เสี้ยวจิตที่ถูกแยก

1311 Words
ยิ่งตอนที่ถูกม้าทั้งห้าตัวแยกร่าง เจียอีก็กลัวจนใบหน้าซีดขาว เธอยังจำความรู้สึกตอนที่แขนขาขาดออกจากร่างกายได้ดี ส่วนหัวเป็นส่วนที่ถูกกระชากออกไปเป็นอย่างสุดท้าย ความเจ็บปวดที่แสนสาหัส เธอกลัวว่าจะกลับไปฝันแบบนั้นอีก “จะนอนก็กลัวจะฝัน แล้วจะไปที่ไหนดี” ระหว่างที่หมุนปิ่นเล่นและคิดว่าจะโทรหาอาหรันเพื่อออกไปพักที่บ้านของเธอ หรือจะชวนอาหรันไปเที่ยวที่อื่นดี ตัวของเจียอีก็ไปปรากฏอยู่อีกที่หนึ่งแล้ว เธอล้มไปกองอยู่บนพื้นที่โล่งเป็นสวนดอกไม้ขนาดใหญ่ส่งกลิ่นหอมไปทั่วบริเวณ ศาลาริมน้ำที่งดงามมองเห็นทิวเขาที่อยู่ด้านหลัง ด้านข้างมีบ่อน้ำภายในมีดอกบัวบานอยู่หลายหลากสี บ้านพักโบราณที่ด้านตะวันออกมีอยู่หลายหลังเลยทีเดียว เจียอีตื่นตระหนกอยู่ไม่น้อย เธอไม่แม้แต่จะกล้าลุกขึ้นยืน ได้แต่มองสำรวจไปรอบๆ อย่างไม่เข้าใจ ว่าทำไมถึงมาโผล่ที่แห่งนี้ได้ ในมือของเธอยังกำปิ่นปักผมไว้แน่นอีกด้วย “ที่ไหนเนี่ย” ภายในใจเริ่มหวาดกลัวถึงที่สุด เธอไม่รู้ว่าจะออกไปจากที่นี่ได้ไง แม้จะสวยงามแต่ก็ไม่รู้ว่าคือที่ไหน แล้วเข้ามาได้ยังไง “มาแล้วรึ” เจียอีสะดุ้งสุดตัว เธอหันไปตามเสียงพูดของหญิงสาวที่พูดขึ้น “ที่นี่ที่ไหน ฉันเข้ามาได้ไง แล้วคุณเป็นใคร ทำไมหน้าเหมือนฉัน” เธอถอยหลังผงะไปเมื่อเห็นหญิงสาวที่มีใบหน้าเหมือนเธออย่างไม่ผิดเพี้ยน “ข้าก็คือเจ้า เจียอี เจ้าเป็นเศษเสี้ยวจิตวิญญาณของข้า เดิมทีก็สมควรจะผนึกอยู่รวมกัน แต่เพราะสวรรค์ทำเรื่องผิดพลาด เสี้ยวจิตวิญญาณของข้าอีกส่วนหนึ่งก็คือเจ้า ถึงได้ไปเกิดในภพที่เจ้าอยู่ในตอนนี้” “ห๊า คุณพูดเรื่องอะไร ฉันไม่เข้าใจ” “ก็จริง เจ้าในตอนนี้ไม่มีความทรงจำใดเหลืออยู่” นางเดินเข้ามาใกล้เจียอีที่ยังนั่งอยู่ที่พื้น พร้อมกับใช้นิ้วมือที่เรียวงามของนางชี้ไปที่กึ่งกลางหว่างคิ้วของเจียอี แสงสีขาวปรากฏขึ้น จนเจียอีไม่อาจจะลืมตาขึ้นมาดูสิ่งที่อยู่รอบด้านใน ภาพเหตุการณ์ต่างๆ พลันปรากฏขึ้นในความทรงจำของเธอ เจียอีเป็นหนึ่งในเทพที่อยู่บนสวรรค์ นางต้องลงมาผ่านด่านเคราะห์ เพื่อเลื่อนขั้น