‘แม่คะ!’
เสียงใสของเด็กสาววัยแปดขวบเอ่ยพร้อมกับวิ่งเข้าไปกอดคนที่ตัวเองเรียกแทนว่า ‘แม่’ ด้วยรอยยิ้มสดใส อ้อมกอดอบอุ่นที่ส่งผ่านร่างกายทำเด็กน้อยรู้สึกปลอดภัยจนไม่อยากปล่อย
‘อย่าวิ่งสิไมอา เดี๋ยวก็ล้มหรอก’
‘ไมอาคิดถึงแม่ แม่อย่าหายไปไหนอีกนะคะ’
‘แม่ไม่หายไปไหนแล้ว…’ น้ำเสียงของคนเป็นแม่แผ่วลงเรื่อยๆ ก่อนที่ร่างนั้นจะค่อยๆ จางและสลายหายไปในที่สุด
‘แม่ แม่ฮึกฮืออ’
‘แม่จ๋ากลับมาหาหนูฮืออ’
‘แม่จ๋า…’
เฮือกกก ไมอานอนสะดุ้งตื่นกลางดึก ท่ามกลางความมืดที่มีเพียงโคมไฟตรงหัวเตียงเป็นเพื่อนในยามโดดเดี่ยว เธอยกมือขึ้นปาดเหงื่อที่ผุดขึ้นเต็มหน้าผาก ลมหายใจหนักๆ ถูกพ่นออกมาเป็นจังหวะถี่ หัวใจเต้นแรงราวกับจะทะลุออกจากอก ภาพความฝันยังคงแจ่มชัดอยู่ในหัว
ฝันเดิม… ฝันที่เธอเห็นซ้ำแล้วซ้ำเล่ามาตลอดหลายปี ภาพของแม่ที่กำลังจางหายไปตรงหน้า และตัวเธอที่ทำได้แค่ร้องไห้ตะโกนเรียก แต่สุดท้ายก็ไม่มีใครกลับมา
มือเล็กค่อยๆ ยกขึ้นแตะใบหน้าตัวเอง สัมผัสถึงความชื้นที่เปื้อนอยู่ตรงแก้ม เธอร้องไห้ทั้งๆ ที่บอกตัวเองเสมอว่าจะไม่ร้องอีกแล้วแท้ๆ
เธอไม่อยากให้ความเศร้ามันกัดกินหัวใจไปมากกว่านี้ แต่ดูเหมือนมันจะฝังลึกเกินกว่าที่เธอจะลืมได้ เธอหลับตาลง ก่อนจะหยัดกายลุกขึ้นนั่งพิงหัวเตียง เหม่อมองออกไปนอกหน้าต่างที่มีแสงไฟจากตึกสูงระยิบระยับ
เธออยากจะหนีไปจากความจริงที่โหดร้าย แต่ในขณะเดียวกัน เธอก็รู้ดีว่าไม่สามารถหนีไปไหนได้อีกแล้ว
อีกไม่กี่ชั่วโมงข้างหน้า ชีวิตของเธอจะไม่ใช่ของเธออีกต่อไป เธอกำมือแน่น นัยน์ตาที่เคยเปี่ยมไปด้วยความสดใสบัดนี้เต็มไปด้วยความว่างเปล่า
ทำไมโชคชะตาไม่เคยเข้าข้างเธอบ้างเลย…
เธอหยิบสมุดขึ้นมาเขียนบันทึกเอาไว้เช่นทุกครั้งที่มีเรื่องราวไม่สบายใจ มือเล็กจับปากกาเขียนระบายทุกอย่างลงไปในสมุด
เกิดมาในครอบครัวที่เพียบพร้อมและมีทุกอย่างที่ใครๆ ต่างอิจฉา แต่กลับไม่มีใครรู้เลยว่าชีวิตของฉัน…โดดเดี่ยวมากแค่ไหน
เหตุผลเดียวที่ทำให้ฉันยังหายใจต่อบนโลกนี้แม้เคยคิดอยากจากไปหลายครั้ง คือ ตา ยาย และแม่นมที่เลี้ยงดูฉันมาตั้งแต่จำความได้
ความฝันที่จะได้เรียนต่อปริญญาโทที่อังกฤษพังทลายเพราะโดนพ่อแท้ๆ คุมกำเนิด ยกเธอให้เป็นของใครก็ไม่รู้
พรุ่งนี้ชีวิตของเธอจะเปลี่ยนไปตลอดกาล สักวันเธอจะกลับมายืนอย่างมีความสุขอีกครั้ง หรือตายไปจากโลกใบนี้กันนะ…
วันต่อมา
“ตาจ๋ายายจ๋า หนูซื้อขนมครกมาฝาก” เธอเดินเข้ามาภายในบ้านของตากับยายพร้อมกับยื่นถุงขนมครกให้ ยายกำลังนั่งถักผ้าพันคอ ส่วนตาก็นั่งอ่านหนังสือพิมพ์อยู่ข้างๆ ยาย
แม้พวกท่านจะอายุมากแล้วหากแต่ยังแข็งแรงมากๆ เดินคล่องทำอะไรไวเหมือนวัยรุ่นเลยล่ะ
“รู้ใจตากับยายจริงๆ” ตาพับหนังสือพิมพ์ลง มองถุงขนมครกที่หลานสาวซื้อมาฝากเป็นประจำด้วยรอยยิ้มใจดี
“ใครจะไม่รู้ใจวัยรุ่นล่ะคะ” เธอพูดแล้วหัวเราะอย่างอารมณ์ดี “ยายถักผ้าพันคอให้ใครจ้ะ”
“ถักให้ใครเหรอจ้ะยาย”
“ถักให้คนสวยแถวนี้” คนเป็นยายพูดแล้วหันไปยิ้มกับสามี
ไมอายิ้มรับคำของยาย หย่อนตัวนั่งลงข้างๆ ตรงพื้น แล้ววางคางพาดลงบนตักของยายอย่างออดอ้อน
“จริงเหรอจ้ะ หนูจะได้ผ้าพันคอจากยายอีกแล้วเหรอ”
ยายหัวเราะเบาๆ มือเหี่ยวย่นลูบศีรษะของหลานสาวแผ่วเบา
“ช่วงนี้อากาศเริ่มเย็นลงแล้ว ยายกลัวหลานยายหนาว”
ตาที่นั่งอ่านหนังสือพิมพ์อยู่ข้างๆ วางมันลงแล้วหันมามองสองยายหลาน
“ทำไมวันนี้ดูไม่ค่อยสดใสเลย ได้นอนบ้างไหม” คำถามของตาทำให้เธอชะงักไปเล็กน้อย ไมอายิ้มกลบเกลื่อนทันที
“ช่วงนี้งานเยอะนิดหน่อยจ้ะตา” เธอเลือกที่จะไม่บอกความจริงว่าที่ไม่ได้นอนเพราะมัวแต่คิดเรื่องที่พ่อกำลังจะส่งตัวเธอไปให้คนอื่น อย่างน้อยขอให้วันนี้เป็นอีกวันที่เธอได้มีความสุขก่อนเผชิญกับสิ่งที่รออยู่ข้างหน้า
“อย่าลืมพักบ้างนะลูก” ตาเตือนด้วยน้ำเสียงอบอุ่น
“จ้ะตา” ไมอาพยักหน้ารับ แล้วกอดแขนยายแน่นขึ้น “หนูอยู่กินข้าวเย็นด้วยนะ วันนี้หนูอยากกินอาหารฝีมือยาย”
“ได้เลยลูก เดี๋ยวยายทำของอร่อยให้” ยายหัวเราะ “ว่าแต่วันนี้อยากกินอะไรดีล่ะ”
