
“แหม! ดูเป็นคนดีขึ้นมาเลยนะมึง งั้นมึงก็เก็บจิ๋มไว้รอพระรามเหมือนเดิมเถอะ”
คนถูกเพื่อนประชดมองค้อนทันที
พูดอย่างกับว่ามันจะมีคนที่ชื่อพระราม แต่ถึงมีจริงก็ไม่เห็นเกี่ยว นางสีดาอย่างเธอไม่จำเป็นต้องมีสามีชื่อพระราม
"สีดา"
"ว่า?" สีดาหันไปมองอิงเอยที่อยู่ๆก็เรียกเธอเสียงดัง เธอเห็นนะว่าอีกฝ่ายหันไปสบตากับคู่แฝดของตัวเองอย่างอบอุ่น
เวลาที่สองคนนี้คิดอะไรตรงกันจะหันไปมองหน้ากันทันที เรื่องที่คิดเหมือนกันครั้งนี้ก็พ้นไม่พ้นเรื่องเธอ
"มึงว่ากูสวยป่ะ?"
"หื้อ หน้ามึงแบน นมมึงเล็ก กูสวยกว่า”
“อิเลว” อิงเอยมองเพื่อนตาขวาง บลูลี่อะไรก็บลูลี่ได้แต่จะมาบลูลี่นมเธอไม่ได้ ถึงนมเธอจะเล็กแต่ก็เล็กอย่างมีสไตล์
“ทำไม? กลัวกูเปลี่ยนไปชอบผู้หญิง?” สีดาเลิกคิ้วถาม “ไม่ต้องกลัวกูยังชอบผู้ชายเหมือนเดิม”
“ใครจะไปรู้ ผู้ชายมาชอบกี่คนๆมึงก็เทเขาหมด”
“ก็มันยังไม่ใช่” เธอก็ไม่อยากเทหรอก แต่คุยกันแล้วมันไม่ใช่จะให้เธอทำยังไง หรือความจริงแล้วเธอกำลังรอพระรามอย่างที่เพื่อนว่า “แล้วอีกห้าคนคืออะไร?”
นับยังไงผู้ชายที่เธอปฏิเสธก็มีแค่สามคน
"ก็ที่มึงหักอกเขาตอนอยู่มหา'ลัยไง แหมแค่นี้ทำเป็นจำไม่ได้" คนที่ตอบคือชายหนุ่มคนเดียวในกลุ่ม ซึ่งคำตอบของอีกฝ่ายก็ได้รับการพยักหน้ายืนยันจากพยานทั้งสามทันที
สีดาถึงกับเบ้ปากเมื่อเห็นเพื่อนพยักหน้าพร้อมเพียง ดีนะที่พวกมันไม่ขุดมาตั้งแต่สมัยมัธยมไม่อย่างนั้นเธอคงได้ชื่อว่าเทผู้ชายไม่ต่ำกว่าสิบคน
“สนใจเหรอวะ?”
นายแพทย์รัญชน์เอ่ยถามเพื่อนเมื่อมั่นใจว่ากลุ่มลูกค้าที่เพิ่งลุกออกจากโต๊ะจะไม่ได้ยินในสิ่งที่ตัวเองพูด
“อะไร?” คนถูกถามหันกลับมามอง เพิ่งรู้ว่าตัวเองเผลอมองตามผู้หญิงคนนั้นกับกลุ่มเพื่อนของเธอเมื่อได้ยินคำถามจากเพื่อนที่นั่งอยู่ฝั่งตรงข้าม
“บัตรคิวใบที่เก้าไง” คุณหมอหนุ่มยักคิ้วส่งให้ "สเปกมึงเลยนิ เสียดายพวกเธอน่าจะไม่ได้ทำงานแถวนี้ โอกาสได้เจออีกท่าจะยาก"
ไม่ได้ตั้งใจที่จะแอบฟัง แต่เพราะโต๊ะอยู่ห่างกันไม่มากบวกกับอีกฝ่ายไม่ได้กักเก็บเสียงพูดทำให้เขากับเพื่อนได้รู้เรื่องไปด้วย
"มึงรู้ได้ไง" รามิลเลิกคิ้วมองเพื่อน
"ร้านนี้กูเข้าเกือบทุกวันถ้าพวกเธอทำงานแถวนี้จริงกูก็ต้องเคยเห็นสิวะ" คุณหมอหนุ่มตอบ ร้านกาแฟนี้ตั้งอยู่หน้าโรงพยาบาล ก็ไม่แปลกที่เขาจะเข้ามาใช้บริการบ่อย "ตกลงคือสนใจ?"
