พราวมองสวนดอกไม้ด้านหลังคฤหาสน์อย่างสนใจ ที่นี่มีดอกไม้นานาชนิด ทั้งดอกกุหลาบ ดอกทิวลิปและดอกไม้ที่เธอไม่รู้จักอีก
หลังจากเดินผ่านสวนดอกไม้ก็มีกลุ่มคนที่กำลังยืนทำท่าทางหวาดกลัวจ้องมองอะไรสักอย่าง พราวมองตามหัวหน้าพ่อบ้านที่วิ่งเข้าไป เหมือนว่าเธอจะรู้สาเหตุแล้วว่าทำไมทุกคนถึงดูตื่นกลัว เพราะเจ้าหมาสี่ขาตัวโตตอนนี้ดูหงุดหงิดสุดๆ เหมือนจะเป็นพันธุ์เยอรมัน เชพเพิร์ด ที่เธอรู้เพราะรุ่นพี่ที่รู้จักเปิดฟาร์มสุนัขและเหมือนจะเคยบอกเธอว่าสุนัขพันธุ์นี้ดุมาก
"คุณพราวระวังครับ!!"
เสียงตะโกนดังขึ้นจากหัวหน้าพ่อบ้านทำให้พราวที่กำลังคิดอะไรบ้างอยู่ได้สติขึ้นมา แต่เหมือนจะไม่ทันแล้วเพราะเจ้าสัตว์สี่ขาวิ่งมาหาเธอด้วยความเร็วสูงก่อนจะกระโดดใส่เธออย่างแรง
"กรี๊ดดดดดด!!"
พราวกรีดร้องอย่างตกใจ ก่อนที่ร่างของเธอจะล้มลงนอนที่พื้นสนามหญ้าโดยมีเจ้าหมาสี่ขาตัวใหญ่ขึ้นคร่อมตัวไว้ เธอที่คิดว่าตัวเองจะถูกกัดก็รีบยกแขนมาป้องกันตรงหน้าไว้ แต่ผ่านไปเกือบนาทีก็ไม่มีอะไรเกิดขึ้น เธอเลยค่อยขยับแขนออกจากใบหน้า ปรากฏว่าเจ้าหมาตัวใหญ่ที่วิ่งมาพุ่งใส่เธอเมื่อกี้กำลังนั่งทำหน้าอ้อนเธอ ก่อนจะแลบลิ้นที่เปียกชุ่มไปด้วยน้ำลายเลียแขนเธอจนเปียกตาม
"คุณหนูเป็นอะไรหรือเปล่าครับ"
ทุกคนต่างวิ่งมาหาหญิงสาวด้วยความตกใจ ไม่คิดว่าหมาของเจ้านายตัวนี้จะพุ่งใส่คนที่เพิ่งมาใหม่ แต่ที่หน้าแปลกใจก็คือนอกจากมันจะไม่กัดหรือขู่ให้กลัวแล้ว มันยังทำท่าทางออดอ้อนเหมือนที่ชอบทำกับเจ้าของที่เป็นเจ้าของบ้านหลังนี้
"ไม่ค่ะ! ไม่เป็นอะไรแต่ว่า..."
