เช้าต่อมา
"ดูสิ วันนี้ใครมันมาขโมยปลาจะเอาไม้ที่ปักด้วยหนามพันรอบฟาดให้ยับเลย!" ฉันหงุดหงิดเวลาดักปลาเพื่อไปให้พ่อมักถูกชาวบ้านขโมยไปตลอด วันนี้เลยไปหาท่อนไม้เเล้วเอาหนามเเข็งพันรอบๆ เพื่อเป็นอาวุธ ไม่ว่าใครหน้าไหนก็อย่ามาแหยมกับจินดาคนนี้
คลืบ สาวน้อยคอยเฝ้าสังเกตคนขโมยปลาทั้งวันแต่ไร้วี่เเวว แล้วจู่ๆ ก็มีถุงบางอย่างลอยเข้ามาติดกิ่งไม้ที่ล้มขวางทางน้ำ ด้วยความอยากรู้อยากเห็นเป็นนิสัยเธอจึงลากสิ่งนั้นขึ้นมา
"หนักฉิบหายอะไรวะ?!" ฉันยืนท้าวเอวพักเหนื่อย ถุงบางอย่างห่ออย่างมิดชิดมาเกยไม้ เลยอยากรู้ว่ามันคืออะไร ในระหว่างที่ฉันก้มลงเพื่อจะรูดซิบออกกลิ่นเน่าตีขึ้นปะทะจมูกอย่างจังจนทำให้ต้องถอยหนี
แต่ด้วยความใจสู้ฉันเลยตัดสินใจจะเปิดมัน
กรี๊ดดด!! เสียงกรีดร้องดังลั่นป่า ในห่อหนานั้นมีศพที่สภาพยับเยิน ตัวม่วงเป็นจ้ำแต่ยังเห็นใบหน้าและเค้าโครง
"เฮือก! นี่ใคร" ฉันล้มลงคลุกกลิ้งกับดิน แม้จะเคยเห็นศพมาบ้างเพราะพ่อสอนให้ป้องกันตัวเอง แต่ที่ทำให้ฉันอึ้งเพราะศพในห่อนั้นมีหน้าตาคล้ายคลึงกับฉันมาก
กลางลานกว้างของหมู่บ้าน
"ฮื้อออ..ฮึกก..ฮือออ" เสียงร้องไห้ของลูกผู้ชายอกสามศอก เมื่อเข้มได้พบกับศพปริศนา เขารู้ได้ทันทีว่าคือจินดาแฝดคนพี่เพราะสร้อยที่เธอสวมใส่ตอนเเยกทางกับเมวดี เขาขอให้จินดาแฝดพี่สวมใส่สร้อยนี้เเล้วสั่งให้บอกลูกว่าห้ามถอดมันออกเด็ดขาด
"พะ.. พ่อทำไมเขาถึงหน้าคล้ายๆ หนูคะ แม้จะบวมช้ำตาปูดแต่เขาคล้ายหนูเลยนะหนูดูออก"
"จินดา รู้ไหมทำไมลูกถึงชื่อนี้"
"ทำไมคะ"
"เพราะพ่อตั้งใจให้ชื่อเหมือนพี่สาวฝาแฝดของลูก หลังจากทะเลาะกันเราสองคนต่างแบ่งลูกมาเลี้ยง พ่อติดตามข่าวทั้งคู่มาตลอด พยายามช่วยเหลือพี่สาวของลูกแม้เราจะไร้อำนาจเงินทองจะต่อกรกับพวกปีศาจนั่นได้ แต่ตอนนี้..คงไม่ทันเสียแล้ว เพราะพ่อรักลูกทั้งสองมากถึงได้ตั้งชื่อให้เหมือนกัน"
หยดน้ำตาของผู้เป็นพ่อไหลลงอาบเต็มสองแก้ม ลูกสาวที่เขาเฝ้ามองห่างๆ หวังจะได้กอดสักครั้งและหวังให้เธอรับรู้ว่าเขาเป็นพ่อ
บัดนี้ความหวังได้สูญสิ้น เมื่อสายน้ำไหลพัดพาเพียงร่างที่ไร้ลมหายใจมาฝากเท่านั้น
หลายวันต่อมา
ไฟถูกสุ่มเป็นเพลิง เข้มได้เผาศพทิ้งท่ามกลางดวงตาแดงก่ำ ความห่วงหาอาลัยกับดวงใจที่แตกสลาย
"ทำไมพ่อรีบเผาพี่จินดา" ฉันเอ่ยถาม
"ถ้าลูกอยากหาคนร้ายที่ฆ่าพี่สาวจริงๆ ต้องมีจินดาเพียงแค่คนเดียว" พ่อพูดแค่นั้น
เมื่อจินดาแฝดน้องรบเร้าจะตามหาคนใจอำมหิตที่ทารุณพี่สาวฝาแฝดของเธอจนตาย ด้วยนิสัยที่หัวรั้นไม่มีใครห้ามอยู่ พ่อจึงจำต้องยอมให้เธอทำตามใจ
"กูไปได้ข้อมูลมาระหว่างที่จินดาตาย มาเฟียที่เป็นสามีไม่อยู่ไปประชุมต่างประเทศก่อนหน้านั้นหลายวัน ตอนนี้ยังไม่กลับมา อาจเป็นได้ว่าไม่ได้รู้เห็นเป็นใจเพราะไม่อย่างนั้นคงฆ่าไปนานเเล้ว แต่คนพูดกันหนาหูเลยนะว่าท่านหญิงใหญ่หรือแม่ผัวไม่ชอบขี้หน้าลูกสะใภ้สักเท่าไหร่ แต่ยังไงก็ระวังตัวให้ดีพวกนี้มีทั้งอำนาจเงินทองกลบฝั่งศพมาเป็นร้อยคนเเล้ว" เพื่อนเก่าแก่ของเข้มได้เดินทางมาส่งสารข้อมูลด้วยตัวเอง
สองเดือนต่อมา
@ท่าเรือ
"จินดาฟังพ่อนะ อย่าไว้ใจใครไม่ว่าใครหน้าไหน หากมีภัยให้รีบหนีพ่อจะคอยดูอยู่ แต่ใกล้ไม่ได้มากหูตามาเฟียกว้างไกลเหลือเกิน" เข้มสั่งลูกสาวที่กำลังจะออกเดินทางเข้าเมือง เขาวานให้เพื่อนเก่าช่วยเหลือพาจินดาไปยังเมืองหลวงที่อยู่ไม่ไกล สาวน้อยโบกมือลาก่อนส่งยิ้มสดใส เธอได้รับชื่อและข้อมูลต่างๆ จากเพื่อนของพ่อที่ดั้นด้นหามาให้
จินดาศึกษาอย่างตั้งใจก่อนจะจุดไฟเผามันทิ้ง
@บ้านมาเฟียใหญ่
ต๊บ! ฝ่ามือของคีย์ฟาดลงบนโต๊ะกลางบ้าน เมื่อเขาเดินทางมาถึงเเล้วได้อ่านจดหมายที่ถูกตีพิมพ์แทนการเขียนด้วยลายมือ เนื้อหาคือ...จินดาไม่อยากอยู่เป็นเมียท่านคีย์อีกต่อไปขอออกไปใช้ชีวิตลำพัง แต่ทั้งนั้นเขาก็ยังไม่เชื่อเลยเรียกคนทั้งบ้านมาสอบถาม
"คนหายไปทั้งคนเกือบสองเดือน ทิ้งแค่จดหมายไว้ฉบับเดียวแม่ว่าไม่แปลกไปหน่อยเหรอ"
"ก็แค่ผู้หญิงร่านๆ แกจะสนใจทำไม เมียของแกก็นั่งอยู่ตรงนี้แล้ว"
"พอใจ..."
"ใช่ ฉันจะยกพอใจให้ แล้วต้องได้เป็นเมียใหญ่เมียแต่งเพียงคนเดียวของแกด้วย"
ตึก ตึก ตึก ฝีเท้าก้าวเข้ามาทำทุกคนชะงักเพราะปกติจะไม่มีใครผ่านประตูใหญ่ได้ก่อนได้รับอนุญาต
"พูดผิดพูดใหม่ได้นะคะคุณแม่ขาาา"
"จินดา" ผมเรียกชื่อผู้หญิงที่นอนด้วยกันนับครั้งไม่ถ้วนในฐานะเมียแต่ง แต่ทำไม..แววตาคู่นี้มันแตกต่างกันราวกับว่าผมไม่เคยพบเจอมาก่อน
"อีจินดา" ท่านหญิงใหญ่กัดฟันกรอดขมวดคิ้วอย่างสงสัยทั้งอยู่ในอาการตกใจ
จินดาเดินมาแล้วนั่งบนตักของคีย์ท่ามกลางความงุนงงของทุกคนเพราะกิริยาที่ไม่เหมือนเดิมพร้อมกับคำพูดจาที่ดูผิดแปลกแตกต่างไป
"สวัสดีค่ะทุกคนจินดากลับมาแล้วนะคะดีใจมั้ย..แค่ออกไปพักใจชั่วคราว คุณสามีคงไม่โกรธนะ ฮ่าๆๆ"