"ก็สวยดี แต่ยังไม่ใช่"
"หล่อเลือกได้?" คนมีเพื่อนเป็นอดีตหนุ่มฮอตของโรงเรียนทำหน้าเอือม อดหมั่นไส้คำพูดของเพื่อนไม่ได้ แม้จะรู้ว่าสิ่งที่เพื่อนพูดไม่เกินจริง ผู้หญิงที่รามิลเคยคบสวยเทียบชั้นดาราเลยก็ว่าได้ "ตกลงมาหากูมีไร?"
"กูนอนไม่หลับ จัดยานอนหลับให้หน่อยสิ"
"เครียดหรือหมกมุ่นวะ"
"หมกมุ่นบ้านพ่อง!" ไม่ด่าอย่างเดียวแต่ยังเตะปลายเท้าไปที่หน้าขาอีกฝ่ายเต็มแรง
"ไอ้ห่า! เตะมาได้..." คุณหมอหนุ่มที่เผลอพูดคำไม่สุภาพเงียบเสียงลงแทบไม่ทัน หันไปมองโดยรอบส่งยิ้มอ่อนให้กับทุกคนในร้าน ซึ่งลูกค้าส่วนใหญ่ล้วนเป็นบุคลากรของโรงพยาบาลที่คุ้นหน้ากันดี "เป็นมานานยัง?"
"สองอาทิตย์" ก็น่าจะถึง ตั้งแต่รับโปรเจคใหม่เขาก็แทบไม่ได้นอน พอมีเวลาได้พักกับนอนไม่หลับซะงั้น
"สองอาทิตย์? แต่มึงเพิ่งมาหากูนี่นะ"
"ช่วงนี้กูยุ่ง"
"ยาน่ะกูสั่งจ่ายมึงได้ แต่มึงจะเอาแต่ทำงานไม่ดูแลตัวเองไม่ได้เว้ย ร่างกายต้องพักผ่อน ไอ้เครื่องออกกำลังกายที่คอนโดมึงซื้อมาก็รู้จักใช้งานบ้างไม่ใช่ปล่อยทิ้งให้ฝุ่นมันจับ" รู้ดีว่าเพื่อนเป็นคนบ้างาน แต่ทำงานจนไม่ดูแลตัวเองมันก็เกินไป
ทั้งที่ตัวเองก็ไม่ได้ลำบากอะไร แต่ทำงานอย่างกับเป็นหนี้ร้อยล้าน
เพราะเป็นเพื่อนกับรามิลมาตั้งแต่เด็ก เรียนด้วยกันมาตลอดกระทั่งจบมัธยม ก่อนจะแยกย้ายกันไปเรียนต่อในระดับมหาวิทยาลัย โดยที่เขาเลือกเรียนหมอ ส่วนรามิลเลือกเรียนวิศวะ
หลังจากเรียนจบปริญญาตรีรามิลก็เดินทางไปเรียนต่อปริญญาโทที่อังกฤษทันที พอเรียนจบก็ทำงานอยู่ที่โน้นต่อเกือบสี่ปีก่อนจะย้ายกลับมาทำที่บริษัทลูกซึ่งเป็นสาขาประจำประเทศไทยเมื่อสามปีก่อน
รามิลเกิดและเติบโตมาจากครอบครัวที่มีฐานะดี จะเรียกว่ารวยเลยก็ว่าได้ ต่อให้ไม่ทำงานก็มีเงินใช้ไม่ขาดมือ แต่อีกฝ่ายก็ยังทำงานไม่หยุด
"มิล"
"หือ?"
"ตั้งแต่เลิกกับออยมึงยังไม่คบใครใช่มั้ย?" ออยหรืออรปรียาคือผู้หญิงที่รามิลคบด้วยหลังจากที่กลับมาจากอังกฤษ ก่อนจะเลิกกันไปเมื่อสองปีก่อน หลังจากนั้นเขาก็ไม่เห็นว่าเพื่อนจะคบใครอีก
"ทำไม?"
“มึงไม่เหงา?”
“ไม่”
"แต่เรื่องนั้นมันก็ต้องปลดปล่อย ผู้ชาย..."