ไมอาทำท่าครุ่นคิดก่อนจะยิ้มกว้าง “แกงส้มกับไข่เจียวค่ะ”
“เหมือนเดิมเป๊ะ” ตาพูดแล้วหัวเราะเบาๆ แกงส้มกับไข่เจียวเป็นเมนูโปรดของหลานสาว
ไมอาหัวเราะไปกับพวกท่าน แต่ลึกๆ แล้วเธออยากหยุดเวลาตรงนี้ไว้เหลือเกิน…
หลังจากทานอาหารเย็นเสร็จ ไมอานั่งคุงสักพักก่อนจะขอตัวกลับเพราะไม่อยากให้ตากับยายนอนดึก เธอมาจอดรถหน้าร้านสะดวกซื้อพลางคิดอะไรเรื่อยเปื่อยคนเดียว ก่อนจะหันไปคว้าโทรศัพท์มากดโทรกลุ่มกับเพื่อนสนิท
(ฮัลโหล)
(ฮัลโหล)
ทั้งคะนิ้งและมิลินประสานเสียงขึ้นมาพร้อมกัน
“คืนนี้ว่างไหม ฉันอยากดื่ม”
(คืนนี้น่าจะไม่ได้อะ ลูกยังไม่นอน) มิลินพูดเสียงอ่อยอย่างกลัวเพื่อนเสียใจที่โดนปฏิเสธ
“แกล่ะคะนิ้ง”
(ฉันเพิ่งออกมาเดตกับพี่ดีแลนเอง…) ด้านคะนิ้งก็ตอบกลับมาด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา ไม่คิดว่าเพื่อนจะชวนกะทันหันแบบนี้ หากบอกล่วงหน้าคงจะเตรียมตัวเอาไว้ แต่วันนี้รับปากจะไปเดตกับคนรักก่อนแล้ว
“โอเคๆ ไม่เป็นไร ฉันแค่รู้สึกเบื่อๆ เลยโทรมาชวนพวกแก เผื่อพวกแกว่างกัน”
(ขอโทษนะไมอา ไว้คราวหน้านะ)
“ไม่ต้องขอโทษหรอก ฉันเข้าใจพวกแก แค่นี้แหละ” เธอกดวางสายจากกลุ่มไลน์แล้วถอนหายใจออกมาเบาๆ เธอเข้าใจยัยสองคนนี้ดี แต่งงานเป็นฝั่งเป็นฝากันแล้วคงจะว่างไปดื่มเหมือนคนโสดคงไม่ได้ ยิ่งมีลูกยิ่งยากเลย เธอไม่เคยงอนเพื่อนเวลาโดนปฏิเสธเพราะเข้าใจ
ต่อให้โทรชวนแล้วไม่มีใครว่างไปด้วย เธอก็สามารถไปดื่มคนเดียวได้อยู่แล้ว เธอเริ่มเลื่อนมือขึ้นไปจับพวงมาลัยแล้วขับไปยังร้านประจำที่ชอบไปหากวันไหนไปดื่มคนเดียว
The Daimond bar
ไมอานั่งดื่มไวน์คนเดียวตรงบาร์ท่ามกลางเสียงเพลงที่เปิดคลอเบาๆ มือเรียวเล็กยกแก้วไวน์ขึ้นจิบอย่างละเมียดละไม ในหัวเต็มไปด้วยความคิดมากมายเกี่ยวกับเรื่องนั้น…
‘หนูขอเวลาหน่อยนะคะ’
‘แกยังกล้าต่อรองอีกเหรอ?’
‘หนูยังไม่พร้อม…’
‘ฉันเซ็นยกแกให้เขาแล้ว’
‘หมายความว่ายังไงคะ?’
