กริ๊ก!
"สวัสดีค่ะมัม" สายขิมกลับบ้านในช่วงค่ำของวันนั้น เป็นโฮสต์มัมที่เอ่ยทักเธอด้วยรอยยิ้ม
ต้องบอกก่อนว่าเธอเป็นเด็กต่างจังหวัดที่ย้ายเข้ามาเรียนในเมือง โฮสต์มัมคือคนที่รับเด็กจากต่างจังหวัดเข้ามาอยู่ดูแล และไม่ใช่รับเธอเพียงแค่คนเดียวแต่ยังมีเด็กคนอื่นๆ ที่โฮสต์มัมรับมาดูแลเช่นเดียวกัน ซึ่งบ้านหลังหนึ่งจะมีเด็กประมาณสี่ถึงห้าคนที่โฮสต์มัมรับมาดูแลมีทั้งผู้หญิงและผู้ชายปะปนกัน
สายขิมอยู่บ้านโฮสต์มัมของ 'มัมหยก' มาได้หนึ่งปีแล้ว มัมหยกใจดีกับเธอมากแต่ถึงกระนั้นเธอก็ยังคิดว่าที่นี่มันไม่เหมาะกับเธอมากเท่าไหร่
เธอไม่ได้มีปัญหากับโฮสต์มัม แต่รู้สึกเหมือนจะเข้ากับเพื่อนที่นี่ไม่ค่อยได้ ไม่รู้สิ...
"ไงสายขิม วันนี้กลับดึกเลยนะ เรียนเป็นไงหืม?" เสียงของมัมเอ่ยถามในขณะที่เจ้าตัวปิดหนังสือที่กำลังอ่านลง แล้วหันมาหาเธอด้วยรอยยิ้มใจดีเหมือนอย่างเคย
"อาจารย์สั่งงานเยอะมากเลยค่ะ กว่าจะแบ่งกันลงตัวก็ปาไปเกือบค่ำเลย" คนตัวเล็กเดินเข้าไปภายในบ้านก่อนจะยกมือไหว้มัมหยก และหมายจะขึ้นไปทำงานค้างต่อบนห้อง พอขึ้นปีสองงานก็จะเยอะหน่อยๆ ทำให้เธอต้องกลับบ้านช้าเกือบทุกวัน เพราะมันเป็นช่วงเปิดเทอมใหม่อะไรๆ จึงยังไม่ค่อยลงตัวนัก
แต่ในตอนที่เธอกำลังจะเดินเข้าไปหามัมที่นั่งอยู่บริเวณหน้าโซฟาตัวยาว กลับต้องชะงักเพราะคำพูดของใครบางคนที่พูดดังมาจากในครัวที่อยู่ไม่ไกลจากตรงที่เธอยืนอยู่มากนัก
"ก็นึกว่าขิมจะไปกับผู้ชายที่ไหนแล้วเสียอีก อ้อลืมไป คงไม่มีผู้ชายที่ไหนหลงมาชอบหรอก เราจะได้โล่งใจว่าไม่เป็นไรเวลากลับดึกๆ คิกๆ ล้อเล่นน่ะ อย่าโกรธนะขิม :)"
เสียงนั้นทำสายขิมหันไปมอง ก็พบเข้ากับรอยยิ้มของ 'สายป่าน' เฮาส์เมตที่มีสถานะเป็นลูกสาวของมัมหยก และเพื่อนร่วมคลาสไม่กี่คนของเธอ
"ป่าน...แม่บอกแล้วไงว่าอย่าพูดแบบนั้นกับเพื่อน" เสียงตำหนิของมัมดังขึ้น แต่สายป่านก็ทำเพียงส่งสายตาขอโทษมาให้เธอ แต่เพียงครู่เดียวก็หายไปราวกับคนไม่สำนึก อ่า...หรือเธอแค่ตาฝาดไป
นี่แหละเหตุผลที่เธอคิดว่าเข้ากับเพื่อนที่นี่ไม่ค่อยได้ เพราะพวกเขาชอบพูดจาไม่ดีใส่ ชอบตบหัวแล้วลูบหลังเสมอ
"ไม่เป็นไรค่ะ ขิมขึ้นห้องก่อนนะคะ" เธอเองก็เกรงใจโฮสต์มาก เพราะมัมหยกดูแลเธอดีมากจนไม่อยากก่อปัญหาและอีกอย่างสายป่านเป็นเพื่อนคนเดียวของเธอในตอนนี้ บางครั้งก็ดีแต่บางครั้งก็ชอบพูดจาไม่ถนอมน้ำใจเธอเท่าไหร่
"มัมเตรียมอาหารค่ำไว้แล้ว หนูขิมลงมากินพร้อมกันนะ" เสียงของมัมเอ่ยอีกครั้ง แต่วันนี้เธอไม่มีอารมณ์มานั่งกินข้าวกับใครทั้งนั้น เพราะตลอดทางรถติดมาก ทำเธอล้าจนไม่อยากกินอะไร
"ขิมไม่หิวค่ะมัม ไว้กินพรุ่งนี้นะคะ"
"ถึงไม่กินข้าวเย็นก็ใช่ว่าเธอจะผอมนะ กินๆ ไปเหอะ"
"ยัยป่าน!"