แต่ความผิดพลาดในครั้งนั้นทำให้เสี้ยวหนึ่งของจิตวิญญาณเกิดการถูกแบ่งขึ้น ส่วนที่เป็นอารมณ์เด็ดเดี่ยว กล้าหาญถูกแบ่งไปใส่ร่างของเจียอีที่เกิดในภพปัจจุบัน มู่เจียอีที่อยู่ในภพโบราณตามแต่ตนที่นางต้องลงไปจุติ ทำให้มีเพียงแค่อารมณ์อ่อนหวาน อ่อนแอ มิกล้าตัดสินใจจะปฏิเสธสิ่งใด ภาพเหตุการณ์ต่างๆ ที่เกิดขึ้น ถูกรวมเข้ากับความรู้สึกนึกคิดของเจียอี ยามนี้ความผิดหวัง โกรธแค้นที่มู่เจียอีได้รับ เจียอีในตอนนี้เธอก็รับรู้ได้เช่นกัน ดวงตาของเจียอีเบิกกว้างด้วยความตกใจ นางกรีดร้องออกมาสุดเสียง อยากจะปฏิเสธความทรงจำที่ได้รับของมู่เจียอีที่กำลังไหลรวมเข้าสู่ร่างกายของเธอ “พอ พอ แล้ว ฉันไม่อยากจะรับรู้แล้ว” เธอตะโกนสั่งให้หญิงสาวตรงหน้าหยุดการกระทำของเธอลง แต่ไม่อาจจะหยุดภาพ ความรู้สึกที่ไหลเข้ามาดั่งสายน้ำได้ นานแค่ไหนไม่รู้ที่เจียอีดิ้นทุรนทุรายอยู่ที่พื้น เธอนอนนิ่งปล่อยให้น้ำตาของเธอไหลออกอย่างห้ามไม่อยู่ “เธอจะต้องการให้ฉันรับรู้เพื่ออะไร” เธอเอ่ยถามออกมาด้วยเสียงสะอื้นไห้อย่างเจ็บปวด “เจ้าต้องกลับไป เพื่อแก้ไขเรื่องราว” “ไม่ ชีวิตฉันในตอนนี้ดีอยู่แล้ว” แม้จะรับรู้ได้แล้วว่ามู่เจียอีคือตัวเธอในภพโบราณ แต่ก็ไม่อยากกลับไปเจอหน้าคนที่ทำเรื่องเลวร้ายกับเธออีกแล้ว “เจียอี ไม่เช่นนั้น จิตวิญญาณของเจ้าจะแตกสลายไม่อาจจะรวมเข้ากันได้ ตัวเจ้าจะมิได้กลับคืนสู่สวรรค์” เจียอีเงยหน้าขึ้นเหม่อมองผืนฟ้าอย่างครุ่นคิด “แล้วเรื่องในภพนี้ของฉันจะเป็นยังไง” เธอยังมีครอบครัวของเธอที่นี่ “เรื่องของเจ้าจะไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน” “หมายความว่ายังไง” เจียอีลุกขึ้นนั่งมองมาที่หญิงสาวตรงหน้าอย่างสงสัย “ตัวตนของเจ้าจะหายไปจากโลกใบนั้น ครอบครัวของเจ้าจะลืมเลือนถึงการมีอยู่ของเจ้าไป” “ได้ยังไง ฉันเป็นลูกคนเดียว คุณพ่อคุณแม่จะจำไม่ได้เลยเหรอว่าเคยมีฉันเกิดมา” นางตื่นตระหนกไม่เข้าใจว่าจะเป็นไปได้ยังไง “เจ้าไม่ต้องกังวลเรื่องอื่น เรื่องที่เจ้าต้องทำมีเพียงสิ่งเดียว อย่าได้เดินตามเส้นทางเดิม อย่าได้ทำให้ตนเองมีนามในบันทึกว่าเป็นสตรีชั่วช้า” เจียอีเบิกตากว้าง