หลังจากคืนแต่งงาน เธอและเขาก็ใช้ชีวิตสามีภรรยาปลอม ๆ เพื่อทำให้มารดาของชายหนุ่มได้สบายใจ จนกระทั่งวาดนภาค่อย ๆ ทรุดลงเรื่อย ๆ มีคุณหมอเข้ามาดูอาการที่บ้านทุกวัน พินดาราดูแลวาดนภาเป็นอย่างดี เพราะอยากจะตอบแทนเธอจนกว่าจะถึงลมหายใจสุดท้าย
คุณหมอให้ทุกคนในบ้านทำใจไว้ตั้งนานแล้ว รวมทั้งตุลย์ภพก็ด้วยเขาที่รู้ว่าแม่ป่วยถึงแม้จะยังทำใจไม่ได้ในตอนแรก แต่ก็พยายามไม่แสดงให้ใครเห็น มีเพียงพินดาราที่แอบเห็นเขาร้องไห้หรือตาแดงบางครั้ง แต่เธอก็ไม่กล้าพูดหรือเปิดเผยเรื่องของเขา
“คืนนี้เธอไปนอนกับคุณแม่ เดี๋ยวเพียงจะมานอนกับฉัน” เขาสั่งให้เธอไปนอนห้องมารดาเพื่อจะเอาคู่ขาที่แซ่บถึงใจกว่าท่อนไม้อย่างเธอขึ้นมานอนด้วย หลังจากวันนั้นเขาก็แทบไม่มองหน้าหรือพูดอะไรกับพินดาราหากไม่จำเป็น เพราะเขาและเธอเหมือนคนแปลกหน้าต่อกัน
“ค่ะ” พินดาราตอบรับแล้วก็ไปเอาที่นอนหมอนและผ้าห่มไปนอนเฝ้าวาดนภา ที่จริงต่อให้เขาอยู่หรือไม่อยู่บ้านเธอก็เอาที่นอนมานอนที่พื้นหลบอยู่ในห้องแต่งตัวเพราะไม่อยากให้เขาต้องขัดหูขัดตา
ร่างเล็กต้องนอนพื้นแข็ง ๆ เพื่อให้เขาพอใจพยายามหลบเลี่ยงเขาอย่างที่สุด ไม่พบหน้ากันยิ่งดี แต่ต้องแสดงเป็นสามีภรรยาเพื่อให้วาดนภาสบายใจ แม้ว่าเธอต้องทรมานร่างกายมากแค่ไหนก็ตาม
หลังจากคืนเข้าหอเธอนอนแยกห้องกับเขาอยู่สองวันเนื่องจากเป็นไข้ และก็อ้างว่าจะได้ไม่เอาไข้ไปติดเขา ซึ่งเขาก็ดูจะยินดี แต่เมื่อวาดนภาถาม เธอจึงต้องย้ายกลับมานอนร่วมห้อง เธอเลือกมุมที่ลับตาที่สุด พยายามทำตัวไม่ให้รบกวนเขา
ที่นอนนุ่ม ๆ ที่เป็นเหมือนห้องหอของเธอ กลับใช้ต้อนรับหญิงสาวคนอื่นที่เขาควงสลับกันมา แต่เพียงพิธา
ดาราสาวที่ดังที่สุดในตอนนี้ ดูจะมาบ่อยที่สุด ถึงอย่างนั้นพินดาราก็ไม่อาจจะเรียกร้องสิ่งใดได้ นอกจากทำตัวเองให้เงียบที่สุดดุจอากาศที่ลอยวนไปมาในบ้านหลังนี้เท่านั้น
“แค้ก แค้ก...! หนูพิน ทำไมมานอนห้องแม่อีกล่ะลูก” วาดนภาถามด้วยเสียงอันแหบพร่า ห่วงลูกสะใภ้จะนอนไม่สบาย และกลัวสามีภรรยาจะห่างกัน
“พินเป็นห่วงคุณแม่ค่ะ ขอพินนอนเฝ้าเถอะนะคะ” ถึงเขาไม่บอกให้เธอมาเฝ้า เธอก็อยากมานอนที่นี่อยู่ดีเพราะเป็นช่วงสุดท้ายแห่งชีวิตของผู้มีพระคุณ อย่างไร เธอก็อยากตอบแทนให้ได้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ เมื่อสิ้นบุญของวาดนภาเธอจะได้ไม่รู้สึกติดค้างสิ่งใด
“แม่ขอบใจมากลูก” วาดนภาอยากให้พินดาราเป็นลูกเธอจริง ๆ แต่ก็นะได้เป็นลูกสะใภ้ก็ดีแล้วหวังว่าหลังจากเธอไม่อยู่แล้ว พินดาราและลูกชายตัวดีจะสร้างครอบครัวอย่างมีความสุขได้
หญิงสาวตื่นตอนตีสี่เมื่อคิดจะเข้าห้องน้ำและอยากแอบมาเอาเสื้อผ้าในห้องของเขา เธอตั้งใจจะย่องเข้าไปเงียบ ๆ แต่...