"ดูเหมือนแบร์มันจะชอบคุณหนูนะครับ ปกติแล้วนอกจากนายท่านมันจะไม่ค่อยเข้ากับใครได้ง่ายๆหรือเร็วขนาดนี้"
คำพูดของหัวหน้าพ่อบ้านทำให้เธอฉุกคิดว่าอาจจะเพราะตัวของเธอมีกลิ่นของเพื่อนพ่อคนนั้นติดอยู่จากสนามบิน เจ้าหมาตัวนี้เลยคิดว่าเธอเป็นเจ้านายตัวเองไปด้วยหรือเปล่า
"หมาตัวนี้ชื่อแบร์ใช่หรือเปล่าคะ"
"ครับ"
"เจ้าแบร์ นายตัวหนักนะ วันหลังอย่ากระโดดใส่ฉันแบบนี้อีกนะรู้ไหม" มือเล็กของคนที่พูดยกไปลูกหัวสุนัขเบาๆ พอมันถูกลูบก็ยิ่งอ้อนใหญ่
"หงิง"
ท่าทางของสุนัขตัวโตทำเอาทุกคนต่างงงไปตามๆกัน ไม่คิดว่ามันจะยอมขนาดนี้เพราะขนาดครูฝึกแท้ๆ มันยังไม่ยอมให้ลูบหัวง่ายๆเลย ดูเหมือนว่าทุกอย่างจะผ่านพ้นไปได้ด้วยดีเพราะเจ้าแบร์ยอมกลับเข้าบ้านหลังเล็กที่ถูกสร้างมาเพื่อมันโดยเฉพาะ
"เจ็บตรงไหนหรือเปล่าครับ"
พอหลังจากเหตุการณ์สงบลง หัวหน้าพ่อบ้านก็ไปจัดการเรื่องต่างๆต่อ ส่วนพราวก็มานั่งรอด้านในคฤหาสน์โดยมีร็อกตามมาพูดคุยด้วย
"ไม่หรอกค่ะ ปกติเจ้าแบร์จะอารมณ์แบบนั้นเหรอคะ"
"ครับ ปกติจะไม่ค่อยให้ใครจับเลย ยกเว้นนายท่านคุณหนูพราวเป็นคนแรกๆเลย" ตอนนี้ร็อกแทบไม่กล้าที่จะสบตากับคนตรงหน้า
"แล้วคุณผู้หญิงของบ้าน ภรรยาของลุงเดฟล่ะคะเจ้าแบร์ชอบหรือเปล่า" พราวหาโอกาสที่จะถาม
"อ่ออ...อะ"
ปรืนนนน!! แต่ยังไม่ทันที่ร็อกจะได้พูดอะไรเสียงรถยนย์ที่ขับเข้ามาหน้าบ้านอย่างแรงก็ดึงความสนใจของทั้งคู่ ร็อกรีบเดินออกไปดู พอเห็นว่าคนที่มาคือเจ้านายที่เพิ่งขับรถออกไปไม่นานก็กลับเข้ามาอีกครั้ง แถมคราวนี้หน้าตาเต็มไปด้วยความเคร่งเครียดก็ทำให้เขาอดกลืนน้ำลงคออย่างลำบากไม่ได้ ดุท่าทางพวกเขาอาจจะงานเข้ากันแล้ว
"นายท่านกลับมาแล้วเหรอครับ"
"ไปตามหัวหน้าพ่อบ้านมาหาฉันที่ห้องรับแขก"
"ครับ"
เดฟตอนนี้รู้สึกหงุดหงิดกับสิ่งที่ตัวเองเพิ่งได้ยินหลังจากรับโทรศัพท์จากหัวหน้าบ้านของตัวเองไม่ได้ ก่อนหน้านี้เขากำลังเดินตรวจงานอยู่ก็มีโทรศัพท์จากพ่อบ้านโทรเข้ามารายงานเรื่องสุนัขตัวโปรดของเขาอาละวาด ความจริงเรื่องนี้มันเป็นเรื่องปกติและเกิดขึ้นบ่อยมากเพราะเจ้าแบร์ไม่ยอมใครง่ายๆเลยเป็นหมาขี้โมโห แต่คราวนี้ที่เขาโมโหคือลูกสาวของเพื่อนที่ตัวเองพามาอยู่ด้วยไม่ถึงครึ่งวันด้วยซ้ำ ดันไปอยู่ที่นั่นแล้วเจ้าหมาตัวแสบของเขาก็ดันวิ่งไปตะคุบเธอ ถึงแม้ว่าจะบอกว่าเธอไม่เป็นอะไรก็เถอะ
"ลุงเดฟกลับมาแล้วเหรอคะ"
เสียงหวานจากคนที่นั่งอยู่ก่อนหน้าและเป็นต้นเหตุให้เขารีบบึ้งรถกถามขึ้นก็ทำให้เขาอดถอนหายใจออกมาเบาๆไม่ได้ เขาตัดสินใจเดินไปนั่งลงข้างๆเธอ แต่ก็ไม่ได้ใกล้เกินจนดูน่าเกลียด การเว้นระยะห่างของชายเจ้าของบ้านทำให้พราวรู้ได้ทันทีว่าเขาไม่ได้อยากใกล้ชิดเธอ อาจจะกลัวภรรยาเข้าใจผิดแน่ๆ
ฉันควรอยู่ที่นี่ต่อดีหรือเปล่านะ เจ้าของบ้านดูอึดอัดขนาดนี้
"เจ็บตรงไหนหรือเปล่า"
"ไม่ค่ะ แค่ล้มลงไปไม่ได้ทำให้เจ็บอะไรเลย อีกอย่างแบร์ก็ไม่ได้ทำอะไรพราวเลย สงสัยจะได้กลิ่นลุงเดฟจากตัวพราวเลยอยากอ้อน"
คนที่ได้ยินสิ่งที่คนนั่งข้างๆพูดก็ชะงัก มันทำให้เขานึกถึงเหตุการณ์ที่สนามบินตอนที่ตัวเองดึงร่างนุ่มนิ่มหอมกรุ่นเข้ามาไว้ในอ้อมแขน
"แต่มันไม่ควรเกิดเหตุการณ์แบบนั้นขึ้น อีกอย่างถ้ามันไม่อยากอ้อนล่ะแล้วเราเป็นอันตรายขึ้นมาลุงจะมีหน้าไหนไปเจอหน้าพ่อเราได้ ลูกสาวเพื่อนมาอยู่บ้านวันแรกก็โดนหมาทำร้าย"
"ขอโทษนะคะที่พราวสร้างเรื่องให้ลุงเดฟลำบากใจ ไหนจะเรื่องเข้ามาอยู่ที่นี่แล้วทำให้ลุงเดฟกับภรรยาอาจจะเข้าใจผิดกัน ไหนจะไปก่อเรื่องให้วุ่นวายมากขึ้น พราวว่า...พราวควรจะออกไปอยู่ข้างนอกดีกว่าเพื่อความสบายใจของทุกคน"
เขากับภรรยาเข้าใจผิดกัน? เดฟถอนหายหายใจอีกครั้ง ดูเหมือนว่าลูกสาวของเพื่อนคนนี้จะคิดว่าเขายังมีครอบครัวหรือภรรยาอยู่สินะ
"เฮ้อ...แล้วเราจะไปอยู่ที่ไหน"
"หอพักของมหาวิทยาลัยก็ได้ค่ะ เรื่องนี้พราวจะไม่ให้พ่อกับแม่รู้ ถ้าพ่อกับแม่ถามพราวจะบอกว่าอยู่ที่บ้านลุงเดฟเหมือนเดิมดีไหมคะ"
"อยู่ที่นี่ต่อนั่นแหละ จะไปยุ่งยากหาที่อยู่อื่นทำไม อีกอย่างลุงก็ไม่ได้มีเมียให้มาตามหึงหวงแบบที่เรากำลังจินตนาการอยู่หรอกแล้วก็ไม่ได้ไม่สบายใจอะไรด้วย"
พราวมองหน้าคนที่เพิ่งพูดจบพร้อมกับขมวดคิ้วเข้าหากัน ไม่มีเมีย? หมายถึงอะไรนะ
"ลุงเดฟคะ ไม่มีเมียหมายความว่า..."
