ตอนที่ 3 เรื่องวุ่นๆในแต่ละวัน

1368 Words
"แต่เรื่องนั้นมันก็ต้องปลดปล่อย ผู้ชาย..." "กูเอาออกทุกวัน" รัญชน์ไม่ถามต่อว่าอีกฝ่ายใช้วิธีไหน เพราะคำตอบที่ได้ก็คงไม่ต่างจากตัวเอง ถ้าไม่พึ่งน้องนางทั้งห้า ก็ต้องซื้อ...กิน “กูจริงจังนะเว้ยเรื่องงานมึงต้องเพลาลงบ้าง ไม่ใช่ทำแต่งานจนไม่มีเวลาดูแลตัวเอง เกิดมึงเป็นอะไรขึ้นมากูจะบอกแม่กับพี่มึงว่าไง” “ก็บอกว่ากูป่วย ป่วยเป็นอะไรมึงเป็นหมอก็ต้องรู้” “ไอ้ห่า ที่กูพูดเพื่อให้มึงเลิกบ้างานทำงานให้น้อยลง หันมาดูแลตัวเองเว้ย” อดไม่ได้ที่จะด่า ก่อนจะเห็นเครื่องดื่มที่อีกฝ่ายสั่ง "นอนไม่หลับ แต่สั่งกาแฟมาแดกนี่นะ" ในกาแฟมีกาเฟอีน ซึ่งมีฤทธิ์กระตุ้นระบบประสาทส่วนกลาง ทำให้ร่างกายเกิดความตื่นตัว ลดความง่วง ในฐานะหมอที่ดีก็ต้องสั่งห้ามคนไข้ที่มีอาการเครียดหรือนอนไม่หลับงดรับประทานอาหารหรือเครื่องดื่มที่มีส่วนผสมของสารพวกนี้ แล้วดูคนที่มาขอยานอนหลับจากเขา มันน่าจัดยาให้ที่ไหน ส่วนคนถูกเพื่อนด่ายังนั่งนิ่ง ก่อนจะถูกแทรกด้วยเสียงหวาน "สวัสดีค่ะพี่หมอ" "หวัดดีครับ" รัญชน์หันไปส่งยิ้มให้คนทักพร้อมกับเอ่ยถามเมื่อเห็นแก้วกาแฟที่อยู่ในมืออีกฝ่าย "มาซื้อกาแฟ?" "ค่ะ วันนี้รู้สึกง่วงๆ ก็เลยออกมาหาตัวช่วย" "ไอ้มิลครับ เพื่อนพี่" คุณหมอหนุ่มเอ่ยแนะนำเมื่อเห็นสายตาของแพทย์หญิงรุ่นน้องที่มองไปยังร่างสูงของเพื่อนอย่างสนใจ "หมอจีนรุ่นน้องที่โรง'บาลกู" "สวัสดีค่ะ ยินดีที่ได้รู้จักค่ะ" "ครับ"รามิลส่งยิ้มให้กับรุ่นน้องของเพื่อน "งั้นจีนไปก่อนนะคะ” “ครับ” รัญชน์พยักหน้ารับ ก่อนจะหันไปพูดกับเพื่อนที่ดูเหมือนจะเป็นที่สนใจของคุณหมอสาว “สนใจก็บอก คนนี้กูให้ผ่าน” รามิลไม่ตอบ หยิบกาแฟของตัวเองขึ้นมาดื่ม ถามถึงเรื่องที่คุยกันก่อนหน้า “แล้วยา?” “เออ ตอนเย็นเดี๋ยวแวะเอาไปให้” "พี่สีดา" "หือ?" สีดาหันไปมองคนเรียก เป็นมิ้งที่เรียกเธอ น้องใหม่ที่เพิ่งเข้ามาทำงานได้ไม่ถึงเดือน ซึ่งเดิมทีเธอมีน้องในสายงานสองคนคือพี่แก้วกับมะปราง แต่เมื่อได้โปรโมทต้องรับงานในส่วนของสาขาเพิ่ม บริษัทจึงอนุมัติให้คนเพิ่มกับเธออีกหนึ่งคน พี่วรรณีซึ่งเป็นหัวหน้าให้เธอเป็นคนสัมภาษณ์น้องเอง ซึ่งเธอก็เลือกคนตรงหน้า