EP.8 ความบังเอิญที่น่ารัก

1475 Words
เสียงหัวเราะต่ำๆ ใบหน้ากวนๆของเขายังวนอยู่ในหัว ทั้งที่เขานั่งอยู่ข้างๆ ฉันกัดฟันแน่นจนกรามจะค้างอยู่แล้ว "จะบ้าตายให้ได้! ฉันอยากจะออกไปจากที่นี่ตอนนี้เลย!" ฉันวางส้อมลงกับจานทันที ก่อนหันไปยกมือไหว้เบาๆ “คุณย่าคะ เฌอขออนุญาตไปเข้าห้องน้ำสักครู่นะคะ” คุณย่าโสมเงยหน้ามามองเล็กน้อย แต่ก็พยักหน้าด้วยรอยยิ้มใจดี “ไปสิลูก อย่าช้านะ เดี๋ยวอาหารจานหลักมา” “ค่ะ!” ฉันตอบรับเสียงใส รีบลุกขึ้นจากเก้าอี้แทบจะทันทีเหมือนคนหนีไฟไหม้ แต่ยังไม่ทันก้าวพ้นเก้าอี้ เสียงทุ้มก็ดังตามหลังมาติดๆ จนฉันสะดุ้ง “เดี๋ยวพี่ไปเป็นเพื่อนครับ” ฉันหันขวับกลับไปค้อนใส่เต็มแรง แต่ยังไม่ทันจะได้อ้าปากเอ่ย เขาจับแขนฉัน ให้เดินตามแรงจูงเขาทันที รอยยิ้มของผู้ใหญ่ทั้งโต๊ะฉายแววขึ้นอย่างพอใจ "โอ๊ยยย นี่มันเวรกรรมอะไรของฉัน! เขาจะตามไปหลอกหลอนฉันถึงในห้องน้ำเลยหรอ แรงลากจากมือใหญ่ที่จับแขนไว้แน่นทำให้ฉันก้าวแทบจะไม่ทัน “คุณหมอ! ปล่อยนะคะ คนอื่นมองอยู่” ฉันกระซิบลอดไรฟัน พลางพยายามสะบัดแขนออก “ก็ดีสิครับ จะได้รู้กันทั้งโรงแรมว่าคนนี้คู่หมั้นของพี่” เขาหันมายิ้มกวนๆ “ใครบอกว่าฉันจะหมั้นกับคุณ!” ฉันหันมาค้อนตาเขียวใส่เขา หน้าแดงก่ำ เขาหัวเราะในลำคออย่างไม่สะทกสะท้าน “คุณย่าเฌอไงครับ” และในจังหวะนั้นเขาดันฉันเข้าไปในมุมลับตาคน ก่อนจะถึงห้องน้ำ แล้วก้มหน้าลงใกล้จนเสียงกระซิบแทบชิดแก้ม “หรืออยากให้พี่พิสูจน์ให้ชัดๆ ว่าเราเป็นอะไรกัน” “พิสูจน์บ้าอะไร!” ฉันผลักอกเขาเต็มแรงๆ แต่กลับเหมือนยิ่งทำให้เขาก้าวเข้ามาใกล้มากกว่าเดิม เขายันฝ่ามือกับผนังข้างใบหน้าฉัน ร่างสูงบังทางออกจนฉันถอยจนติดกำแพง ดวงตาคมกริบจ้องมาอย่างเจ้าเล่ห์ “รู้มั้ยเฌอ เวลาหนี พี่ชอบมากกว่าเวลายอมเสียอีก” “คุณมันโรคจิต!” ฉันกัดฟันเถียง แต่หัวใจกลับเต้นแรงจนแทบไม่เป็นจังหวะ ความใกล้ชิดทำให้ลมหายใจฉันสะดุดอย่างห้ามไม่ได้ “โรคจิตก็ช่าง แต่ตอนนี้ มีแต่เธอที่ทำให้พี่เสียอาการได้จริงๆ” เนมยกยิ้มมุมปาก ฉันอ้าปากจะด่า แต่เสียงประตูห้องน้ำหญิงถูกผลักเปิดดัง แอ๊ดดด ทำให้ฉันสะดุ้ง รีบผลักเขาออกแล้ววิ่งหนีเข้าไปในห้องน้ำทันที เสียงหัวเราะต่ำๆ ของเขายังตามเข้ามาในหัวเหมือนหลอกหลอน “บ้าจริง! คนอะไรทั้งหล่อ ทั้งกวน ทั้งอันตรายไปพร้อมกัน!” ฉันยืนอยู่หน้ากระจกในห้องน้ำ สูดหายใจลึกๆ พยายามเรียกสติกลับมา “ใจเย็นสิยัยเฌอ อย่าไปสะทกสะท้านกับหมอจอมกวนแบบนั้น!” พอเปิดประตูออกมา ใครจะยืนรอพิงกำแพงอย่างสบายอารมณ์อยู่ตรงหน้า ถ้าไม่ใช่เขา “ยังอยู่ตรงนี้อีกเหรอ!” ฉันเบิกตากว้าง เขายกคิ้ว ยกแก้วน้ำแร่ขึ้นดื่มชิลๆ “ก็รอคนไข้นี่ครับ” “นี่มันห้องน้ำ ไม่ใช่ห้องตรวจ!” ฉันสะบัดเสียง ก้าวยาวๆ จะเดินหนี แต่แขนกลับถูกคว้าไว้แน่น “อย่าลืมสิครับ ว่าเฌอยังมีนัดตรวจซ้ำกับพี่” เสียงทุ้มต่ำกระซิบข้างหู ทำเอาใจฉันเต้นแรงอย่างบ้าคลั่งอีกครั้ง ฉันสะบัดแขนออก “ไม่ไปค่ะ! จะขอเปลี่ยนหมอ ถ้าเปลี่ยนไม่ได้ ก็เปลี่ยนโรงพยาบาลไปเลย” เนมชะงักเล็กน้อย “หึ…ถ้าคิดว่าหนีพี่พ้น ก็ลองดู” สายตาเนมคมเข้มเต็มไปด้วยความไม่พอใจ ฉันเม้มปากแน่น หันหลังเดินกลับไปทางห้องอาหาร พยายามตั้งสติให้กลับมาก่อนจะเปิดประตูเข้าไป ฉันกลับมานั่งที่โต๊ะ และเขาที่ตามมาติดๆ ฉันพยายามเก็บอารมณ์ที่คุกรุ่นเมื่อสักครู่ให้สงบลง แต่ทว่าหัวใจยังเต้นแรงไม่หาย รู้สึกเหมือนทุกสายตาบนโต๊ะจับจ้องมาที่ฉันกับหมอเนมไม่วางตา คุณแม่หัวเราะเบาๆ ก่อนจะถามขึ้น “ว่าแต่…หนูกับคุณหมอรู้จักกันมาก่อนแล้วเหรอลูก” ฉันชะงัก ช้อนที่กำลังจะตักอาหารแทบหลุดมือ ดวงตาเบิกกว้างทันที แย่แล้ว! เนมวางแก้วไวน์ลงอย่างสง่างาม มุมปากยกขึ้นน้อยๆ “คืออย่างนี้ครับ” “ที่มหาลัยค่ะ!” ฉันรีบพูดแทรกเสียงดังจนคนทั้งโต๊ะหันมามอง ฉันฝืนยิ้มทั้งที่เหงื่อซึมเต็มแผ่นหลัง “พี่เนมมาประชุมวิชาการที่คณะ เฌอก็เลยบังเอิญเจอค่ะ แค่นั้นเอง” บรรยากาศเงียบไปอึดใจ ก่อนคุณย่าสองบ้านจะหันมามองหน้ากันแล้วยิ้มพอใจ อ๋อ อย่างนี้นี่เอง ดีจังเลยหลานๆ ได้รู้จักกันก่อนที่เราจะนัดกันซะอีก อย่างนี้เขาเรียก “บุพเพสันนิวาส” หรือเปล่าคุณโสม คุณยายเนมพูดขึ้นอย่างขำๆ “ใช่ๆ ความบังเอิญที่น่ารักจริงๆ” ฉันรีบก้มหน้าก้มตาตักข้าวเข้าปาก หัวใจเต้นแรงรัว รู้สึกถึงสายตาคมกริบที่ยังจ้องอยู่ข้างๆ “หึ โกหกผู้ใหญ่นี่บาปนะครับ น้องเฌอ” เสียงทุ้มต่ำกระซิบแผ่วๆ ข้างหู ฉันแทบจะจิ้มส้อมใส่มือเขาใต้โต๊ะ จะพูดเรื่องจริงให้โป๊ะแตกหรือไงยะ! ใครจะยอม! แต่พอเงยหน้าขึ้นเจอสายตาพอใจของผู้ใหญ่ทั้งสองฝ่าย ฉันก็ได้แต่กัดฟันแน่น ยอมให้หมอนี่เล่นใหญ่อยู่ฝ่ายเดียว หลังจากอาหารจานหลักผ่านไป พนักงานเก็บจานเคลียร์โต๊ะเพื่อเตรียมของหวาน บรรยากาศเต็มไปด้วยเสียงหัวเราะอารมณ์ดีจากฝั่งผู้ใหญ่ คุณแม่ฉันเอ่ยขึ้นพร้อมยิ้มละมุน “คุณหมอเนมนี่ ทั้งเก่ง ทั้งสุภาพ หน้าตาก็ดี นิสัยก็เข้มแข็ง เฌออยู่ข้างๆ ก็ดูเหมาะสมกันจริงๆ” ฉันแทบจะสำลักน้ำในแก้ว รีบยกมือป้องปากไอค่อกแค่ก หน้าแดงก่ำไปหมด “มะ แม่คะ!” คุณย่าหัวเราะเสียงใส ย่าก็เห็นด้วย หลานสองคนนี่เวลาอยู่ด้วยกัน ดูเข้ากันดีมาก เหมือนต่อให้ไม่บังคับ ยังไงก็ต้องมาลงเอยกันอยู่แล้ว” ฉันก้มหน้าซ่อนรอยแดง มือสั่นนิดๆ พยายามเก็บอาการ แต่เสียงหัวเราะข้างหูทำให้ร่างกายยิ่งร้อนวูบขึ้นไปอีก ไอ้พี่หมอบ้าหันไปยกแก้วไวน์ขึ้นชนกับคุณยายทั้งสองฝั่งอย่างสุภาพ พร้อมรอยยิ้มที่มีเพียงฉันเท่านั้นที่รู้ว่าแฝงเจตนาบางอย่าง “ขอบคุณครับ ผมจะดูแลน้องเฌอให้ดีที่สุด” ฉันเงยหน้าขึ้นแทบถลนตา พูดอะไรของคุณ! แต่สายตาคมกริบของผู้ใหญ่ทั้งโต๊ะ ที่หันกวาดมองมาก็ทำให้ฉันขยับปากไม่ออก ใต้โต๊ะมือใหญ่เลื่อนมาจนเกือบแตะหลังมือฉันอีกครั้ง แต่คราวนี้ไม่แตะ แค่ปล่อยไว้ใกล้ๆ อย่างจงใจ ราวกับจะบอกเป็นนัยว่า “พี่ปล่อยให้เธอมีที่หายใจแค่นี้ก็พอ” หัวใจฉันเต้นแรงรัวจนแทบหลุดจากอก มือกำแน่นสุดแรง ทั้งอยากจะลุกหนี ทั้งอยากตะโกนใส่หน้าเขา แต่ผู้ใหญ่กำลังยิ้มแย้มชื่นชมอย่างพอใจเต็มที่ หลังจากทานมื้ออาหารจบลง ฉันรีบสาวเท้าไปยืนรอรถครอบครัว หวังว่าจะได้แยกตัวกลับบ้านเร็วที่สุด แต่เสียงทุ้มคุ้นหูดังขึ้นข้างๆ ทำให้ฉันชะงัก “คุณย่าครับ” เขาก้าวเข้ามาอย่างมั่นใจ ใบหน้าเปื้อนรอยยิ้มที่ดูทั้งสุภาพและเจ้าเล่ห์ “วันนี้ขออนุญาตพาน้องเฌอไปต่อสักหน่อยได้มั๊ยครับ” ฉันหันขวับทันที “หา! ไม่!” แต่ยังไม่ทันได้ปฏิเสธ เสียงหัวเราะของผู้ใหญ่ก็ดังขึ้นกลบ “ดีสิๆ หนุ่มสาวก็ต้องรู้จักไปไหนมาไหนด้วยกันบ้าง” คุณยายของเขาพูดเสียงสดใส ตาเป็นประกายถูกใจสุดๆ “ใช่แล้วจ้ะ” คุณย่าฉันเองก็รีบผสมโรงทันที “ถ้าเฌออยู่กับคุณหมอสบายใจได้ ย่าอนุญาต” “คุณย่าาาา!” ฉันหันไปอ้อน แต่โดนสายตาดุๆ กลับมาทันที เนมหันมายิ้มกว้าง เอื้อมมือมาดันแผ่นหลังฉันเบาๆ “ไปครับน้องเฌอ เดี๋ยวพี่พาไปอะไรเย็นๆ ดื่ม!” “ฉันไม่ได้อยากไปนะ!” ฉันกระซิบเสียงแข็ง แต่ก็ถูกลากให้เดินไปที่รถเขาอยู่ดี เสียงผู้ใหญ่ยังดังตามหลังมาไม่ขาดสาย “เอาเลยๆ ไปสนุกกันนะ เด็กๆ” ฉันกัดฟันแน่น ก้าวฉับๆ ขึ้นรถด้วยสีหน้าร้อนผ่าวสุดๆ “โอ๊ยยย นี่มันบ้าอะไร! ทำไมผู้ใหญ่ต้องไฟเขียวให้เขาตลอดเลยเนี่ย!!” ในขณะที่เนมขึ้นมานั่งฝั่งคนขับ มุมปากยังยกยิ้มอย่างผู้ชนะ “เกมนี้ พี่หมอชนะอีกแล้วครับ น้องเฌอ”
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD