เด็กสาวบอกชื่อโรงพยาบาลแห่งหนึ่งในจังหวัดน่านให้กับรามัญฟัง
“นี่หนูมาไกลขนาดนั้นเลยเหรอ”
“ใช่ค่ะ หนูอยากจะทำให้แม่มีความสุขครั้งสุดท้าย”
“แล้วหนูมีจุดประสงค์อื่นที่จะมาเจอคุณพ่อหรือเปล่า”
“คุณอาหมายถึงอะไร”
“ก็เช่นอยากมาแสดงตัวว่าเป็นลูกอยากให้คุณนครินทร์รับผิดชอบหนูหรือให้ช่วยค่ารักษา”
“ไม่ค่ะ หนูไม่ได้ต้องการอะไรแบบนั้นเลยหนูใช้ชีวิตอยู่ที่นั่นก็มีความสุขดีถึงแม้เราจะไม่ได้ร่ำรวยเหมือนกับครอบครัวใหม่ของคุณพ่อก็เถอะ”
“หนูบอกว่าแม่ป่วยเป็นมะเร็งระยะสุดท้ายใช่ไหม”
“ใช่ค่ะ หมอบอกว่าแม่อาจจะอยู่ได้ไม่นาน”
“อาไม่ได้แช่งนะ ถ้าหากว่าแม่หนูเป็นอะไรไปล่ะ หนูจะใช้ชีวิตอยู่ยังไง”
“คุณอาไม่ต้องห่วงเรื่องนั้นหรอกค่ะ หนูคิดว่าตัวเองอยู่ได้ค่ะ ที่หนูมาวันนี้หนูไม่ต้องการความช่วยเหลืออะไรเลยค่ะ หนูแค่อยากให้พ่อไปเยี่ยมแม่สักครั้ง ให้แม่ได้มีความสุขก่อนที่แม่จะจากไปค่ะ” ริณเรณูพูดด้วยเสียงสั่น เธอคุยกับหมอแล้วละคุณหมอบอกว่ามารดาของเธออาจจะอยู่ได้อีกไม่นาน
เด็กสาวอยากจะมาบอกพ่อเรื่องนี้ตั้งตอนที่รู้ว่าแม่ป่วยหนัก แต่ก็ไม่มีโอกาสเลยเพราะเธอต้องไปโรงเรียนและยังต้องคอยดูแลแม่ซึ่งนอนรักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาล
จนกระทั่งโรงเรียนมีโครงการพานักเรียนมาทัศนศึกษา ริณเรณูก็ไม่อยากมาทัศนศึกษาเพราะเป็นห่วงมารดาที่นอนอยู่ในโรงพยาบาล
ถึงแม้จะมีพยาบาลคอยดูแลแต่เธอก็ยังกังวล แต่ครอบครัวของสุนิสารู้ก็อาสาจะคอยดูแลแม่ให้เพราะอยากเด็กสาวได้ไปเที่ยวกับเพื่อนๆ
ในตอนแรกริณเรณูก็ลังเลแต่พอเห็นว่าตารางทัศนศึกษานั้นมีช่วงที่คุณครูปล่อยให้นักเรียนอยู่อย่างอิสระนานถึงสี่ชั่วโมงเด็กสาวจึงตอบตกลงมาทัศนศึกษากับทางโรงเรียนเพราะจะใช้เวลานั้นออกมาตามหาบิดา
“แม่ของหนูบอกให้หนูมาตามพ่อไปเยี่ยมใช่ไหม”
“ไม่ค่ะ แม่ไม่เคยบอกแต่หนูอยากเห็นแม่มีความสุขหนูเลยมาตามหาพ่อ ถ้าวันนี้หนูไม่เจอพ่อก็ไม่เป็นไรค่ะ แต่หนูขอร้องให้อาบอกพ่อให้หน่อยได้ไหมคะ”
“อาจะบอกคุณนครินทร์ให้นะ แต่อาไม่รู้ว่าพ่อของหนูเขาจะเชื่อว่าหนูคือลูกหรือเปล่า”
“ถ้าพ่อเขาไม่เชื่อก็ไม่เป็นไรค่ะ หนูไม่สนใจเท่าไหร่สิ่งสำคัญที่สุดสำหรับหนูก็คือให้พ่อกับแม่ได้เจอกันอีกครั้ง”
“อาจะบอกเขาตามที่หนูเล่าให้อาฟังนะ แต่เอาจะไปหรือเปล่าอาคงตอบแทนเขาไม่ได้ ถ้าเขาไม่ไปเยี่ยมหนูจะเสียใจไหม”
“หนูคงเสียใจแทนแม่ค่ะ”
“ริณสี่โมงแล้ว” สุนิสากระซิบบอกเพื่อนเพราะเธอกลัวจะไปไม่ทันเวลาที่คุณครูเรียนรวมตัวเพื่อขึ้นรถกลับโรงเรียน
“หนูขอกลับก่อนนะคะ”
“แล้วจะมาหาพ่ออีกไหม”
“คงไม่มีโอกาสแล้วค่ะ หนูไปก่อนอย่าลืมที่หนูฝากบอกพ่อนะ”
“จะไปยังไง”
“แท็กซี่ค่ะ”
“เดี๋ยวอาไปส่งนะ”
“ไม่เป็นไรหนูเกรงใจ”
“ไม่ต้องเกรงใจหรอก ระหว่างที่นั่งรถไปกับอาหนูจะได้เล่าเรื่องของหนูกับแม่ให้อาฟังเพิ่มด้วย”
“พลอยว่าให้คุณอาเอาไปส่งก็ดีเหมือนกันนะ ประหยัดค่าแท็กซี่ด้วย” เด็กสาวกระซิบ
“หนูให้อาไปส่งก็ได้ค่ะ” ที่ริณเรณูยอมให้ชายหนุ่มไปส่งไม่ใช่เพราะเรื่องประหยัดค่าแท็กซี่แต่เธอคิดว่าระหว่างทางจะได้คุยกับเขาเพิ่มขึ้นและหวังว่าข้อมูลที่เธอเล่าให้เขาฟังนั้นเขาจะไปถ่ายทอดให้กับบิดาของเธอฟัง
“ไหนลองเล่าให้อาฟังซิว่าพ่อกับแม่ของหนูเจอกันยังไง” รามัญถามขณะที่กำลังขับรถพาริณเรณูและเพื่อนมาส่ง
“แม่หนูเป็นแม่ค้าขายข้าวแกงในตลาดค่ะ แม่บอกว่าเจอกับพ่อตอนพ่อไปคุมโครงการก่อสร้างศูนย์ราชการค่ะ ตอนนั้นพ่อเป็นผู้ชายที่หล่อมากๆ แม่ก็สวยมากๆ พ่อมากินข้าวแกงที่ร้านของแม่อยู่บ่อยๆ จนสนิทกันค่ะ จากนั้นหลังจากเจอกันได้ครึ่งปีพ่อกับแม่ก็ตกลงแต่งงานกัน”
“รูปที่หนูเอาให้ดูน่ะเหรอ”
“ใช่ค่ะ แต่มันเป็นงานแต่งงานเล็กๆ นะคะ ญาติของพ่อที่กรุงเทพไม่มีใครมาร่วมงานเลยเพราะบ้านของแม่อยู่ค่อนข้างไกลค่ะ แต่แม่ก็ไม่ได้ว่าอะไร แม่บอกว่าแม่รักพ่อมากพ่อกับแม่ใช้ชีวิตอยู่ด้วยกันเหมือนสามีภรรยาทั่วไป แม่บอกว่าช่วงนั้นเป็นช่วงที่แม่มีความสุขมากๆ ค่ะ จนกระทั่งงานก่อสร้างศูนย์ราชการเสร็จพ่อก็ขอเข้ามากรุงเทพแล้วบอกแม่ว่าจะมารับแม่ไปอยู่ด้วย”
“แล้วเขาไปรับไหม”
“ไม่ค่ะ พ่อเข้ามาในกรุงเทพประมาณสองเดือนพ่อก็ขาดการติดต่อไป จากนั้นก็มีคนไปหาแม่ที่นั่นพร้อมกับเอารูปที่พ่อแต่งงานกับผู้หญิงคนหนึ่งไปให้และขอร้องให้แม่เลิกติดต่อกับพ่อเพราะพ่อกำลังจะมีครอบครัวใหม่ ผู้หญิงคนที่ไปด้วยบอกว่าตนเองกำลังท้องแม่เห็นแบบนั้นก็เสียใจมากๆ แม่อยากถามพ่อว่าเพราะอะไรแต่ก็รู้สึกเห็นใจผู้หญิงด้วยกันไม่จริงรับปากว่าจะไม่ติดต่อพ่อมาอีก”
“แล้วแม่หนูได้บอกผู้หญิงที่ไปหาหรือเปล่าว่าแม่หนูก็กำลังท้อง”
“แม่ไม่ได้บอกค่ะ ตอนนั้นแม่เองก็ไม่รู้เหมือนกันว่าตัวเองท้องและพ่อก็ไม่รู้ด้วยว่าแม่ท้องอยู่ อารามคิดว่าถ้าพ่อรู้ว่าแม่ท้องพ่อจะทิ้งแม่มาแต่งงานกับผู้หญิงคนอื่นไหมคะ”
“อาตอบเรื่องนี้ไม่ได้เพราะอาไม่ใช่เพราะของหนู แต่ถ้าเป็นอาคงไม่ทิ้งแม่หนูอยู่ที่นั่น อาคงพามากรุงเทพด้วยตั้งแต่แรก” รามัญคิดว่าถ้าคุณนครินทร์แต่งานแล้วก็ควรจะพาภรรยาไปด้วยทุกที่
“อาคะ ถ้าหนูได้เจอพ่อหรือได้คุยกับพ่อหนูจะถามพ่อได้ไหมว่าทำไมพ่อถึงทิ้งหนูกับแม่ไป หนูอยากรู้ว่าเรื่องมันเป็นยังไงกันแน่แม่บอกว่าพ่อรักแม่มากแล้วพ่อจะไปทำผู้หญิงอื่นท้องได้ยังไง”
“หนูมีสิทธิ์จะถามพ่อแต่อาไม่รู้ว่าคำตอบที่ได้ฟังมันจะทำให้หนูรู้สึกยังไง อาขอถามว่าหนูมีความสุขไหมที่อยู่กับแม่แค่สองคน หนูรู้สึกไหมว่าตัวเองขาดพ่อ”
“หนูมีความสุขดีค่ะ แม่เป็นทั้งพ่อและแม่ถึงแม้หนูจะเป็นเด็กที่ไม่มีพ่อแต่แม่ก็รักหนูมาก หนูเลยไม่รู้สึกว่าตนเองขาดพ่อ”
“อาขอโทษนะ อาขอถามอะไรหนูอีกข้อหนึ่งได้ไหม”
“ถามอะไรคะ”
“แม่หนูไม่คิดจะแต่งงานใหม่หรือมีผู้ชายคนอื่นเข้ามาในชีวิตเลยเหรอ”
“แม่หนูเป็นคนสวยมากๆ ค่ะมีผู้ชายหลายคนที่อยากจะมาสมัครเป็นพ่อของหนู มีคนหนึ่งรวยมากและเขาก็ไม่รังเกียจหนูเลยสักนิด เขาดีกับแม่และหนูมากๆ แต่แม่ให้เขาเป็นได้แค่เพื่อนค่ะ แม่ไม่สนใจผู้ชายคนไหนเลยแม่บอกว่า ถ้าแม่ได้รักใครแล้วไม่เจอก็จะรักผู้ชายคนนั้นตลอดถึงแม้จะไม่ได้อยู่ด้วยกันแต่แม่ก็ไม่สามารถรักคนอื่นได้อีก” ริณเรณูเคยถามแม่เรื่องนี้หลายครั้งคำตอบของแม่ก็เหมือนเดิม
“อาชื่นชมความรักของแม่หนูที่มีต่อพ่อนะ”
“อารามคะจอดตรงนี้ก็ได้ค่ะ เดี๋ยวหนูสองคนจะแอบเข้าไปเอง” สุนิสารีบบอกเพราะกลัวว่าเขาจะขับรถเข้าไปใกล้กับรถบัสจนเกินไป
“ก็ได้ อาส่งตรงนี้นะขอให้หนูสองคนเดินทางปลอดภัย ถ้าถึงแล้วจะโทรมาบอกหรือไลน์มาบอกก็ได้ เก็บนามบัตรของอาไว้ด้วย เผื่อว่ามีอะไรจะได้ติดต่อกัน”
“ขอบคุณค่ะอารามที่มาส่ง” เด็กสาวสองคนยกมือไว้รามัญก่อนที่เธอจะลงจากรถและขึ้นไปบนบัสคันใหญ่ที่จอดรออยู่