‘นับจากนี้เป็นต้นไป ชีวิตแกเป็นของเขา’
‘พ่อเห็นหนูเป็นตัวอะไร นึกจะยกให้ใครง่ายๆ ก็ยก’
‘สำหรับฉัน…แกไม่เคยมีค่าอะไรเลย’
เธอสูดลมหายใจเข้าลึกๆ โดยมีน้ำตาคลอเบ้า เธอยกไวน์ขึ้นดื่มพรวดเดียวจนหมดแก้ว เธอยกยิ้มอย่างเย้ยหยันกับคำพูดที่พ่อบอกว่าเธอไม่เคยมีค่าอะไรเลย ถ้าคิดแบบนั้นจะยกเธอให้ใครก็ไม่รู้เพื่อแลกกับไม่ให้ธุรกิจล้มละลายทำไม
“เตกีล่า”
เสียงเข้มที่เพิ่งสั่งเครื่องดื่มกับบาร์เทนเดอร์ทำให้ใบหน้าสวยหวานที่เริ่มแดงก่ำหันไปมอง และเป็นจังหวะเดียวกันที่อีกฝ่ายหันมามองจนสบตากันเข้าพอดี
“พี่ธีสิส” ริมฝีปากสีระเรื่อเรียกชื่อคนรู้จักเบาๆ
เจ้าของชื่อมองคนที่เรียกตัวเองเมื่อครู่แล้วยิ้มบางๆ ที่มุมปาก สายตาคมเข้มอบอวลไปด้วยความร้ายกาจที่ไมอาไม่อาจตามทัน
“เมาแล้วเหรอ?”
ไมอาเบือนสายตาหนีไปทางอื่น พยายามหลีกเลี่ยงสายตาคมที่จ้องเธอราวกับนักล่ากำลังจ้องเหยื่อ
“แค่ดื่มเฉยๆ ค่ะ ไม่ได้เมา” เธอตอบกลับเสียงเรียบ ก่อนจะหันไปหยิบแก้วไวน์ที่บาร์เทนเดอร์เพิ่งรินให้ใหม่ขึ้นมาถือ
ธีสิสหัวเราะเบาๆ พลางหมุนแก้วเตกีล่าในมือ ท่าทางของเขาดูสบายๆ แต่สายตาที่มองเธอนั้นกลับเต็มไปด้วยเล่ห์เหลี่ยมบางอย่างที่เธออ่านไม่ออก
“ออกมาดื่มคนเดียวแบบนี้ ไม่ใช่ว่ากำลังอกหักหรอกนะ” เขาพูดขึ้นราวกับจะแหย่เธอเล่น
ไมอาชะงักไปครู่หนึ่ง ก่อนจะแค่นหัวเราะออกมาอย่างเย้ยหยัน “ชีวิตของไมอาไม่ได้มีเรื่องแค่เรื่องอกหักหรอกค่ะ”
ธีสิสเลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อยอย่างสนใจ “งั้นก็คงเป็นเรื่องที่หนักกว่านั้น?”
เธอไม่ตอบอะไรเพียงแค่ยกไวน์ขึ้นดื่มอีกครั้ง ธีสิสจ้องมองเธอเงียบๆ รอยยิ้มบนมุมปากของเขาเจือไปด้วยความรู้สึกที่อ่านยาก
“ถ้าอยากให้พี่ช่วย บอกได้นะ” เขาโน้มตัวเข้ามาใกล้ น้ำเสียงเหมือนกำลังเสนอทางออกให้ แต่สายตาที่มองกลับมีแววบางอย่างที่ซ่อนอยู่
“ช่วยอะไรคะ?” เธอหันมาสบตาเขาช้าๆ
“เรื่องที่ทำให้ไมอาคิดมากไง”
ไมอาขมวดคิ้ว เธอไม่ได้ไว้ใจธีสิสขนาดนั้น แม้เขาจะเป็นเพื่อนของสามีเพื่อนสนิท แต่เธอก็รู้ดีว่าเขาเป็นผู้ชายเจ้าเล่ห์ไม่เคยจริงจังกับใคร
“ขอบคุณค่ะ ไมอาแค่อยากออกมาดื่ม ไม่ต้องการความช่วยเหลืออะไร”
ธีสิสหัวเราะในลำคอ ยกแก้วเตกีล่าขึ้นดื่มรวดเดียวหมด ก่อนจะวางแก้วลงบนเคาน์เตอร์บาร์ดัง ‘กึก’
เธอหันไปยิ้มบางๆ และขอชนแก้วตามมารยาท จังหวะที่นิ้วเผลอชนนิ้วของเขาหัวใจพลันสั่นไหวขึ้นมา