ไม่คิดว่ามู่เจียอีจะถูกบันทึกในประวัติศาสตร์ว่าเป็นสตรีชั่วช้า “แล้วนี่ ที่ไหน” นางเอ่ยถามออกมา เมื่อไม่รู้จะพูดเรื่องไหนแล้ว “เดิมทีที่แห่งนี้ก็เป็นของเจ้า” นางมองไปรอบๆ อย่างโหยหา “แล้วมันจะติดตัวฉันไปด้วยไหม” “ไม่” “ไม่ได้ ฉันจะเอาไปด้วย ไหนเธอบอกว่าเป็นความผิดของสวรรค์ที่แยกเสี้ยวจิตวิญญาณออก ยังไงก็ต้องชดเชยให้กันบ้าง” “หึหึ ค่อยสมกับเป็นเจ้าเสียหน่อย อย่าให้ผู้ใดรู้ได้เล่าว่าเจ้ามีมิติ อีอี เจ้าต้องไปแล้ว มิเช่นนั้นจะมิอาจรวบรวมจิตวิญญาณได้อีก” “ไม่มีเวลาให้ฉันทำใจก่อนเลยรึไง” “ไม่ทันแล้ว” นางโบกมือเพียงครั้งเดียว เจียอีก็หายไปทันที “คุณหนู ตื่นเร็วเจ้าค่ะ ประเดี๋ยวจะไม่ทันแล้วเจ้าค่ะ” เสียงใครอีก แล้วตอนนี้ฉันมาอยู่ที่ไหนแล้ว เจียอีค่อยๆ หรี่ตาขึ้นเพื่อมองสิ่งที่อยู่รอบตัว ภพเลือนรางที่ได้เห็น มีสตรีนางหนึ่งเขย่าเรียกตัวเธอที่นอนอยู่เบาๆ นางสวมใส่เสื้อผ้าในยุคโบราณ เจียอีถอนหายใจออกมาเมื่อรู้ว่าตอนนี้ได้ย้อนกลับมาแล้ว ความทรงจำของมู่เจียอีค่อยๆ ฉายชัดขึ้น มู่เจียอีในวัยสิบห้าปี นางเพิ่งจะพ้นวัยปักปิ่นมาได้เพียงไม่ถึงเดือน ตอนนี้มู่เฟยหย่านางก็ยังไม่ได้หมั้นหมายกับหวงเต๋อฟาน เพียงแต่มีการพูดคุยกันเรื่องแลกเปลี่ยนเทียบชะตาไปบ้างแล้ว “อืม จะรีบตื่นไปที่ใด” เจียอีเบิกตากว้าง แม้แต่คำพูดที่นางใช้ก็กลับไปเป็นคำพูดโบราณโดยอัตโนมัติ “โถ่ คุณหนูวันนี้คุณหนูต้องเดินทางเข้าวังหลวงพร้อมนายท่านกับฮูหยินเจ้าค่ะ” “ไปเพื่ออันใด” เจียอีพยุงตัวขึ้นมานั่งพิงหัวเตียง นางหันไปมอง เสี่ยวถิง อย่างสนใจ สาวใช้ข้างกายของมู่เจียอี เป็นคนเดียวที่อยู่ข้างกายของนางจนถึงวันที่นางถูกห้าม้าแยก และคงเป็นคนเดียวที่ร้องไห้จนแทบขาดใจอยู่ด้านข้างไม่ไกลจากนาง “คุณหนู!!! ท่านมีไข้หรือไม่เจ้าคะ วันนี้เว่ยอ๋องเดินทางกลับเมืองหลวง ทางวังหลวงจัดงานเลี้ยงต้อนรับ มีตระกูลขุนนางในเมืองหลวงเพียงไม่กี่ตระกูลเท่านั้นที่ได้เข้าร่วมงานนี้ เมื่อวานท่านยังยินดีอยู่เลยเจ้าค่ะ เหตุใดเช้านี้ถึงได้ลืมเสียแล้ว”
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD