เช้าวันต่อมา
เซญ่า Talk
ฉันตื่นมาตอนเช้าเตรียมที่จะไปเรียนตามปกติเหมือนอย่างเคย เรื่องเมื่อคืนฉันยังไม่ลืมหรอกมันอายจนไม่กล้าจะมองหน้าเขาด้วยซ้ำ แต่จะทำยังไงได้ล่ะในเมื่อฉันก็ต้องเจอหน้าเขาทุกวันอยู่แล้วนี่
ทั้งที่เป็นลูกน้องของเขาแต่กลับทำเรื่องไม่เป็นเรื่องไปจนได้ ใครที่ไหนเขาจะมาทำแบบนี้กัน
“เซญ่า..”
“….” ฉันหยุดเดินเพราะเสียงเรียกเสียงพี่โรวันนั่นแหละ เราเริ่มสนิทกันเพราะเจอหน้าและได้คุยกันตลอด ส่วนพี่อีกคนนึงฉันไม่ค่อยได้เจอเพราะรายนั้นทำงานอยู่อีกที่มากกว่า นานๆ เขาถึงจะมาที่นี่
เราจะได้เจอกันเพราะพี่เขามารอออกไปทำงานพร้อมกับเจ้านาย ส่วนฉันก็จะออกไปเรียน
“จะไปเรียนแล้วเหรอ?”
“ค่ะ”
“เจ้านายฝากบอกว่าให้เรารอก่อนนะ”
“รอ...ทำไมคะ?”
“พี่ก็ไม่รู้เหมือนกัน แต่คุณไทเลอร์สั่งเอาไว้แบบนี้น่ะ เมื่อคืนยังไม่ได้คุยกันเหรอ?”
“ก็คุยกันแล้วนี่ เจ้านายพี่บอกจะจัดการเรื่องหนี้สินของฉันให้ แล้วจัดการปิดบ่อนพวกนั้นให้ด้วย” ฉันบอกตามที่คุณไทเลอร์พูดไว้เมื่อคืน เขาบอกว่าจะจัดการเรื่องของพวกนั้นให้ ปิดบ่อนของคนพวกนั้น ฉันไม่รู้ว่าเขาจะจัดการด้วยวิธีไหนแต่ฉันก็ไม่อยากให้เขาต้องมาเดือดร้อนด้วยเช่นกัน
“ไอ้พวกนี้มันต้องจัดการที่ต้นตอ มันทำกันเป็นขบวนการ มันต้องมีเจ้านายที่มีแบล็คหนาแล้วไอ้ที่เราเจอมันก็แค่ลูกกระจ๊อกของพวกมัน”
“ก็ใช่ไงพี่ ฉันถึงไม่อยากให้เข้ามายุ่ง ทั้งพี่เจ้านายพี่จะเดือดร้อนกันเอา"
“…..” แทนที่เขาจะทำหน้าตกใจ เขากลับยิ้มเหมือนกับคุณไทเลอร์เมื่อคืนเลย นี่มันอันตรายถึงชีวิตเลยนะทำไมยังยิ้มอยู่ได้อีกล่ะ
“ไม่ต้องกลัวไปหรอก เจ้านายเราแบล็คหนากว่าพวกมันเยอะ"
“หือ??”
“เอาน่าเราไม่ต้องสงสัยหรือกังวลอะไรหรอก เรื่องนี้จิ๊บๆ จัดการได้สบายอยู่แล้วล่ะ"
“แล้วนี่ฉันต้องรอเจ้านายของพี่จริงๆ เหรอ?"
“อ่าห๊ะ ตามคำสั่งของเจ้านาย”
“แต่ฉันจะไปเรียนสายเอานะ” พูดพร้อมกับยกนาฬิกาข้อมือของตัวเองขึ้นมาดูเวลา
“ไม่สายหรอก เดี๋ยวฉันให้คนขับรถแวะส่ง”
“…..” ฉันหันไปตามเสียง เพราะมันดังขึ้นมาจากด้านหลัง คุณไทเลอร์กำลังเดินออกมาเขาแต่งตัวแบบนี้แล้วมันหล่อมาก ชุดสูทนี้มันเหมาะกับเขามากจริงๆ
“ไปขึ้นรถ ฉันจะให้คนขับรถแวะไปส่ง”
“ฉันไปเองได้ค่ะ มะ ไม่รบกวนดีกว่า"
“ฉันมีเรื่องจะคุยกับเธอ ขึ้นไปบนรถก่อน"
“…..”
สรุปฉันก็ต้องขึ้นไปในรถของเขาเพราะเขาบอกว่ามีเรื่องจะคุยกับฉัน นี่ฉันพยายามตีตัวออกห่างจากเขาแล้วนะ เรื่องเมื่อคืนก็ยังไม่ลืมเลย วันนี้ยังต้องมาอยู่ใกล้กันอีก ทำตัวไม่ถูกแล้ว
“เลิกเรียนแล้วไปไหนต่อ"
“ไปทำงานค่ะ"
“ไปลาออกซะนะ เป็นผู้หญิงแต่ทำงานกลางคืนคนเดียวมันอันตรายจะตายไป"
“แล้วจะให้ฉันทำตอนไหนได้ล่ะ กลางวันฉันก็ต้องเรียนนี่” ไม่รู้ทำไมเขาต้องมาเป็นห่วงฉันด้วย ถ้าฉันไม่ทำงานฉันก็ไม่มีเงินใช้สิ ฉันไม่ได้รวยเหมือนอย่างเขานี่นา
“ทำที่บ้านของฉันก็พอแล้วไม่ใช่เหรอ ถ้าฉันใช้หนี้ให้เธอก็ไม่มีอะไรต้องจ่ายแล้วไม่ใช่เหรอ แล้วจะไปทำงานอีกทำไม?”
“…..” ที่เขาพูดก็ถูกนะ ถ้าเขาใช้หนี้ให้ฉันแล้วฉันก็ไม่จำเป็นต้องไปหางานเสริมทำอีก แต่มันก็ต้องกินต้องใช้หรือเปล่าเพราะไหนจะค่าเทอมของฉันอีก
“ตอนเย็นฉันจะมารับ แล้วไปที่บ่อนที่แม่ของเธอไปกู้เงินด้วยกัน"
“คะ คุณ แต่มัน...” ฉันหันไปมองเขาด้วยความตกใจ ไม่คิดว่าเขาจะพาฉันไปที่นั่นด้วย ฉันกลัวว่าจะไปเจอกับแม่อีกนี่แหละ ถ้าเจอกันอีกมีหวังได้วุ่นวายแน่ๆ
“ไม่มีแต่อะไรทั้งนั้น ฉันจะเข้าไปเคลียร์ให้จบ เพราะไม่อย่างนั้นเธอก็จะเป็นหนี้อยู่แบบนี้ขอแค่มีชื่อของเธอไปกู้เงินออกมา"
“ทำไมคุณต้องทำขนาดนี้คะ คุณกับฉันเราไม่ได้เป็นอะไรกันสักหน่อย”
“…..” เขาไม่ตอบอะไร ไม่นานรถก็มาถึงหน้ามหาวิทยาลัยของฉัน ตลอดทางเราไม่ค่อยคุยกันเท่าไหร่ เขาเองก็เป็นคนนิ่งๆ เงียบๆ อยู่แล้ว ส่วนฉันก็ไม่รู้จะพูดหรือถามอะไรเขาเหมือนกัน หรือว่าเขาจะยังเขินเหมือนกับฉันนะ
ตกเย็น...
ฉันออกมายืนรอรถของเขาที่หน้ามหาวิทยาลัยตามคำสั่งของเจ้านาย ก่อนที่รถตู้หรูคันเดิมจะขับมาจอดข้างๆ ฉัน
“คุณไทเลอร์”
“ว่าไง?”
“จะไปจริงๆ เหรอคะ ฉันไม่อยากให้คุณต้องวุ่นวายนะคะ” ฉันถามเขาอีกครั้ง หวังว่าเขาจะยั้งคิดและล้มเลิกความคิดนี้ เขาบอกว่าจะให้คนของเขาจัดการให้ก็ไม่คิดว่าเขาจะไปด้วยแบบนี้
“ฉันไม่เห็นจะวุ่นวายตรงไหนสักนิด"
“แต่ถ้าเจอแม่ของฉัน มันจะเป็นเรื่องเอานะคะ ฉันไม่อยากให้คุณต้อง...”
“แม่ของเธอ...น่ากลัวขนาดนั้นเลยเหรอ?”
“ไม่หรอกค่ะ แต่เพราะฉันรู้ว่าแม่ของฉันเป็นแบบไหน ฉันถึงไม่อยากให้คุณไปเจอเขา"
“ฉันจัดการได้ เธอไม่ต้องห่วงไปหรอก”
ไม่นานเราก็มาถึงยังบ่อนที่แม่ของฉันชอบมาอยู่บ่อยๆ พอคุณไทเลอร์เดินเข้าไปก็มีแต่คนถอยให้ แม้กระทั่งพวกไอ้โม่งที่เคยตามเก็บเงินจากฉันก็ยังต้องก้มหัว นี่เขายิ่งใหญ่ขนาดไหนกันเนี่ยมีแต่คนกลัวกันทั้งนั้นเลย
“คุณไทเลอร์”
“เด็กคนนี้ใช่ไหม ที่เป็นหนี้ของพวกแก"
“คะ ครับ ใช่ครับ”
“ต่อไปนี้เด็กคนนี้จะไม่เป็นหนี้ของพวกแกอีก และถ้าแม่ของเด็กคนนี้มากู้อีกก็ให้ชดใช้เอาเอง ถ้าคนของฉันถูกทำร้ายหรือถูกทวงหนี้ที่ไม่ได้ก่ออีก พวกแกจะไม่เหลือแม้แต่เศษชิ้นเนื้อแน่”
“…..” เมื่อกี้เขาว่ายังไงนะ คนของเขางั้นเหรอ ฉันเนี่ยเหรอที่เป็นคนของเขา
“คะ ครับ"
ปึก!!
“นี่เงินส่วนที่เหลือ ฉันชดใช้ให้แล้ว เด็กคนนี้ไม่ได้เป็นหนี้ของพวกแกแล้ว”
“…..” ฉันมองเงินปึกใหญ่ที่พี่โรวันโยนไปตรงหน้าของไอ้เสี่ยตัวอ้วนนั่น มันหน้าเสียมันกลัวจนพูดไม่ออก อย่างกับว่าคุณไทเลอร์เป็นมัจจุราชสำหรับมัน
“นี่แค่เตือน ถ้าแกไม่อยากโดนสั่งปิดก็อยู่เงียบๆ อย่ามาทำคนของฉันอีก"
“คะ ครับ”
คุณไทเลอร์พาฉันเดินออกมาและสิ่งที่ฉันไม่อยากเจอเลยก็ได้เจอ เพราะแม่ของฉันกำลังยืนทำหน้าหงุดหงิดอยู่เหมือนว่าจะเสียไม่น้อยเลย
“อีญ่า!"
“แม่”
“มึงหายไปไหนมา มึงเอาเงินมาให้กูเดี๋ยวนี้ มึงมาจ่ายหนี้ให้กูใช่ไหม ไหนเงินเอาเงินมา"
“แม่! แม่หยุดนะแม่”
“หยุดได้แล้วครับ” คุณไทเลอร์จับแขนแม่ของฉันออกไปแล้วดึงฉันไปหลบไว้ด้านหลัง
“แกเป็นใคร? แต่งตัวแบบนี้ เป็นผัวอีญ่ามันเหรอ อ๋อ...ที่หายออกไปจากบ้านก็เพราะมีเสี่ยเลี้ยงแล้วนี่เอง อีลูกเลว”
“…..” ฉันไม่รู้จะพูดยังไงกับแม่เลยจริงๆ ในหัวมันมีแต่คำถามว่านี่เหรอคนที่ฉันเรียกว่าแม่มาตลอด ครอบครัวที่ฉันคิดว่ามันจะเป็นฐานปกป้องความรู้สึกที่ดีที่สุด มันกลับไม่ใช่แบบนั้นเลย
“นี่เงินของคุณครับส่วนผู้หญิงคนนี้ผมขอเธอเป็นของผมแล้วคุณหรือใครไม่มีสิทธิ์อีก อย่ามายุ่งกับคนของผมอีกถ้าไม่ยอมฟังแล้วจะหาว่าผมใจร้ายไม่ได้นะครับ”
“นี่คิดจะเอาเงินซื้อฉันเงั้นเหรอ?”
“หรือว่าคุณจะไม่เอาล่ะครับ เงินนี่มันก็มากพออยู่นะครับ ถ้าไม่เข้าบ่อนไม่ติดการพนัน รู้จักทำมาหากินเงินนี่เอาไปตั้งตัวได้สบายเลย"
“อีญ่า!”
ฉันรู้ว่าแม่ไม่เห็นด้วยหรอก เพราะถ้ามีฉันแม่ก็จะยังได้มีเงินใช้เรื่อยๆ แต่ถ้ารับเงินก้อนนี้ไปแล้วก็คือจบ แม่หาเงินที่ไหนไม่ได้อีกแล้ว
“พอเถอะแม่ ฉันเหนื่อยแล้ว ฉันไม่อยากต้องมาตามชดใช้อะไรให้แม่อีกแล้ว”
“....."
“ค่าน้ำนมของแม่มันแพง ชีวิตฉันใช้ให้แม่ก็ไม่หมดหรอก แต่ตอนนี้ฉันขอใช้ชีวิตของตัวเองก่อนก็แล้วกันนะแม่”