เสียงเอะอะโวยวายของมัมดังตามหลังมา แต่เธอก็ไม่ได้สนใจมันอีก สองเท้ารีบเดินขึ้นบันไดเป้าหมายคือห้องที่อยู่ในสุดของบ้าน คนตัวเล็กรีบสาวเท้าก่อนจะเปิดประตูห้องและปิดลงกลอนทันที
ฟุ่บ!
กระเป๋าสะพายถูกเธอโยนทิ้งลงพื้นพลางถอนหายใจออกมาอย่างเนือยๆ ก่อนที่เธอจะก้าวไปหยุดอยู่หน้ากระจกบานใหญ่ ฝ่ามือเล็กยกขึ้นทาบใบหน้าของตนเองก่อนจะนวดมันเบาๆ
"อ้วนตรงไหน ทำไมชอบบูลลี่อยู่เรื่อยเลย"
ทำไมเธอต้องโดนบูลลี่เรื่องรูปร่างอยู่เรื่อยก็ไม่รู้ ตอนปีหนึ่งถึงแม้เธอจะอวบเกือบจะอ้วนก็จริง แต่ตลอดหนึ่งปีที่ผ่านมาเธอเปลี่ยนแปลงตัวเองอยู่ตลอด ไม่เคยมีวันไหนที่เธอไม่ออกกำลังกาย เพียงแต่ในตอนนี้เธอใส่เสื้อโอเวอร์ไซซ์ซึ่งมันทำให้ดูเหมือนเธอมีพุงใหญ่ แต่ภายใต้ชุดที่ดูใหญ่เกินนี้กลับมีสรีระอวบอิ่มของสาววัยแรกแย้มหลบซ่อนอยู่
และเหตุนี้ทำให้สายขิมแทบไม่มีความมั่นใจในตัวเอง ไม่กล้าใส่เสื้อรัดรูปหรือชุดนักศึกษาที่พอดีตัวแม้แต่ครั้งเดียว
สายป่าน ยัยนั่นเหมือนจะดีกับเธอ แต่เวลาที่เธออยู่ต่อหน้าคนอื่นหล่อนก็จะชอบทำให้เธอเสียความมั่นใจอยู่เสมอ และตบท้ายด้วยคำว่า 'ล้อเล่น' 'อย่าถือสาเราเลย' 'ขำๆ อย่าเครียดสิ'
ทั้งที่เธอไม่เคยตลกกับคำพูดที่สายป่านพูดมาเลยแม้แต่น้อย
สายขิมค่อยๆ ถอดชุดนักศึกษาไซซ์ใหญ่ออกจากตัว พร้อมกับกระโปรงพลีตความยาวเลยเข่าออกจากร่างกาย พิศมองร่างกายของตัวเองที่สะท้อนอยู่ในกระจก
ร่างบางภายใต้ส่วนสูง 167 เซนติเมตร ผมสีดำขลับยาวจนถึงกลางหลังบวกกับเอวคอดกิ่ว 24 นิ้ว แล้วสาวอ้วนที่ไหนจะเอวเท่านี้กัน เธอพยายามลดมาเป็นปีถึงแม้จะไม่มีใครเห็นความเปลี่ยนแปลงนั้นเลยก็ตาม แต่เธอเห็นมันอยู่ทุกวัน
หน้าท้องที่แบนราบมีแนวเส้นกลางหน้าท้องแสดงให้เห็นถึงการมีวินัยในการออกกำลัง จะมีก็ตรงหน้าอกของเธอนี่แหละที่มันจะใหญ่เกินรูปร่างไปหน่อย ทำให้เธอต้องสรรหาชุดที่ดูใหญ่เพื่อไม่ให้ใครมองหน้าอกเธอที่มันไม่ได้ลดตามน้ำหนัก
ติ๊ง! ติ๊ง! ติ๊ง!