"ลุงหย่ากับเมียมาได้หลายปีแล้ว ไม่ต้องกลัวใครจะมาเข้าใจผิดเรื่องที่ลุงพาเรามาที่นี่หรอก"
เพียงแค่ได้ยินว่าคนตรงหน้าไม่มีพันธะจากใครแล้ว หัวใจของเธอก็ชุ่มชื่นขึ้นมาอย่างกับว่าดอกไม้ที่กำลังแห้งเหี่ยว ได้น้ำฝนมาทำให้มีชีวิตชีวาขึ้น
"นายท่านขอโทษที่ให้รอครับ"
แม็กที่วิ่งเข้ามาอย่างหืดหอบหลังจากได้ยินคำสั่งที่ถูกส่งต่อ ก็รีบวางทุกอย่างตรงหน้าลงแล้วเข้ามาหาเจ้านายทันที
"ฉันบอกให้ดูแลเธอให้ดีๆ ทำไมถึงเกิดเรื่องแบบนี้ห๊ะ!!"
เสียงตะคอกดังของเดฟทำให้พราวที่นั่งข้างๆถึงกับสะดุ้งตกใจ มิน่าแม่เธอถึงได้เตือนว่าอย่าทำให้เพื่อนแม่กับพ่อคนนี้โกรธหรือไม่พอใจ
"ผมต้องขอโทษด้วยครับนายท่าน" ทั้งหัวหน้าพ่อบ้านอย่างแม็กและร็อกรีบโค้งตัวลงต่ำอย่างสำนึกผิด
"ฉันควรไล่พวกนายออกหรือว่าหักเงินเดือนดี"
"ลุงเดฟความจริงไม่ใช่ความผิดของทุกคนเลยนะคะ เป็นพราวเองที่ดื้อดึงจะลงไปด้วย"
"แต่ยังไงก็เป็นความผิดของทุกคนอยู่ดีที่ดูแลเราได้ไม่ดีพอ"
"ใช่แล้วครับคุณหนู พวกผมควรจะได้รับบทลงโทษ"
ยิ่งชายแก่หัวหน้าพ่อบ้านพูดแบบนั้น เธอยิ่งรู้สึกผิดเพราะถ้าตัวเองไม่ขอตามลงไปคงจะไม่เป็นเรื่อง ในเมื่อขอร้องธรรมดาไม่ได้ผลก็ต้องลองใช้วิธีการอ้อนแบบที่ชอบทำแล้วแหละ
"ลุงเดฟคะ...อย่าทำโทษทุกคนเลยนะคะ พราวผิดเอง ลุงเดฟไม่เอาผิดทุกคนได้ไหมคะ...พราวสัญญาว่าจากนี้ไปจะไม่ดื้อไม่ซนอีก"
ตอนนี้พราวแทบจะอยากกัดลิ้นตัวเองให้ขาดตายไปเลยเพราะคิดว่าอายุจนยี่สิบเอ็ดแล้วยังทำเรื่องแบบนี้อีก แต่สายตาของคนที่ถูกอ้อนกับรู้สึกเอ็นดูท่าทางของหญิงสาว จนเผยรอยยิ้มออกมาบนใบหน้าอย่างเห็นได้ชัด ท่าทางของเจ้านายไม่หลุดรอดจากสายตาของหัวหน้าพ่อบ้านได้
"ได้ คราวนี้ลุงจะไม่เอาเรื่องใคร พวกนายออกไปเถอะ จัดโต๊ะอาหารเผื่อฉันด้วย ฉันคงจะไม่ออกไปไหนแล้ว"
"ครับ"
ไม่นานห้องนั่งเล่นก็เหลือเพียงเจ้าของบ้านที่นั่งครุ่นคิดอะไรบางอย่างอยู่ คำพูดของเพื่อนสนิทที่ดังก้องอยู่ในหัวมันทำให้เขาต้องถอนหายใจยาวออกมาติดกันหลายๆรอบ
'กูฝากลูกด้วยนะเดฟ มึงเป็นคนเดียวที่กูไว้ใจว่าถ้าลูกกูอยู่ด้วยจะไม่เป็นอันตราย'
"ถ้าลูกมึงยังไม่หยุดน่ารักแบบนี้ กูเนี่ยแหละจะคนที่อันตรายสุดสำหรับลูกมึง"
ขนาดเจอกันยังไม่ถึงวันยังทำให้เขารู้สึกปั่นป่วนได้ขนาดนี้...ลูกเพื่อนท่องไว้ไอ้เดฟ