ปัง…
เธอปิดประตูคอนโดลงเบาๆ ถอดรองเท้าเปลี่ยนเป็นสลิปเปอร์แล้วเดินทอดน่องไปยังห้องนอน ก่อนจะทิ้งตัวลงนอนแผ่หลาบนเตียงด้วยแววตาเลื่อนลอย แก้มขวาแดงเถือกจากการถูกพ่อบังเกิดเกล้าตบ
‘หนูไม่เคยขอเกิดมา ไม่เคยขอให้พ่อเลี้ยงดู ถ้ารู้ว่าชีวิตมันจะบัดซบขนาดนี้วันนั้นหนูขอตายไปกับแม่ดีกว่า!’
เพียะ!
‘แกไม่มีสิทธิ์เอ่ยถึงเมียฉัน!’
เธอแค่นหัวเราะ ก่อนจะค่อยๆ หันหน้ากลับไปมองพ่อที่เพิ่งลงไม้ลงมือกับเธอเป็นครั้งแรก
‘เมียพ่อ แต่แม่หนู…’ เรียวปากสั่นเอ่ยตอบกลับพ่อด้วยน้ำเสียงแผ่วเบาราวกระซิบ ‘พ่อยังกล้าเรียกแม่ว่าเมียอยู่เหรอคะ ทั้งๆ ที่ตอนมีแม่…พ่อยังไม่นอนกับผู้หญิงคนอื่นเลย’
ไมอาปรายสายตาไปมองมาตาที่ยืนข้างๆ คนเป็นณกร ก่อนจะเลื่อนสายตากลับมามองคนเป็นพ่ออีกครั้ง
เพียะ!
ณกรตวัดฝ่ามือตบเข้าแก้มบางของลูกสาวข้างเดิมที่ตบไปก่อนหน้านี้อีกครั้ง
‘เลี้ยงไม่เชื่อง’
‘…’ น้ำตาหยดเผาะลงพื้น เธอเม้มริมฝีปากเข้าหากันเป็นเส้นตรง ไม่เคยรู้สึกผิดหวังกับผู้ชายคนนี้ เพราะสำหรับเธอ…เขาไม่เคยมีอะไรให้น่าภูมิใจ
‘วันพรุ่งนี้แกต้องย้ายเข้าไปอยู่บ้านเจ้าของคนใหม่ ฉันยกแกให้เขาแล้ว’
‘หนูไม่ไป ถ้าพ่อไม่อยากให้บริษัทล้มละลายก็ให้แพทตี้ไปแทนสิ ลูกรักพ่อนิคะ’ เธอพูดพร้อมกับปรายสายตาไปมองแพทตี้ที่แสดงสีหน้าไม่พอใจ
‘แพทไม่ไปนะแม่…’ แพทตี้พูดพร้อมกับเขย่าแขนคนเป็นแม่รัวๆ
‘น้องยังเด็ก แกน่ะเหมาะสมที่สุดแล้ว’
‘ตอนนั้นที่หนูโดนพ่อขังในห้องมืดๆ หนูก็ยังเด็กไม่ใช่เหรอ’
‘แกเลิกต่อปากต่อคำสักทีไมอา! ถ้าแกไม่ยอมไปบ้านหลังนั้นที่ตากับยายแกอยู่ฉันจะขายทิ้งซะ! ดูสิว่าคราวนี้แกจะทำยังไง!’
‘ตากับยายไม่ยอมหรอก’
‘ตากับยายแกจะทำอะไรได้ถ้าฉันจะขายทิ้ง’ ดูเหมือนตอนนี้มันถึงเวลางัดไม้ตายไม้สุดท้ายออกมาใช้กับคนหัวแข็งอย่างไมอา ‘แกก็เลือกเอาแล้วกันว่าจะเลือกทางไหน’
ความอึดอัดที่เก็บไว้ตั้งแต่บ้านถูกปลดปล่อยออกมาเป็นหยดน้ำตา หัวใจปวดหนึบแทบแตกออกเป็นเสี่ยงๆ
เธอไม่เคยขอเกิดมา และไม่เคยขอให้เขาเลี้ยงดู แต่สุดท้ายเธอก็ถูกปฏิบัติเหมือนสิ่งของที่พ่อจะยกให้ใครก็ได้ตามใจต้องการ
มือเล็กกำผ้าปูที่นอนแน่นจนข้อขาว ภาพอดีตที่เธอพยายามหลีกหนีกลับแล่นเข้ามาในหัวไม่หยุด ตั้งแต่เด็กจนโตเธอรู้ดีว่าตัวเองไม่เคยมีค่าในสายตาของพ่อ แต่เธอก็ไม่คิดเลยว่าตัวเองจะถูกส่งต่อให้ใครก็ไม่รู้อย่างไร้เยื่อไย
หนี…
ความคิดนั้นแวบเข้ามาในหัว แต่เธอก็รู้ดีว่ามันไม่ง่ายขนาดนั้น หากพ่อขายบ้านหลังนั้นตากับยายจะไปอยู่ที่ไหน บางทีสิ่งที่เธอควรทำอาจจะเป็นการเตรียมใจให้พร้อมสำหรับวันพรุ่งนี้
วันที่ชีวิตของเธอไม่อาจเป็นของตัวเองได้อีกต่อไป…
ด้านธีสิส
(พรุ่งนี้ลูกสาวของผมถึงมือคุณธีสิสแน่นอนครับ)
“ผมให้คนของผมเอาเอกสารไปให้คุณณกรเซ็น อีกไม่นานคนของผมก็คงถึง”
(อะ…เอกสารอะไรครับ?)
“เอกสารเซ็นมอบลูกสาวคุณไงครับ” เขาพูดเสียงเรียบ พลางยกมือข้างที่คีบก้านบุหรี่ขึ้นมาดูดตรงปลายกระบอก ก่อนจะดึงออกจากปากแล้วพ่นควันสีเทาออกมาอย่างใจเย็น
(ต้องเซ็นด้วยเหรอครับ?)
“คุณณกรไม่เซ็นก็ได้นะครับ ผมจะถือว่าสัญญาที่เราคุยกันเอาไว้เป็นโมฆะ”
(ซะ…เซ็นๆ ครับ)
“หึ” เขายกโทรศัพท์ออกจากหูแล้วกดวางสาย ก่อนจะเอนแผ่นหลังพิงพนักโซฟาอัดบุหรี่เข้าปาก หลับตาลงพ่นควันบุหรี่ออกมาอย่างสบายใจ มือที่คีบก้านบุหรี่เคาะลงจานเขี่ยบุหรี่ ขาที่ยกไขว่กันกระดิกเบาๆ อย่างอารมณ์ดี
เอกสารที่ส่งไปให้ณกรเซ็น คือ เป็นเอกสารยินยอมยกไมอาให้เป็นของเขาแต่เพียงผู้เดียว และเขาคนเดียวที่มีสิทธิ์ในตัวของกำนัลชิ้นนี้
ก๊อก ก๊อก
“เข้ามาสิ”
แอดด
เมื่อได้รับอนุญาตจากเจ้าของเสียงเข้ม ประตูที่ปิดอยู่ก็ถูกเปิดออกโดยหญิงสาวหน้าตาสะสวยสวมชุดเดรสรัดรูปสายเดี่ยวสีแดง เท้าที่ประดับด้วยส้นสูงสีดำตัดกับสีชุดเดินตรงเข้าไปหามาเฟียหนุ่มผู้ทรงอิทธิพล ก่อนจะหยุดอยู่ตรงปลายพรมสีดำ
เธอรู้ว่าควรเข้าไปอย่างไร…
สาวสวยค่อยๆ ย่อตัวลงคุกเข่ากับพื้น สายตาโฉบเฉี่ยวดูเซ็กซี่จ้องมองธีสิสอย่างยั่วยวน เธอคลานสี่ขาเข้าไปหาชายหนุ่มรูปงามอย่างเชื่องช้า สายตามองอีกฝ่ายไม่ละไปไหน ทุกการก้าวเข้าไปหาชายกระโปรงสีแดงพลอยถลกขึ้นจนเผยให้เห็นบั้นท้ายขาวเนียนที่ถูกสวมใส่โดยจีตริงสีแดงลายลูกไม้