เสียงแจ้งเตือนของแอปพลิเคชันเมสเซนเจอร์ดังขึ้น เหมือนจะมีใครบางคนที่กำลังรัวแช็ตอย่างบ้าคลั่ง จนทำให้เธอรีบผละตัวออกจากกระจกแล้วเอื้อมมือไปหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาเปิดดู ก็พบว่าเป็นแก๊ง 'พวกเรามันกาก' ของเจย์อาร์ที่กำลังพิมพ์แช็ตกันอย่างรัวๆ จนเธอตามอ่านไม่ทันต้องย้อนอ่านขึ้นไป
เธอกับเพื่อนใหม่ (?) ได้แลกเฟสบุ๊กกันเพื่อง่ายต่อการติดต่องาน ถึงแม้จะไม่ได้เป็นเพื่อนในเฟสบุ๊กกันหมดทุกคน แต่ภายัพก็ดึงเพื่อนๆ ของเขาเข้ากลุ่มแช็ตเพื่อคุยกันเรื่องงาน
ภายัพคนซึน : 'พรุ่งนี้นัดทำงานกลุ่ม'
ดะดะดะดิว : 'ที่ไหนดีวะ'
(เอก) การแสดง : 'ใต้อาคารบริหารดีไหมไอ้เจย์'
เจย์อาร์อาอ่าอ๊า : 'กูว่าหอสมุดกลางดีกว่า จะได้หาหนังสือด้วย'
ดะดะดะดิว : 'เหยดดดด! ไอ้เจย์สามารถคิดเรื่องที่มีสาระแบบนี้ได้ด้วย'
ภายัพคนซึน : 'กูนี่อึ้งไปเลยครัชชชช!!'
(เอก) การแสดง : 'มึงแดกยาลืมเขย่าขวดแน่ๆ เพราะส่วนใหญ่มึงจะไม่ค่อยมีสมองนี่ไอ้เหี้ยเจย์'
เจย์อาร์อาอ่าอ๊า : 'พวกมึงนี่รักกูจังเลยนะ'
สายขิม : 'ตกลงนัดที่ไหนกัน'
All : '...'
เมื่อเธอพิมพ์ไปในแช็ตกลุ่มก็ปรากฏว่ามีแต่คนอ่าน แต่ไม่มีใครตอบอยู่เกือบหนึ่งนาที ทำเธอขมวดคิ้วมุ่น แต่ไม่ทันที่จะได้พิมพ์เข้าไปอีกครั้ง ก็มีแช็ตเด้งจากภายัพขึ้นมา
ภายัพคนซึน : 'สายขิมมาแล้ว เจอกันที่หอสมุดกลางตอนบ่ายแล้วกัน'
อ่า...พรุ่งนี้หลังจากบ่ายโมงเธอไม่มีเรียนต่อพอดี คงไม่มีปัญหาอะไรจึงตอบตกลงไป
สายขิม : 'เค ได้เลย'
เมื่อได้คำตอบที่พอใจเธอจึงวางโทรศัพท์ไว้บนหัวเตียง ก่อนจะเดินเข้าไปอาบน้ำโดยไม่ได้อ่านแช็ตของกลุ่มอีก
ดะดะดะดิว : 'ไอ้เจย์ไปแล้วเหรอวะ เงียบไปเลย'
(เอก) การแสดง : 'สงสัยติดหญิง ไม่มีเวลามาคุยกับเพื่อนแบบนี้ชัดเลย'
เจย์อาร์อาอ่าอ๊า : 'พ่องมึงตาย กูยังอยู่ ไม่ได้กกหญิงที่ไหนโว้ย!'
(เอก) การแสดง : 'อันนี้บอกกูหรือบอกใครในนี้คร้าบบบ'
เจย์อาร์อาอ่าอ๊า : 'เรื่องของกู'
ดะดะดะดิว : 'ฮั่นแน่!!'
ภายัพคนซึน : 'ฮั่นแน่'
เจย์อาร์อาอ่าอ๊า : 'แน่พ่อมึง!'
(เอก) การแสดง : คนกากแบบมึงนี่กากต่อไปเถอะ
เจย์อาร์อาอ่าอ๊า : '...'
วันต่อมาสายขิมมีเรียนตั้งแต่เช้า พอถึงบ่ายโมงเธอจึงเข้ามารอในหอสมุดกลางตามที่ได้ตกลงกับแก๊ง 'พวกเรามันกาก' แต่รอยังไงพวกเขาก็ยังไม่มาเธอจึงตัดสินใจหาหนังสือที่พอเป็นประโยชน์เพื่อประกอบการทำรายงานไปพลางๆ
เมื่อกลับมานั่งอ่านข้อมูลบนโต๊ะได้ครู่ใหญ่ สายตาคู่สวยมองขึ้นไปยังนาฬิกาที่ติดอยู่บนฝาผนังหอสมุดก็พบว่ามันจะเข้าบ่ายสองโมงแล้วด้วยซ้ำ แต่เธอก็ยังไม่เห็นแม้แต่เงาหัวของพวกเขาแม้แต่คนเดียว
หรือเธอจะถูกลืมอีกแล้ว...
"นี่พวกเขาลืมกันทั้งกลุ่มเลยเหรอ" อุตส่าห์เป็นคนนัดเธอแท้ๆ แต่กลับไม่มาตามนัดแบบนี้ใช้ไม่ได้เลยจริงๆ ให้ตายสิ
ติ๊ง!
สายขิม : 'อยู่ไหนกัน ลืมนัดหรือเปล่า'
ถ้าลืมเธอจะด่าให้ เพราะเพิ่งจะตกลงกันเมื่อวาน มันเกินไปถ้าพวกเขาจะขี้ลืมขนาดนี้
คนตัวเล็กมองเมสเซนเจอร์อยู่สักพักก็มีคนอ่าน พร้อมกับภายัพที่พิมพ์ตอบกลับมา
ภายัพคนซึน : 'ไม่ได้ลืม รอแป๊บอีกครึ่งชั่วโมงเดี๋ยวไป ตอนนี้กำลังจัดการธุระอยู่ เธอหาข้อมูลไปก่อนแล้วกัน'
ธุระ? ให้ตายเหอะ...นี่พวกเขาจะมีธุระกันทุกคนตอนนี้เลยเหรอ แบบนี้ฟังไม่ขึ้นคิดจะอู้งานแน่ๆ เลย
สายขิม : 'ถ้าพวกนายไม่มาในอีกครึ่งชั่วโมงฉันจะกลับแล้วนะ'
เมื่อเธอส่งข้อความไปอีกครั้ง ก็วางโทรศัพท์เอาไว้ข้างหนังสือ แต่เพียงแค่ไม่กี่วินาทีก็มีเมสเซนเจอร์ เด้งขึ้นมาอีกครั้ง และครั้งนี้ภายัพไม่ได้ตอบกลับแต่เป็นเจย์อาร์ที่พิมพ์ข้อความกลับมา
เจย์อาร์อาอ่าอ๊า : 'ถ้าเธอกล้ากลับก่อนเดี๋ยวตามไปถึงบ้านนะ กล้ากลับก็ลองดูเลย'
"อีตาบ้า..." นี่เขาเป็นคนยังไงเนี่ย คิดจะขู่เธอหรือไงกัน พวกเขาไม่มาตามนัดแล้วจะมาอะไรกับเธออีก :(
ทำไมนิสัยไม่ดีเหมือนหน้าตาบ้างล่ะ
สายขิมเลิกสนใจโทรศัพท์ก่อนจะหาข้อมูลในหนังสือต่อไปในที่สุด โต๊ะที่เธอเลือกในการทำงานนั้นอยู่บริเวณใกล้ลิฟต์เพื่อที่พวกเขาจะได้เห็นเธอทันทีที่เดินออกมาด้านนอก
"เมื่อไหร่จะมาเนี่ย" สายขิมได้แต่นั่งถอนหายใจอยู่อย่างนั้น เพราะไม่ว่าจะนั่งรอไปอีกนานแค่ไหนก็ไม่เห็นตัวของแก๊งนั้นโผล่ออกมาจากลิฟต์แม้แต่คนเดียว
เมื่อมองนาฬิกาบนฝาผนังอีกรอบก็พบว่า นี่มันเกือบจะสี่สิบนาทีแล้วด้วยซ้ำที่เธอรอพวกเขา เธออุตส่าห์ใจดีต่อเวลาให้แต่พวกเขากลับไม่เห็นค่า ถ้ายังจะเป็นแบบนี้เธอเองก็ไม่อยากรอแล้วเหมือนกัน
'พอกันที เธอเบื่อจะรอแล้ว'
แล้วที่ขู่กันว่าจะตามไปถึงบ้าน ขอบอกเลยว่าเป็นไปไม่ได้ เพราะอะไรน่ะเหรอ? ก็เขาไม่รู้ว่าบ้านโฮสต์เธออยู่ไหนน่ะสิ
คิดจะขู่กันก็ดูความเป็นไปได้ก่อนอีตาบ้าเจย์อาร์!!