"แต่เรื่องนั้นมันก็ต้องปลดปล่อย ผู้ชาย..."
"กูเอาออกทุกวัน"
รัญชน์ไม่ถามต่อว่าอีกฝ่ายใช้วิธีไหน เพราะคำตอบที่ได้ก็คงไม่ต่างจากตัวเอง
ถ้าไม่พึ่งน้องนางทั้งห้า ก็ต้องซื้อ...กิน
“กูจริงจังนะเว้ยเรื่องงานมึงต้องเพลาลงบ้าง ไม่ใช่ทำแต่งานจนไม่มีเวลาดูแลตัวเอง เกิดมึงเป็นอะไรขึ้นมากูจะบอกแม่กับพี่มึงว่าไง”
“ก็บอกว่ากูป่วย ป่วยเป็นอะไรมึงเป็นหมอก็ต้องรู้”
“ไอ้ห่า ที่กูพูดเพื่อให้มึงเลิกบ้างานทำงานให้น้อยลง หันมาดูแลตัวเองเว้ย” อดไม่ได้ที่จะด่า ก่อนจะเห็นเครื่องดื่มที่อีกฝ่ายสั่ง "นอนไม่หลับ แต่สั่งกาแฟมาแดกนี่นะ"
ในกาแฟมีกาเฟอีน ซึ่งมีฤทธิ์กระตุ้นระบบประสาทส่วนกลาง ทำให้ร่างกายเกิดความตื่นตัว ลดความง่วง ในฐานะหมอที่ดีก็ต้องสั่งห้ามคนไข้ที่มีอาการเครียดหรือนอนไม่หลับงดรับประทานอาหารหรือเครื่องดื่มที่มีส่วนผสมของสารพวกนี้
แล้วดูคนที่มาขอยานอนหลับจากเขา มันน่าจัดยาให้ที่ไหน
ส่วนคนถูกเพื่อนด่ายังนั่งนิ่ง ก่อนจะถูกแทรกด้วยเสียงหวาน
"สวัสดีค่ะพี่หมอ"
"หวัดดีครับ" รัญชน์หันไปส่งยิ้มให้คนทักพร้อมกับเอ่ยถามเมื่อเห็นแก้วกาแฟที่อยู่ในมืออีกฝ่าย "มาซื้อกาแฟ?"
"ค่ะ วันนี้รู้สึกง่วงๆ ก็เลยออกมาหาตัวช่วย"
"ไอ้มิลครับ เพื่อนพี่" คุณหมอหนุ่มเอ่ยแนะนำเมื่อเห็นสายตาของแพทย์หญิงรุ่นน้องที่มองไปยังร่างสูงของเพื่อนอย่างสนใจ "หมอจีนรุ่นน้องที่โรง'บาลกู"
"สวัสดีค่ะ ยินดีที่ได้รู้จักค่ะ"
"ครับ"รามิลส่งยิ้มให้กับรุ่นน้องของเพื่อน
"งั้นจีนไปก่อนนะคะ”
“ครับ” รัญชน์พยักหน้ารับ ก่อนจะหันไปพูดกับเพื่อนที่ดูเหมือนจะเป็นที่สนใจของคุณหมอสาว “สนใจก็บอก คนนี้กูให้ผ่าน”
รามิลไม่ตอบ หยิบกาแฟของตัวเองขึ้นมาดื่ม ถามถึงเรื่องที่คุยกันก่อนหน้า “แล้วยา?”
“เออ ตอนเย็นเดี๋ยวแวะเอาไปให้”
"พี่สีดา"
"หือ?" สีดาหันไปมองคนเรียก
เป็นมิ้งที่เรียกเธอ น้องใหม่ที่เพิ่งเข้ามาทำงานได้ไม่ถึงเดือน ซึ่งเดิมทีเธอมีน้องในสายงานสองคนคือพี่แก้วกับมะปราง แต่เมื่อได้โปรโมทต้องรับงานในส่วนของสาขาเพิ่ม บริษัทจึงอนุมัติให้คนเพิ่มกับเธออีกหนึ่งคน
พี่วรรณีซึ่งเป็นหัวหน้าให้เธอเป็นคนสัมภาษณ์น้องเอง ซึ่งเธอก็เลือกคนตรงหน้า เพราะชอบในความฉลาด ใสซื่อ มองเธอตาแป๋วทุกครั้งที่ตอบคำถาม
ซึ่งมิ้งก็ไม่ทำให้เธอผิดหวัง
อีกฝ่ายทำงานดี ขยัน และมีน้ำใจ
"เค้กเมื่อวานอร่อยมาก พี่ซื้อจากไหนอะ"
"ร้านแถวหน้าโรงบาล..." สีดาบอกชื่อโรงพยาบาลซึ่งอยู่ตรงข้ามกับร้านกาแฟที่นัดเจอกับเพื่อนเมื่อวาน
"ก็ว่า ถ้าเป็นร้านแถวออฟฟิศเรามิ้งก็ต้องเคยกิน เสียดายอะอยู่ไกล สั่งก็ต้องเสียค่าส่ง"
"สั่งสิ พี่เลี้ยง" บอกอย่างใจป้ำ รู้สึกอยากกินขึ้นมาเหมือนกัน ทั้งที่ตัวเองก็ไม่ใช่คนชอบขนมหวาน แต่ต้องยอมรับว่าเค้กที่ซื้อมาจากร้านกาแฟเมื่อวานอร่อยมาก
"ไม่เอาอะ เกรงใจ เมื่อวานก็เลี้ยงวันนี้ยังจะเลี้ยงอีก"
"เมื่อวานเพื่อนเลี้ยง ไม่ใช่พี่" คนที่จ่ายค่ากาแฟกับเค้กเมื่อวานคือผู้สอบบัญชีทั้งสามที่ช่วยกันหาร เพราะเป็นคนเลือกร้าน ซึ่งร้านที่เลือกก็อยู่ใกล้กับโรงแรมที่ทั้งสามคนไปสัมนา ต่างจากเธอและอบอุ่นที่ต้องจ่ายค่าบีทีเอสไปกลับคนละแปดสิบกว่าบาท
"สั่งเถอะ พี่เลี้ยง" คนตั้งใจเลี้ยงเอ่ยย้ำเมื่อเห็นอีกฝ่ายลังเล
"งั้นน้องไม่เกรงใจนา"
"อืม อย่าลืมถามพี่แก้วกับมะปรางด้วยล่ะ"
"ได้ค่า"
สีดาหันกลับมาเคลียร์งานต่อเมื่อมิ้งเดินออกจากห้อง เธอมีงานด่วนที่จะต้องรีบเคลียร์ให้เสร็จ เพราะมีแพลนที่จะฟังอบรมออนไลน์ต่อในช่วงบ่าย
สามสิบนาทีต่อมา มิ้งก็ส่งข้อความมาบอกว่าเก็บเค้กไว้ให้ในตู้เย็น ซึ่งเธอก็ส่งสติ๊กเกอร์โอเคกลับไป ก่อนจะหันกลับมาตั้งใจฟังอบรมต่อ
เกือบสี่ชั่วโมงที่สีดาใช้เวลาอยู่กับการอบรม เรื่องที่ฟังค่อนข้างสำคัญและเป็นเรื่องใหม่ทำให้เธอไม่สามารถที่จะฟังและทำงานไปพร้อมกันได้ ทำให้เธอต้องอยู่เคลียร์งานต่ออีกพักใหญ่
มิ้ง มะปราง พี่แก้วกลับไปตอนเกือบทุ่ม ทั้งห้องก็เลยเหลือแค่เธอคนเดียว เพราะอีกทีมที่ใช้ห้องทำงานร่วมกันพากันกลับไปก่อนหน้านั้นแล้ว...
วินทร์ : มึง
วินทร์ : ทำไร? ยุ่งป่ะ?
วินทร์ส่งข้อความมาหาเธอตอนสองทุ่มห้านาที เพราะไม่สะดวกที่จะพิมพ์ข้อความตอบกลับทำให้เธอเลือกที่กดโทรออกหาอีกฝ่ายแทน
"ว่าไง?"
"ทำไมมึงไม่รับสายพี่หมอตรัย" วินทร์โวยวายมาตามสาย
"เขาโทรบอกมึง?"
"เออดิ เขาบอกโทรไปมึงก็ไม่รับ ไลน์ไปมึงก็ไม่ตอบ"
"กูอบรมเพิ่งเสร็จ" เสียงใสเอ่ยขึ้นอย่างเบื่อหน่าย
เธอไม่ชอบที่ตรัยทำแบบนี้ นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่เขาโทรหาเพื่อนเธอเวลาที่เธอไม่รับสายหรือไม่ตอบข้อความ
ตรัยโทรมาหาเธอช่วงที่เธออบรม คิดว่าอบรมเสร็จค่อยโทรกลับ แต่พออบรมเสร็จก็ดันมีงานด่วนที่จะต้องรีบทำ ทำให้เธอลืมเรื่องที่จะกลับหาอีกฝ่ายเสียสนิท
"เออๆ ยังไงมึงก็โทรกลับหาพี่มันหน่อย พี่มันคงเป็นห่วงแหละ"
"อืม" พยักหน้ารับ ก่อนจะขยับโทรศัพท์ออกดูหน้าจอเมื่อมีสายโทรเข้า "มึงแค่นี้นะพี่มาลีโทรมา"
บอกเพื่อนพร้อมกับกดวางสายเพื่อรับสายของพี่สาวที่โทรเข้ามา
"ค่า"
เธอมีพี่สาวหนึ่งคนชื่อ 'สุวรรณมาลี' อีกฝ่ายอายุมากกว่าเธอหกปี ซึ่งแต่งงานไปอยู่บ้านสามีเมื่อสองปีก่อน
"ยังไม่เลิกงานอีกเหรอ" เพราะเปิดกล้อง ทำให้รู้ว่าน้องสาวยังอยู่ที่ทำงาน
"ยังอ่ะ อบรมเสร็จก็เลยอยู่เคลียร์งานต่อ"
"ขยันเกินไปป่าว สองทุ่มยังไม่ยอมกลับบ้าน"
"ต้องขยันดิ คอนโดยังผ่อนไม่ถึงไหนเลย" คนมีภาระตอบ
คอนโดมูลค่าสามล้านกว่าบาทคือหนี้ก้อนใหญ่ที่ทำให้เธอต้องวางแผนการเงินใหม่
อยากจะซื้ออะไรอย่างเมื่อก่อนก็ต้องคิดแล้วคิดอีก
"ก็บอกให้เอากับพี่ไปจ่ายก่อนก็ไม่เอา ไม่รู้จะไปจ่ายธนาคารให้เสียดอกเบี้ยทำไม" คนเสนอเงินให้น้องยืมบ่นอุบ
"แรงกระตุ้นในการทำงานไง ผ่อนๆไปเดี๋ยวก็หมด" ถ้ามันเป็นเงินของพี่สาวคนเดียวเธอคงไม่ปฏิเสธ แต่เพราะเงินที่ว่ามันเป็นของพี่เขยเธอเลยลังเล
"เดี๋ยวก็หมดน่ะกี่ปี"
"สิบปี" ที่ไหน คอนโดสามล้านกว่าเกือบสี่ล้านเพิ่งผ่อนได้สองปี ถ้าผ่อนหมดภายในสิบปีก็ไม่ใช่เธอแล้ว พนักงานบัญชีอย่างเธอเงินเดือนไม่ได้มากพอที่จะผ่อนคอนโดเดือนละห้าหกหมื่นได้ "พี่โทรมามีไรหรือเปล่า"
"วันนี้ไปหาแม่มา แม่บอกว่าเราไม่กลับบ้าน"
"ก็หนูงานยุ่ง" คนงานยุ่งตอบพี่สาวเสียงอ่อน
"ก็เห็นยุ่งตลอด แม่เขาคิดถึงกลับไปให้เขาเห็นหน้าหน่อย"
"หนูก็โทรหาแม่ตลอด วันก่อนก็โทร" เวลาโทรก็เปิดกล้องแทบทุกครั้ง
"มันไม่เหมือนกัน"
"โอเค วันเสาร์นี้เดี๋ยวกลับ" แพลนที่จะเข้ามาเคลียร์งานวันเสาร์ก็คงยกเลิก
"กลับแน่นะ"
"จ้า" คนรับปากว่าจะกลับบ้านพยักหน้ายืนยัน
"งั้นก็รีบเคลียร์งานเถอะ จะได้รีบกลับ"
"จ้า งั้นหนูวางนะ"