“เจ้านาย? ก็ดีสิ นี่แกคงรู้ตัวเองจึงหางานทำได้เร็วดีเหมือนกัน ออกไปจากบ้านฉันทั้งเจ้านายและลูกน้องนั่นแหละ มันหมดเวลาของเด็กกาฝากอย่างเธอแล้ว”
ภูธเนศไม่รู้ว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้น ทว่าการกระทำและคำพูดดูหมิ่นดูแคลนเหยียดหยามไร้ศักดิ์ศรีของความเป็นคนทำให้เขาทนนิ่งเฉยต่อไม่ไหว นี่น่ะเหรอธาตุแท้ของผู้ดีตีนแดง แต่ดาหวันจับข้อมือเขาแน่น
“อย่าเอาตัวเองเข้ามายุ่งค่ะ ดาหวันจัดการเอง”
“นี่มันอะไรกัน ไหนเธอบอกว่ากลับบ้าน แล้วทำไมถึงมีผู้หญิงคนหนึ่งเอ่ยปากไล่ และทำตัวเหมือนเธอเป็นหมาข้างถนน เอ่อ ขอโทษ ฉันไม่ได้ว่าเธอเป็นหมานะ ดาหวัน”
“คุณภูเข้าใจฉันถูกแล้วค่ะ ฉันเป็นแค่ผู้อาศัยเด็กกาฝากที่ทุกคนไม่ต้องการ การที่ฉันถูกไล่ออกจากบ้านหลังนี้เพราะจะครบสี่ปีมันก็ถูกแล้วนี่ค่ะ”
“หรือว่าที่เธอขอยืมเงินเร่งด่วนจากน้องขวัญก็เพราะเรื่องนี้?”
และเมื่ออีกฝ่ายแอบพยักหน้ารับเล็กน้อยก่อนกล่าวขอโทษที่ให้คนนอกอย่างเขาเข้ามาเห็นอะไรแบบนี้ มันน่าสมเพชตัวเอง
“ฉันขอคุยกับเธอเรื่องนี้ภายหลัง หวังว่าเธอคงจะไม่ปฏิเสธงานพี่เลี้ยงดูแลลูกของเธอหรอกนะ ไม่อย่างนั้นฉันจะตามทวงหนี้ทบต้นทบดอกเบี้ยจนเธอไม่เหลืออะไรแม้แต่ตัว” กระซิบเสียงเข้มลอดไรฟันข้างใบหูของเธอ ดาหวันร้อนวูบวาบจนหน้าแดงก่ำ
ความรู้สึกนี้มันคืออะไรกัน สี่ห้องหัวใจของเธอเต้นแรงกระหน่ำจนแทบรู้สึกได้ บางทีดาหวันอาจไม่สนิทสนมผู้ชายคนไหนเวลาสี่ปีที่ตั้งใจเรียนจนจบ เขาคือผู้ชายคนแรกที่ทำให้เธอใจเต้น
“ออกไปจากบ้านของฉันได้แล้ว! ตัวเสนียดจัญไรอย่ามาเหยียบที่นี่”
“ผมว่าตัวเสนียดจัญไรที่คุณหญิงว่าควรจะเป็นของตัวเองมากกว่านะครับ ไม่ต้องห่วง เราสองคนออกจากบ้านหลังนี้แน่ แต่งตัวก็เป็นผู้ดีตีนแดง แต่นิสัยทราม ปากเสียแบบนี้ ใครจะไม่ทนอยู่ได้นานหรอกครับ สวัสดีครับ ไปกันเถอะ ดาหวัน”
“ค่ะ”
ภูธเนศตอกกลับความจริง ออกโรงปกป้องลูกจ้างภายใต้อาณาเขตปกครองจนคุณหญิงมลหน้าชาวาบ ขณะที่ป้าแพงกลั้นยิ้มสุดความสามารถ แอบสะใจนิดๆ ก็มีคนพูดแบบนั้นอย่างไม่ไว้หน้า
“ไปให้พ้นหน้าและอย่าคิดจะเหยียบกลับมาที่นี่อีก เจ้านายของแกคงเป็นเจ้าของบริษัทเล็ก แต่งตัวก็ไม่ได้มีฐานะอะไร”
“ดาหวันก็ไม่คิดจะกลับมาเหยียบที่นี่นักหรอกค่ะคุณหญิง หวังว่าคุณหญิงคงสบายใจที่ไม่มีเด็กกาฝากคนนี้ ดาหวันก็ไม่อยากอยู่ที่นี่ หากไม่เกรงใจคุณท่าน”
“แก! นังเด็กจองหอง นังดาหวัน”
คุณหญิงมลเกือบเต้นดิ้นเร่าแทบเนื้อเต้นเมื่อถูกหญิงสาวรุ่นลูกถอนหงอกต่อหน้าต่อหน้าพวกคนใช้ ดาหวันถูกเขายกมือเชิงบอกไม่ต้องเก็บให้เปลืองสิ่งสกปรกติดมือสวยๆ ของตัวเอง
“เธอไม่ต้องก้มลงไปเก็บเพื่อให้พวกเขามองเหยียดหยาม ฉันมีคนมาเก็บของของเธอเอง”
พ่อเลี้ยงหนุ่มส่งคนของเขานับสิบคนที่แอบติดตามอารักขาความปลอดภัย คุณหญิงมลคงไม่รู้ว่าเขาเป็นผู้มีอิทธิพล เจ้าของปางไม้มีฐานะร่ำรวยมากที่สุดทางภาคเหนือ มาช่วยขนข้าวของของดาหวันขึ้นรถที่จอดอยู่หน้าบ้าน
“ถ้าอย่างนั้นดาหวันขอกราบลาคุณท่านแทนนะคะ ดาหวันไปก่อนนะคะป้าแพง”
“ไปได้ก็ดี ฉันจะบอกเขาให้เอง”
ว่าจบคุณหญิงมลสะบัดหน้าหนีเชิดเข้าใส่ก่อนเดินกลับเข้าบ้านใหญ่ เจ้านายของเด็กกาฝากก็คงเป็นคนอันธพาล มีลูกน้องเยอะแยะ ท่าทางน่ากลัว
ดาหวันหน้าซีดเผือด รู้สึกเสียใจนิดๆ ที่ภรรยาของคุณท่านเกลียดชัง อย่างน้อยเธออยู่ที่นี่ตั้งสี่ปีก็ผูกพันกับบรรยากาศอยู่ พอจะไปจากบ้านหลังนี้ก็ใจหาย
“บ้านหลังนี้เขาไม่ต้อนรับเธอด้วยซ้ำ จะไปอาลัยอาวรณ์ทำไม ไปทำงานอยู่กับฉันที่ภาคเหนือดีกว่า ที่นั่นอากาศดี เหมาะสำหรับคนที่ไม่ยุ่งวุ่นวายกับใคร”
“ฉันเคยอยู่บ้านหลังนี้ แม้จะระยะเวลาสั้นๆ ไม่กี่ปี แต่ฉันรู้สึกผูกพันกับมันไม่มากไม่น้อย ขอให้ฉันทำใจสักพักก่อนนะคะคุณภูธเนศ”
“คนอื่นเขาเรียกฉันว่าพ่อเลี้ยง ทว่าเธอกลับเรียกฉันว่าคุณภูธเนศหรือคุณภู แต่เรียกคุณภูแทนพ่อเลี้ยงดีกว่า ฉันชอบถูกเรียกแบบนั้น”
“ทำไมล่ะคะ?”
ดาหวันเลิกอคติต่อเขาทีละนิด ครั้งแรกที่เจอทำเรื่องน่าอับอายมาก ฟาดกระเป๋าใส่ใบหน้าคมสัน ทั้งที่ยังไม่รู้จักนิสัยใจคอแท้จริง เขากลับให้อภัย เธอนี่มันแย่มากจริง พ่อเลี้ยงภูธเนศก็มีมุมมองดี ไม่แปลกที่ขวัญข้าวเอ่ยปากชม
“เพราะเธอเรียกฉันไม่เหมือนผู้หญิงคนอื่นยังไงล่ะ”
ดาหวันหูแดงอย่างไม่รู้ตัว เดินก้มหน้าก้มตาเดินหนีจากคนที่ยัดเยียดตำแหน่งความเป็นเจ้านายโดยที่เธอไม่ทันตอบตกลง ทว่าตอนนี้ไม่มีทางเลือกอื่นใดนอกจากต้องทำงานไปอยู่กับพ่อเลี้ยงลูกติดเป็นระยะเวลาหนึ่งปี
“คงทำแบบนี้กับผู้หญิงคนอื่นมาเยอะสินะ” อดไม่ได้ที่จะพูดแซะ
“คนอย่างฉันเป็นแบบนั้นเหรอ? อืม มันก็จริง ฉันก็เหมือนผู้ชายปกติทั่วไปที่พอเห็นพวกผู้หญิงสวยก็เข้าหาตามจีบ หรือว่าเธออยากเป็นผู้หญิงโชคดีคนนั้นที่ถูกพ่อเลี้ยงถูกจีบ”
“ไม่เอาค่ะ แค่นี้ฉันก็อึดอัดเต็มทน”
ภูธเนศกำพวงมาลัยแน่น ขณะพาตัวเองและพี่เลี้ยงเด็กคนใหม่ที่ได้มาบังเอิญ หวังว่าลูกสาวคงจะถูกใจถูกชะตาดาหวัน เพราะคนพ่อถูกชะตาผู้หญิงคนนี้มาก
“จะกลับตอนนี้ก็ดึกมากแล้ว พักโรงแรมของเพื่อนฉันก่อนคืนหนึ่ง พรุ่งนี้เช้าค่อยกลับไร่ชรันธรพร้อมกัน”
ไร่ชรันธรที่พ่อเลี้ยงภูธเนศว่าคงจะเป็นเจ้าของไร่ของเขา ทว่าดาหวันยังไม่รู้นอกเหนือจากไร่ส้มก็ยังเป็นเจ้าของปางไม้ ส่วนมากบ้านของเขาพักอยู่ที่ไร่เสียมากกว่า