“อ๊ะ...ตุลย์ขามันไหมคะ เพียงอยากทำให้ตุลย์ขามีความสุขที่สุด” เสียงพลอดรักพร้อมกับเสียงร่างกายกระทบกระแทกกัน อย่างน่าหวาดเสียวนั้นทำให้เธอต้องชะงักงัน ผู้หญิงคนนั้นช่างร้อนแรงเสียจริง ตีสี่ก็ยังไม่ยอมหมดแรง นี่กินอะไรกันมาเหรอนี่
เธอชั่งใจว่าจะเอาอย่างไรดี จะเข้าไปก็ไม่ได้ จะรอให้เขาทั้งคู่ตื่นก็คงเที่ยงเป็นแน่ หากคุณวาดนภาเห็นว่าเธอยังใส่ชุดนอนจนเที่ยงจะตอบว่าอย่างไรดี
“อ๊ะ...ซี้ด...เพียงเร่งอีกครับ...โอ๊ย...ผมจะแตกแล้ว” เสียงครางกระเส่าและเสียงเร่งเร้าของชายหนุ่มที่กำลังรับศึกกับคู่ขาดังออกมาถึงนอกห้อง
หญิงสาวถอนหายใจแล้วก็ตัดสินใจเดินออกไป เธอไม่ต่างอะไรกับสิ่งมีชีวิตหนึ่งที่ไร้ค่าในบ้านเพียงภัทราแห่งนี้ เธอเดินลงไปที่ครัวชั้นล่างเพื่อเตรียมทำอาหารด้วยจิตใจเหม่อลอย
เธอยิ้มเยาะตัวเองที่เคยชื่นชมความเก่งกาจของเขา แต่เขาไม่เคยสนใจไยดีเธอ จนในที่สุดเขาก็รังเกียจเดียดฉันท์เธอ ความขมขื่นนี้เธอจำต้องรับมันไว้
ขณะที่เธอกำลังเหม่อลอยอยู่นั้น ร่างสูงที่เสียเหงื่อไปมาก กว่าจะปราบเพียงพิธาให้สยบลง เดินลงมาหาน้ำกินในครัว แต่ก็เจอกับร่างของหญิงสาวที่กำลังยืนเหม่อลอยจนเขาต้องเรียก
“นี่เธอ มายืนเหม่อลอยอะไรอยู่ตรงนี้”
เสียงของเขาทำให้เธอสะดุ้งจนสุดตัว เพราะว่าเขามาเงียบ ๆ ไม่ให้สุ้มให้เสียง
“เอ่อ...คุณตุลย์ภพ” เธอเรียกชื่อเขาด้วยความตกใจ
“ใช่สิ ฉันไม่ใช่ผี แล้วเธอมาทำอะไร นี่ก็ยังไม่เช้าเสียหน่อย” เขาดื่มน้ำทั้งที่ยังนุ่งผ้าเช็ดตัวแค่ผืนเดียว เหงื่อไหลเคลือบร่างกายทำให้ร่างใหญ่ดูวาวเมื่อกระทบกับแสงไฟ จนหญิงสาวมองมันอย่างเผลอไผล
“อ้อ...จะมาทำอาหารให้คุณวาดนภาค่ะ” ต่อหน้าเขาเธอต้องเรียกคุณวาดนภา ห้ามเรียกแม่เพราะเขาไม่เคยนับเธอเป็นเมีย เขาสั่งไว้อย่างเด็ดขาด
“อืม...” เขาไม่พูดอะไรแล้วก็หันหลังเดินขึ้นห้องแต่ก็ต้องหยุดเมื่อเธอเรียกเขาอีกครั้ง
“คุณตุลย์ภพคะ ขอพินเข้าไปเอาเสื้อผ้าหน่อยได้ไหมคะ” เธอขอร้องเสียงอ้อมแอ้มไม่เต็มเสียง กลัวว่าเขาจะดุเอา
“อืม...ก็ไปสิ” เขาไม่ได้สนใจเธอนัก อยากเห็นอยากดูอยากมองก็ตามใจ เพราะเขาก็ทำเป็นปกติ
แต่เมื่อพินดาราเดินตามเข้าห้องไป เธอเลี้ยวไปด้านห้องแต่งตัวหยิบเสื้อผ้าอย่างเร่งรีบแล้วเตรียมตัวจะเดินออกไป แต่เสียงถัดมาหลังจากที่เธอกำลังจะเดินออก คือเสียงบดจูบกับผู้หญิงบนเตียงอย่างดูดดื่มอีกครั้ง
‘นี่เขาไม่อายเธอเลยหรือไง’ เป็นพินดาราเสียเองที่รู้สึกกระดากอายเป็นอย่างยิ่ง เธอรีบออกไปอย่างรวดเร็ว ก่อนจะเห็นว่าทั้งคู่ทำสิ่งใดกันต่อในห้อง
ตลอดหลายวันที่เธอนอนร่วมห้องกับเขา หลังจากเสียความบริสุทธิ์ให้กับเขาแล้ว ยามที่ได้เห็นเขาอยู่กับผู้หญิงอื่นหัวใจเธอรู้สึกเจ็บแปลบไปหมด ไม่รู้ว่าเพราะอะไรยิ่งตอนที่เขาพาผู้หญิงอื่นมาที่ห้อง ยิ่งรู้สึกว่าจุกไปทั้งอก แม้น้ำลายก็ไม่อาจจะกลืนลงไปได้
เธออยากออกจากบ้านหลังนี้ที่สุด แต่ทว่ามันยังไม่ถึงเวลา ตอนนี้มีเพียงวาดนภาเท่านั้นที่ทำให้เธออยากใช้ชีวิตในบ้านหลังนี้ต่อไป
การไม่เผชิญหน้า ไม่รับรู้เรื่องราวของเขา ย่อมเป็นสิ่งที่ดีกับตัวเธอ หญิงสาวสูดลมหายใจลึกเข้าปอด เก็บความคับแค้นไว้ภายในแล้วก็ลงไปอาบน้ำด้านล่างที่ห้องรับแขก เธอทำอาหารให้กับคุณวาดนภาต่อไป พยายามลบภาพในหัวที่เขากำลังเริงรักกันในห้องกับหญิงสาวคนอื่นอย่างมีความสุข
เมื่อถึงเวลาอาหารเช้าเธอก็ยกข้าวขึ้นไปป้อนวาดนภาข้างบน เธอป้อนยาและเช็ดเนื้อเช็ดตัวให้ผู้มีพระคุณของเธอเป็นอย่างดี
วาดนภาไม่ใช่แม่ก็เหมือนแม่ ท่านเลี้ยงดูเธอมาตั้งแต่แม่ของเธอเสียไป เธอจึงต้องกตัญญูอย่างที่สุด
“ตาตุลย์ตื่นหรือยัง” วาดนภาอยากเห็นหน้าลูกชาย เธอรู้สึกว่าเวลาของเธอกำลังจะหมดลงในอีกไม่ช้า นี่อาจจะเป็นวันสุดท้ายที่จะได้ลืมตาขึ้น
“คุณตุลย์น่าจะอยู่ในห้องค่ะ เมื่อคืนคงทำงานจนดึก” พินดาราแก้ต่างให้เขา เพื่อให้มารดาของเขารู้สึกสบายใจ แม้ว่าเธอต้องเจ็บช้ำใจมากแค่ไหนก็ตาม
“ไปเรียกให้แม่หน่อย” วาดนภาไม่เคยให้ไปปลุกลูกชาย นี่คงเป็นครั้งสุดท้ายที่เธอจะให้คนไปทำเช่นนี้ เธออยากพูดคุยกับลูกชายให้เข้าใจ
“ค่ะ” พินดารารับคำ แล้วไปทำตามอย่างที่คุณวาดนภาสั่ง เธอเองไม่ใช่ไม่สังเกต อาการของวาดนภาทรุดลงมาก เธอจึงอยากอยู่กับลูกชายคนเดียวของเธอที่เธอรักมากที่สุด
พินดาราเคาะประตูสองครั้ง เขาก็เดินมาเปิดในสภาพที่ยังไม่ได้แต่งตัว
“มีอะไร” ชายหนุ่มขยุ้มหัวอย่างง่วงงุน ถามเธอออกไป
“คุณวาดนภาอาการไม่ค่อยดีค่ะ เรียกหาคุณตุลย์ภพ ช่วยไปพบเธอหน่อยนะคะ” หญิงสาวพยายามพูดให้ถนอมน้ำใจของเขาที่สุด ไม่อยากจะเอ่ยสิ่งที่ทำให้เขาสะเทือนใจนัก
ชายหนุ่มได้ฟังดังนั้นก็รีบแต่งตัวตามเธอไปหาแม่ของเขาทันที โดยไม่สนใจคู่ขาที่นอนสลบอยู่บนเตียงเลยสักนิด เขารีบเข้าไปนั่งเคียงข้างมารดาอย่างเป็นห่วง พร้อมกับทำใจไว้ส่วนหนึ่งแล้ว เพราะคุณลุงหมอบอกว่าคำสั่งเสียสุดท้ายของผู้ป่วย สิ่งใดไม่เหลือบ่ากว่าแรงก็ให้ทำซะ เขาถึงยอมจัดพิธีแต่งงาน
“แม่ครับ” เขานั่งเคียงข้างวาดนภา มารดาของตนเองที่ตอนนี้ใบหน้าซีดเซียวนัก ดวงตาของชายหนุ่มแดงก่ำพยายามกลั้นความเสียใจไว้อย่างที่สุด
“ตาตุลย์ มาแล้วเหรอลูก” วาดนภาลืมตามองลูกชายอย่างยากลำบากราวกับต้องฝืนลืมตามองเป็นครั้งสุดท้าย
“ครับแม่ ตุลย์อยู่ตรงนี้แล้วครับแม่” ชายหนุ่มจะอ่อนโยนเวลาอยู่กับมารดาเท่านั้น หากเป็นคนอื่นเขาไม่เคยทำตัวเหมือนเด็กเช่นนี้
“ตอนแม่ไม่อยู่ ดูแลหนูพินดี ๆ นะลูก” วาดนภาเอ่ยทั้งน้ำตาเป็นห่วงทั้งสองคน กลัวคนทิฐิแรงอย่างตุลย์ภพจะทำร้ายจิตใจคนดี ๆ อย่างพินดารา
“ไม่ครับแม่ แม่อย่าพูดแบบนี้ แม่ต้องอยู่ดูแลเธอเองนะครับ ตุลย์ไม่ยอมดูแลเด็ดขาด” เขาพูดกับมารดาด้วยเสียงสะอื้นจับมือของมารดาขึ้นมาแนบกับแก้มของตัวเอง
“แม่ไม่ไหวแล้วลูก แม่ฝากน้องด้วย รับปากแม่สิ” เธอพยายามให้ลูกชายรับปากเรื่องที่ต้องการให้เขาดูแลพินดาราอย่างดี
“ครับแม่ แม่ไม่ต้องพูดอะไรแล้วแม่พักผ่อนนะครับ ผมจะอยู่ดูแลแม่เอง” เสียงของชายหนุ่มเครือจนพินดาราที่อยู่ข้าง ๆ อดร้องไห้ตามด้วยไม่ได้ ไม่นานนักมือของคุณหญิงวาดนภาก็ตกลง นั่นทำให้ทุกคนในห้องต่างสะอื้นไห้ออกมาพร้อมกัน
พินดาราร้องไห้จนหน้าบวมแดงเสียใจกับการจากไปของผู้มีพระคุณ ในขณะเดียวกันเธอก็ต้องเตรียมหาที่อยู่ใหม่เช่นกัน