เพราะชอบในความฉลาด ใสซื่อ มองเธอตาแป๋วทุกครั้งที่ตอบคำถาม ซึ่งมิ้งก็ไม่ทำให้เธอผิดหวัง อีกฝ่ายทำงานดี ขยัน และมีน้ำใจ "เค้กเมื่อวานอร่อยมาก พี่ซื้อจากไหนอะ" "ร้านแถวหน้าโรงบาล..." สีดาบอกชื่อโรงพยาบาลซึ่งอยู่ตรงข้ามกับร้านกาแฟที่นัดเจอกับเพื่อนเมื่อวาน "ก็ว่า ถ้าเป็นร้านแถวออฟฟิศเรามิ้งก็ต้องเคยกิน เสียดายอะอยู่ไกล สั่งก็ต้องเสียค่าส่ง" "สั่งสิ พี่เลี้ยง" บอกอย่างใจป้ำ รู้สึกอยากกินขึ้นมาเหมือนกัน ทั้งที่ตัวเองก็ไม่ใช่คนชอบขนมหวาน แต่ต้องยอมรับว่าเค้กที่ซื้อมาจากร้านกาแฟเมื่อวานอร่อยมาก "ไม่เอาอะ เกรงใจ เมื่อวานก็เลี้ยงวันนี้ยังจะเลี้ยงอีก" "เมื่อวานเพื่อนเลี้ยง ไม่ใช่พี่" คนที่จ่ายค่ากาแฟกับเค้กเมื่อวานคือผู้สอบบัญชีทั้งสามที่ช่วยกันหาร เพราะเป็นคนเลือกร้าน ซึ่งร้านที่เลือกก็อยู่ใกล้กับโรงแรมที่ทั้งสามคนไปสัมนา ต่างจากเธอและอบอุ่นที่ต้องจ่ายค่าบีทีเอสไปกลับคนละแปดสิบกว่าบาท "สั่งเถอะ พี่เลี้ยง" คนตั้งใจเลี้ยงเอ่ยย้ำเมื่อเห็นอีกฝ่ายลังเล "งั้นน้องไม่เกรงใจนา" "อืม อย่าลืมถามพี่แก้วกับมะปรางด้วยล่ะ" "ได้ค่า" สีดาหันกลับมาเคลียร์งานต่อเมื่อมิ้งเดินออกจากห้อง เธอมีงานด่วนที่จะต้องรีบเคลียร์ให้เสร็จ เพราะมีแพลนที่จะฟังอบรมออนไลน์ต่อในช่วงบ่าย สามสิบนาทีต่อมา มิ้งก็ส่งข้อความมาบอกว่าเก็บเค้กไว้ให้ในตู้เย็น ซึ่งเธอก็ส่งสติ๊กเกอร์โอเคกลับไป ก่อนจะหันกลับมาตั้งใจฟังอบรมต่อ เกือบสี่ชั่วโมงที่สีดาใช้เวลาอยู่กับการอบรม เรื่องที่ฟังค่อนข้างสำคัญและเป็นเรื่องใหม่ทำให้เธอไม่สามารถที่จะฟังและทำงานไปพร้อมกันได้ ทำให้เธอต้องอยู่เคลียร์งานต่ออีกพักใหญ่ มิ้ง มะปราง พี่แก้วกลับไปตอนเกือบทุ่ม ทั้งห้องก็เลยเหลือแค่เธอคนเดียว เพราะอีกทีมที่ใช้ห้องทำงานร่วมกันพากันกลับไปก่อนหน้านั้นแล้ว... วินทร์ : มึง วินทร์ : ทำไร? ยุ่งป่ะ? วินทร์ส่งข้อความมาหาเธอตอนสองทุ่มห้านาที เพราะไม่สะดวกที่จะพิมพ์ข้อความตอบกลับทำให้เธอเลือกที่กดโทรออกหาอีกฝ่ายแทน "ว่าไง?" "ทำไมมึงไม่รับสายพี่หมอตรัย" วินทร์โวยวายมาตามสาย "เขาโทรบอกมึง?" "เออดิ เขาบอกโทรไปมึงก็ไม่รับ ไลน์ไปมึงก็ไม่ตอบ" "กูอบรมเพิ่งเสร็จ" เสียงใสเอ่ยขึ้นอย่างเบื่อหน่าย เธอไม่ชอบที่ตรัยทำแบบนี้ นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่เขาโทรหาเพื่อนเธอเวลาที่เธอไม่รับสายหรือไม่ตอบข้อความ ตรัยโทรมาหาเธอช่วงที่เธออบรม คิดว่าอบรมเสร็จค่อยโทรกลับ แต่พออบรมเสร็จก็ดันมีงานด่วนที่จะต้องรีบทำ ทำให้เธอลืมเรื่องที่จะกลับหาอีกฝ่ายเสียสนิท "เออๆ ยังไงมึงก็โทรกลับหาพี่มันหน่อย พี่มันคงเป็นห่วงแหละ" "อืม" พยักหน้ารับ ก่อนจะขยับโทรศัพท์ออกดูหน้าจอเมื่อมีสายโทรเข้า "มึงแค่นี้นะพี่มาลีโทรมา" บอกเพื่อนพร้อมกับกดวางสายเพื่อรับสายของพี่สาวที่โทรเข้ามา "ค่า" เธอมีพี่สาวหนึ่งคนชื่อ 'สุวรรณมาลี' อีกฝ่ายอายุมากกว่าเธอหกปี ซึ่งแต่งงานไปอยู่บ้านสามีเมื่อสองปีก่อน "ยังไม่เลิกงานอีกเหรอ" เพราะเปิดกล้อง ทำให้รู้ว่าน้องสาวยังอยู่ที่ทำงาน "ยังอ่ะ อบรมเสร็จก็เลยอยู่เคลียร์งานต่อ" "ขยันเกินไปป่าว สองทุ่มยังไม่ยอมกลับบ้าน" "ต้องขยันดิ คอนโดยังผ่อนไม่ถึงไหนเลย" คนมีภาระตอบ คอนโดมูลค่าสามล้านกว่าบาทคือหนี้ก้อนใหญ่ที่ทำให้เธอต้องวางแผนการเงินใหม่ อยากจะซื้ออะไรอย่างเมื่อก่อนก็ต้องคิดแล้วคิดอีก "ก็บอกให้เอากับพี่ไปจ่ายก่อนก็ไม่เอา ไม่รู้จะไปจ่ายธนาคารให้เสียดอกเบี้ยทำไม" คนเสนอเงินให้น้องยืมบ่นอุบ "แรงกระตุ้นในการทำงานไง ผ่อนๆไปเดี๋ยวก็หมด" ถ้ามันเป็นเงินของพี่สาวคนเดียวเธอคงไม่ปฏิเสธ แต่เพราะเงินที่ว่ามันเป็นของพี่เขยเธอเลยลังเล "เดี๋ยวก็หมดน่ะกี่ปี" "สิบปี" ที่ไหน คอนโดสามล้านกว่าเกือบสี่ล้านเพิ่งผ่อนได้สองปี ถ้าผ่อนหมดภายในสิบปีก็ไม่ใช่เธอแล้ว พนักงานบัญชีอย่างเธอเงินเดือนไม่ได้มากพอที่จะผ่อนคอนโดเดือนละห้าหกหมื่นได้ "พี่โทรมามีไรหรือเปล่า" "วันนี้ไปหาแม่มา แม่บอกว่าเราไม่กลับบ้าน" "ก็หนูงานยุ่ง" คนงานยุ่งตอบพี่สาวเสียงอ่อน "ก็เห็นยุ่งตลอด แม่เขาคิดถึงกลับไปให้เขาเห็นหน้าหน่อย" "หนูก็โทรหาแม่ตลอด วันก่อนก็โทร" เวลาโทรก็เปิดกล้องแทบทุกครั้ง "มันไม่เหมือนกัน" "โอเค วันเสาร์นี้เดี๋ยวกลับ" แพลนที่จะเข้ามาเคลียร์งานวันเสาร์ก็คงยกเลิก "กลับแน่นะ" "จ้า" คนรับปากว่าจะกลับบ้านพยักหน้ายืนยัน "งั้นก็รีบเคลียร์งานเถอะ จะได้รีบกลับ" "จ้า งั้นหนูวางนะ"
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD