เข้าร่วมงานเลี้ยง

1276 Words
เว่ยอ๋อง เจ้าคนชั่วช้าที่สั่งลงโทษข้าเช่นนั้นรึ ในเมื่อมู่เฟยหย่ายังมิได้หมั้นหมาย ก็ให้คู่ชะตาได้พบเจอกันไปเลยก็แล้วกัน “เจ้าไปแจ้งท่านพ่อ ท่านแม่ว่าข้าป่วยไปไม่ได้แล้ว” เจียอีล้มตัวนอนคลุมโปงต่อทันที “คุณหนู ท่านป่วยจริงหรือเจ้าคะ ให้บ่าวไปตามหมอมาดีหรือไม่” เสี่ยวถิงร้อนใจ จนต้องรีบมาคลำตัวเจียอี “ไม่ต้อง ข้าเพียงแค่ต้องการนอนต่อก็เท่านั้น เจ้ารีบไปบอกเถิด” เจียอีโบกมือให้เสี่ยวถิงเร่งออกไปแจ้งคนอื่น เสี่ยวถิงเม้มปากแน่นด้วยไม่รู้จะบังคับให้คุณหนูของนางลุกจากที่นอนได้อย่างไร จึงได้แต่รีบร้อนเร่งฝีเท้าออกไปแจ้งนายท่านที่เรือนหลัก เจียอีนอนกัดนิ้วหัวแม่มืออย่างครุ่นคิด นางแค่หลีกเลี่ยงโชคชะตาที่ต้องพบเจอคนพวกนั้นก็คงเพียงพอแล้ว หากยังคงเนื้อเรื่องเช่นเดิม นางก็เพียงปฏิเสธมู่เฟยหย่าไปก็ได้แล้วมั้ง เพียงไม่นานเสียงฝีเท้าคนจำนวนไม่น้อยที่เร่งรีบก็มาถึงเรือนของเจียอี “อีอี เจ้าเป็นอันใดลูก” เสียงสตรีที่คุ้นหู ทำให้เจียอีลุกขึ้นมามองทางนาง “ท่านแม่” นางเอ่ยเรียกเสียงสั่น ความคิดถึง โหยหามารดามันเป็นเช่นนี้นี่เอง ก่อนนางจะถูกแยกร่าง นางได้แต่คิดถึงรอยยิ้มของบิดามารดา หากยังอยู่อาจจะช่วยนางได้บ้าง “เจ้าเด็กคนนี้ มีไข้เหตุใดถึงไม่พูด” สวีซื่ออดจะตำหนิบุตรสาวไม่ได้ ไม่ว่าเรื่องเล็กเรื่องใหญ่ ล้วนแต่เก็บไว้ในใจไม่ยอมเอ่ย “เอ๊ะ ตัวก็ไม่ร้อน เจ้าเจ็บปวดที่ใด” สวีซื่อจับตัวเจียอีพลิกซ้ายขวา เพื่อสำรวจว่านางไม่สบายที่ไหน “เอ่อ...ลูกเพียงแค่อยากพักต่อเจ้าค่ะ ท่านแม่ท่านพ่อ พาพี่หญิงเข้าวังเถิด วันนี้ลูกจะอยู่จวน” “ไม่ได้ หากไม่ได้เป็นอันใดก็รีบลุกขึ้นแต่งตัว ไทเฮามิได้เจอเจ้ามานานแล้ว พระองค์กำชับนักหนาว่าวันนี้ต้องพาเจ้าไปด้วย” ไทเฮาเป็นญาติฝั่งมารดาของมู่เจียอี ยามเด็กพระองค์โปรดเจียอีที่ช่างพูด เชื่อฟังไม่น้อย ถึงกับพาเข้าไปพักอยู่กับนางที่วังหลวงครั้งหนึ่งถึงหลายวัน ในเมื่อไม่มีหนทางที่จะหลีกเลี่ยงได้ เจียอีจำต้องลุกขึ้นล้างหน้าล้างตา และถูกมารดากับเสี่ยวถิงจับแต่งตัว พาเดินออกจากเรือนพักมา นางก็พบกับมู่เฟยหย่าระหว่างทางที่จะเดินไปที่หน้าจวน ชุดสีม่วงอ่อนไล่สีชมพูอ่อน ช่วยขับให้ผิวพรรณที่ขาวของนางยิ่งน่ามองเพิ่มไปอีก ดวงตาหงส์ที่มองมาทางเจียอีดูเย้ายวน ส่งให้ใบหน้าของนางมีเสน่ห์เหลือร้าย เจียอีได้แต่พยักหน้าชื่นชมในใจ งามมากจริงๆ “อีอี พี่คิดว่าเจ้าจะไม่ไปเสียแล้ว” มู่เฟยหย่าเดินเข้ามาดูน้องสาวของนาง พอเห็นชุดที่เจียอีสวมใส่ นางก็ยกยิ้มอย่างพอใจ ชุดของเจียสี ตัวในเป็นสีชมพูอ่อน ด้านนอกคลุมทับด้วยเสื้อขาวสลับชมพูหนาถึงสามชั้นด้วยกัน เครื่องประดับของนางก็มิได้เป็นของใหม่เช่นเดียวกับมู่เฟยหย่า “ข้าก็มิได้อยากจะไป แต่ด้วยไทเฮาอยากพบข้า ข้าจึงเลี่ยงไม่ได้” มู่เฟยหย่าเลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อย เมื่อเห็นคำพูดของน้องสาวที่แปลกหูไปจากเดิม “เช่นนั้นก็ไปกันได้แล้ว” สวีซื่อเอ่ยเร่งทั้งสองให้รีบเดินไปขึ้นรถม้าที่อยู่ด้านหน้าเรือน