“ฉันยอมตกลงทำงานให้คุณภูธเนศตอนไหนคะ”
“ยังไม่จบเรื่องนี้เหรอ”
“ก็...คุณภูธเนศมัดมือชกดาหวัน”
“เงินหนึ่งแสนบาทโอนเข้าบัญชีที่มีชื่อเธอเป็นเจ้าของเรียบร้อย เท่ากับว่าเธอยอมรับข้อเสนอของเรา ตำแหน่งพี่เลี้ยงเด็กดูแลลูกสาวฉันก็คงไม่ยากเย็นอะไรใช่ไหม”
“ก็ได้ค่ะ ฉันจะยอมทำงานเป็นพี่เลี้ยงดูแลลูกสาวของคุณภูธเนศเป็นเวลาหนึ่งปี แล้วฉันจะรีบหาเงินมาคืนใช้คุณให้เร็วที่สุด”
“เรียกคุณภูเฉยๆ ก็ได้ เรียกชื่อเต็มมันยาวเกิน”
“แต่เราเป็นแค่เจ้านายกับลูกจ้าง ไม่เห็นจำเป็นต้องเรียกชื่อสนิทสนมกัน เราไม่ได้เป็นอะไรกันมากกว่านั้น”
“หรือว่าจะให้เป็นอะไรกันก่อนถึงจะยอมเรียก หากฉันเรียกเธอว่าดาหวัน จะไม่อกแตกตายเลยเหรอ”
คนเผด็จการ!
“คุณ!” ถลึงตาดุดันใส่คนขับรถ สายตาโฟกัสทางถนนด้านหน้า แต่ปากก็ไม่ได้ถูกเทปปิดไว้เสียหน่อย
“ฉันจะลงโทษเธอยังไงดี รอยแผลตรงหัวที่ถูกเธอเอากระเป๋าฟาดใส่เต็มแรง เธอยังไม่ขอโทษฉันเลยนะ”
“ก็ตอนนั้นฉันไม่รู้นี่น่าว่าคุณภูคืออดีตรุ่นพี่ของยัยขวัญ ใครใช้ให้คุณลวนลามฉันก่อนล่ะ เอาเป็นว่าฉันขอโทษคุณภูแล้วกันค่ะ ดาหวันรู้สึกผิด”
“จะหายโกรธดีไหมนะ?” เขาชอบกวนประสาทคนอื่นให้โมโหอยู่เรื่อยเลย
ดาหวันเบือนหน้าหนีหันมองวิวถนนทางกระจกรถ จนกระทั่งความเหนื่อยล้าสะสมทั้งวัน ความรู้สึกง่วงจู่โจมหนักขึ้นงีบหลับสักห้านาที
“ดาหวัน ถึงโรงแรมแล้ว” รอยยิ้มมุมปากผุดขึ้นเมื่อเห็นภาพตรงหน้า
ภูธเนศไม่อยากปลุกคนนอนหลับในรถ เขาอุ้มร่างเล็กที่เวลาไม่พยศก็แอบน่ารักดีเหมือนกันขึ้นไปนอนพัก ซึ่งเป็นโรงแรมเครือหุ้นส่วนของตระกูลอัครวารินทร์ เวลาเขาพักก็ใช้ให้คนของเจ้าพ่อมาเฟียหนุ่มอย่างสามีขวัญข้าวเปิดห้องสักคืนสองคืน
เขาก็ไม่เข้าใจตัวเองว่าทำไมถึงต้องให้ความสนใจกับดาหวันจึงยื่นข้อเสนอแบบนั้น เวลาที่เธอกำลังเดือดร้อนต้องการความช่วยเหลือเร่งด่วน ละสายตาจากดวงหน้าหวานไม่ได้สักเสี้ยววินาที
“นี่ฉันลืมสนใจน้องขวัญได้ยังไงกัน ไม่ได้สิไอ้ภู!”
ภูธเนศเคยสนใจอดีตรุ่นน้องขวัญข้าว แต่พอรู้ข่าวว่าเธอแต่งงานมีเจ้าของ เขาอกหักเจ็บแปลบนิดเดียวก็หาย ทว่าเขาหมั่นไส้พระเพลิงเฉยๆ บอกว่าเป็นเมียแต่งแต่หวงก้างกับทุกคนที่เข้าใกล้น้องขวัญ ส่งช่อดอกไม้แกล้งมันเท่านั้น ไม่ได้คิดอะไรเกินเลยกับเมียชาวบ้าน
ครืด ครืด...
เสียงโทรศัพท์ดังขึ้นทำเอาเขาหลุดออกจากความคิดชั่วขณะ หัวคิ้วเข้มผูกปมเข้าหาแน่นเห็นปลายสายเป็นของแม่บ้านดูแลลินิน ลูกสาวของเขา โทร. มากลางดึกต้องเป็นเรื่องที่ไม่ดี
“มีอะไรครับ ลินินไม่สบาย?”