มู่เฟยหย่าและมู่เจียอีนั่งอยู่ในรถม้าคันเดียวกัน รองเจ้ากรมมู่กับสวีซื่อนั่งรถม้าอีกคันที่วิ่งออกหน้าไปก่อนแล้ว “อีอี วันนี้เจ้ามองหาคุณชายที่มาร่วมงานสักคนเถิด ท่านแม่เอ่ยเรื่องของหมั้นของพี่แล้ว อีกไม่นานก็คงเป็นตนของเจ้า” เจียอีบอกมู่เฟยหย่าอย่างพิจารณา ดูเหมือนนางก็รักน้องสาวของนางไม่น้อย เหตุใดถึงได้ทำร้ายนางได้มากถึงเพียงนั้นกัน “ข้ายังไม่คิดเรื่องออกเรือน แล้วกำหนดงานของพี่หญิงจะมีขึ้นเมื่อใด ท่านไม่คิดหรือว่าวันนี้ท่านอาจจะเจอคนที่ดีกว่าคุณชายหวงก็ได้” “หึหึ จะมีผู้ใดดีไปกว่าพี่ฟานเล่า ข้ากับเขาปักใจรักมั่นกันมาตั้งแต่เล็ก เรื่องนี้เจ้าก็รู้” มู่เฟยหย่าลูบผมของตนเองเบาๆ ดวงตาของนางเปล่งประกายอย่างมีความสุขเมื่อเอ่ยถึงหวงเต๋อฟาน “เว่ยอ๋องอย่างไรเล่าพี่หญิง ไม่แน่หากท่านได้เจอเขา ท่านอาจจะเปลี่ยนใจก็ได้” “ไม่มีทาง เจ้าไม่เคยได้ยินความโหดเหี้ยมของเว่ยอ๋องหรืออย่างไร” มู่เฟยหย่าลูบแขนที่ขนลุกของนาง “อาจจะเป็นข่าวลือก็ได้พี่หญิง วันนี้ท่านก็จะได้เห็นเขาแล้ว จะได้รู้ว่าโหดเหี้ยมจริงหรือไม่” เจียอีหยักไหล่อย่างไม่ใส่ใจ เพียงครู่เดียวรถม้าก็จอดลงที่หน้าพระราชวัง ทั้งหมดจะต้องเดินเท้าเข้าไปด้านในอีกเกือบลี้ ผู้คนเริ่มทยอยเดินทางมาถึงกันแล้วมากมาย คุณหนูทั้งหลายต่างแต่งกายประชันความงามกันอย่างไม่มีใครยอมใคร แต่พอสองพี่น้องตระกูลมู่ลงมาจากรถม้า ผู้คนที่อยู่หน้าวังหลวงก็มองมาทางพวกนางอย่างสนใจ มู่เฟยหย่างดงามดั่งนางพญา เพียงแค่นางปรายตาบุรุษที่ได้เห็นก็ล้วนแต่หัวใจเต้นระรัว มู่เจียอีที่งดงามดั่งดอกไม้งามที่น่าทะนุถนอม ดวงตาที่ยิ้มมีความสุขของนางแค่เพียงได้เห็นก็มีความสุขร่วมไปกับนางด้วยแล้ว มู่เฟยหย่าที่เห็นสหายของนางก่อน ก็ขอตัวแยกจากครอบครัวเดินไปพร้อมกับสหายของนางทันที “อีอี สหายของเจ้าเล่ามาหรือยัง” มู่เฟยหย่าหันมาถามเจียอี “ข้ายังไม่เห็นเจ้าค่ะ พี่หญิงท่านไปก่อนได้เลย ข้าจะอยู่กับท่านแม่ก่อน” “อืม เช่นนั้นก็ดูแลท่านแม่ด้วย” เจียอีเดินเข้าไปด้านในพร้อมกับมารดาของนาง รองเจ้ากรมมู่พาสองแม่ลูกไปส่งที่ที่นั่ง ก่อนจะแยกตัวไปพบสหายของเขา “อีอี อีอี” เสียงสดใสของไป๋หรันร้องเรียกนาง “อาหรัน” เจียอีดีใจที่ได้พบสหายของนาง จึงได้รีบลุกขึ้นเดินไปหาทันที ไป๋หรันมีใบหน้าที่เหมือนกับอาหรันในโลกก่อน ยิ่งทำให้เจียอีตื่นเต้นอย่างบอกไม่ถูกเมื่อได้พบเห็น “ไปเดินเล่นด้านนอกกันเถิด” ไป๋หรันดึงแขนของเจียอีออกไปเดินเล่นทันที ที่สวนดอกไม้ของวังหลวงมีคุณหนูคุณชายจำนวนไม่น้อยที่ออกมาเดินเล่นพูดคุยกัน ในตอนนี้เรื่องชายหญิงพูดคุยกันได้อย่างเปิดเผย เริ่มเป็นที่ยอมรับแล้ว จึงไม่แปลกที่บุรุษจะมาเดินเล่นในสวนดอกไม้ของฝั่งสตรี “อีอี เจ้ารู้เรื่องที่เว่ยอ๋องเดินทางกลับมาเมืองหลวงแล้วหรือไม่” ไป๋หรันพาเจียอีมาหยุดนั่งเล่นที่ศาลาริมน้ำ “ไม่ เพราะอันใด” “โถ่ วันหลังเจ้าควรออกจากจวนมาเที่ยวเล่นด้านนอกบ้างเล่าถึงจะได้รู้เรื่อง ข่าวลือที่ข้าได้ยินมา เว่ยอ๋องถูกเรียกตัวกลับมาแต่งพระชายาอย่างไรเล่า”
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD